หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

นิทานพื้นบ้าน เรื่องท้าวเห็นอ้ม

โพสท์โดย ประเสริฐ ยอดสง่า

มีสองพี่น้อง กำพร้าพ่อแม่ ทั้งสองคน ก็ช่วยกันทำมาหาเลี้ยงชีพ ดูแลกันและกัน สองพี่น้อง มีควายโตดเขางามอยู่ตัวหนึ่ง ทั้งสองคน ก็ได้อาศัยควายโตนี้ทำไฮ่ไถนา ดังนั้น ทั้งสองจึงฮักหวงควายโตนี้มาก อยู่มามื้อหนึ่ง พญาแถนกับคนรับใช้ ลงจากเมืองฟ้า มาเที่ยวเล่นเมืองมนุษย์ พบเห็นควายโตนี้ เห็นว่าสวยงามมาก อยากได้ ก็เลยถือดีว่า เจ้าของเป็นเจ้าปกครองหมู่มนุษย์ ให้คนใช้ที่ติดตามมา ไปจับเอาควายโตดโตนั้น ขึ้นไปไว้บนเมืองฟ้า

สองพี่น้อง บ่เห็นควายโตด ก็พากันออกติดตามหา แต่ว่าหาเท่าใดก็ไม่พบ จึงไปถามหมอดูหรือโหรชาวบ้าน ให้ตรวจเบิ่งให้ หมอโหรก็บอกว่า ควายโตนั้น ถืกเทวดามาลักเอาไปไว้เทิงเมืองฟ้า สองพี่น้อง ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อ ก็เลยเดินทางกลับบ้าน

     ในคืนนั้น ทั้งสองก็ฝันว่า ผีปู่ตามาบอกว่า ควายที่เทวดาขโมยไปนั้น ถ้าอยากได้คืน ก็ให้เดินทางไปทางนี้ ทางนี้ เป็นเวลาสี่วันสี่คืน ก็จะถึง เมื่อทั้งสองพี่น้องตื่นจากฝัน ต่างก็เล่าความฝันให้กันฟัง และประหลาดใจว่าฝันตรงกันได้อย่างไร

ทั้งสองเห็นว่า การที่ฝันตรงกันได้ น่าจะเป็นเพราะผีปู่ตามาบอกจริงๆ จึงตัดสินใจ เดินทางออกติดตามควายโตด ตามทางที่ผีปู่ตาบอก ทั้งสอง เดินทางเข้าไปในป่าลึก จนมาถึงเครือเขากาบ ซึ่งผีปู่ตาบอกว่า เป็นทางที่จะปีนขึ้นไปสู่เมืองฟ้า สองพี่น้อง จึงชวนกันปีนขึ้นไป จนในที่สุด ก็ขึ้นไปถึงเมืองฟ้าจริงๆ

ณ เมืองฟ้า อันมีพญาแถนเป็นผู้ปกครองนั้น อาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาล สองพี่น้อง เมื่อถึงเมืองฟ้าแล้ว ก็เดินทางตามหาควายโตดต่อ ระหว่างทาง เมื่อเห็นอ้อยก็หักกิน ยายเจ้าของสวนอ้อยเห็นเข้า ก็เรียกมาถาม ว่าเป็นใคร มาจากไหน ถึงได้มาขโมยอ้อยกิน

สองพี่น้อง ก็เล่าเรื่องพญาแถน ขโมยควายตนให้ยายฟัง ยายเจ้าของสวนอ้อย ได้ฟังเรื่องราวแล้ว ก็เกิดเมตตาในสองพี่น้อง เห็นว่า พญาแถนทำสิ่งที่ไม่ควร เมื่อทั้งสองถามว่า ของวิเศษของพญาแถนมีอะไรบ้าง ยายก็บอกว่า มีมากมาย แต่ที่ดีที่สุด ก็คือดาบ ดาบพญาแถนเป็นดาบวิเศษ

เมื่อทั้งสองทราบเรื่องเช่นนั้นแล้ว ก็ขอบคุณ และลายายเจ้าของสวนอ้อย มุ่งตรงไปยังเมืองพญาแถน ทหาร เห็นทั้งสองเป็นคนแปลกหน้า ก็ถามว่า เป็นใคร มาจากไหน ทั้งสองก็บอกว่า เป็นคน มาจากเมืองมนุษย์ข้างล่าง เดินทางมาตามหาควาย จะขอเข้าเฝ้าพญาแถน ทหาร ก็ไปแจ้งพญาแถนให้ทราบ

พญาแถนรู้อยู่แก่ใจ เกิดความละอายใจ ที่เอาของมนุษย์มา โดยมิได้มีของแลกเปลี่ยน จึงให้ทหารนำเอาแก้วแหวนเงินทอง ข้าวของ ไปให้พี่น้องทั้งสอง บอกว่า เป็นค่าควายที่หายไป ทั้งสองไม่ยอมรับ พญาแถนจึงถามว่า เมื่อไม่ชอบใจ ไม่พอใจสิ่งของเหล่านี้ ก็ให้เลือกเอาใหม่ พวกท่านต้องการสิ่งของอันใดว่ามา

ทั้งสองจึงขอเอาดาบพญาแถน พญาแถน ก็มอบดาบให้ตามที่ขอ ทั้งสองพี่น้อง ได้ดาบพญาแถนแล้ว จึงลาพญาแถน เดินทางกลับมาหายายเจ้าของสวนอ้อย ถามถึงคุณประโยชน์ พร้อมทั้งวิธีใช้ดาบวิเศษเล่มนี้

ยายก็บอกว่า ดาบเล่มนี้วิเศษหลาย ถ้ามีข้าศึกศัตรูมา เราชักดาบนี้ออกจากฝัก ก็จะมีทหารปรากฏขึ้นมามากมาย ทหารพวกนี้ อยู่ยงคงกระพัน ใครฆ่าก็ไม่ตาย เมื่อทั้งสอง ทราบความวิเศษของดาบแล้วก็ลากลับ เดินทางมายังเมืองมนุษย์ ผู้น้องเป็นคนถือดาบวิเศษ

แต่ในขณะที่กำลังปีนเครือเขากาบลงมานั้น ได้เกิดมีลมหัวกุด (ลมบ้าหมู) ลูกใหญ่พัดมา และได้พัดหอบเอาทั้งสองพี่น้อง ลอยไปตามลม ไปคนละทิศทาง คนพี่ ถูกพัดไปตกยังเขตเมืองมนุษย์ ส่วนคนน้อง ถูกพัดไปตกลงในกลางป่า สิ้นชีวิต แล้วไปเกิดในท้องของเห็นอ้ม (หรือชะมด) พอครบกำหนด ก็เกิดออกมาเป็นเห็นอ้มตัวผู้ (ซึ่งก็คือ ท้าวเห็นอ้ม)

ท้าวเห็นอ้ม พออายุได้หนึ่งขวบ ก็ระลึกชาติได้หนึ่งชาติ คิดถึงดาบและพี่ชาย ไม่รู้ว่าดาบไปตกอยู่ที่ไหน พี่ชายเป็นตายร้ายดีอย่างไร ท้าวเห็นอ้ม จึงลาแม่ ออกเดินทางไปตามหาดาบและพี่ชาย

ท้าวเห็นอ้ม เดินทางร่อนเร่พเนจรไปเรื่อยๆ ในที่สุด ก็พบดาบวิเศษพญาแถน สมความตั้งใจ ไปหาพระ ให้เอาของไปถวาย ไปหานาย ให้เอาของไปฝาก

            กล่าวถึงท้าวสาลี แห่งเมืองสาลี มีธิดา โฉมงามอยู่ 7 นาง คนสุดท้อง มีชื่อว่า นางสีดา ความงามของนางทั้งเจ็ด ขจรขจายไปไกล จนเฮ็ดให้เจ้าเมืองต่างๆ เจ็ดหัวเมือง ยกทัพมา หมายจะแย่งเอานางทั้งเจ็ดไปเป็นคู่ครอง ท้าวสาลี ก็เรียกประชุมเสนาอำมาตย์ทั้งหลาย ปรึกษากันว่า สิต่อสู้หรือสิยอมแพ้ ยกลูกสาวให้เจ้าเมืองเหล่านั้นไปดี หรือว่าสิเฮ็ดจั่งได๋ดี

มีอำมาต์ผู้หนึ่งทูลเสนอว่า ควรสิต่อสู้ ธิดาทั้งเจ็ดเป็นคนเมืองสาลี ก็ควรสิเป็นคู่ครองของคนเมืองสาลี ดังนั้น ให้จัดการป้องกันรักษาบ้านเมืองไว้ดีกว่า ผู้ได๋อาสาออกรบ รบชนะ ก็สิได้เป็นพระสวามี ของธิดาทั้งเจ็ด

ท้าวสาลี เห็นว่าเป็นอุบายที่ดี ก็ตกลงรับคำ หลังจากเสร็จประชุมแล้ว ท้าวสาลี ก็เรียกธิดาทั้งเจ็ดมาเล่าเรื่องราวให้ฟัง แล้วกะถามความเห็นของธิดาทั้งหลาย ธิดาทั้งหกคน ต่างตกลงยินยอม ทำตามข้อเสนอนั้น แต่นางสีดา ธิดาคนสุดท้อง คัดค้านว่า เรื่องอะไร จะต้องไปเป็นภรรยาของเหล่าเสนาบดี หรืออำมาตย์ทั้งหลาย ซึ่งมิคู่ควรกันเลย มีอย่างที่ไหน จะยกธิดาของเจ้าเหนือหัว ให้แก่เสนาอำมาตย์

ท้าวสาลีได้ฟังเช่นนั้น ก็โกรธกริ้วอย่างมาก หาว่า นางสีดาไม่รักบ้านรักเมือง หากไม่รักบ้านเมือง ก็อย่าอยู่เมืองนี้เลย จึงสั่งให้นำนางสีดาลงเรือ ลอยตามแม่น้ำไป พร้อมด้วยคนครัวกับนางกำนัล เรือของนางสีดา ลอยเอื่อยออกจากพระนครไป ลอยตามน้ำไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงหาดชายแห่งหนึ่ง จึงชวนกันขึ้นบนบก พวกสาวใช้ ได้เดินเที่ยวเล่นอยู่บริเวณนั้น และบังเอิญได้ไปพบเห็นอ้มตัวหนึ่ง

ท้าวเห็นอ้ม เห็นหญิงสาวเข้ามาในป่า คิดว่าอาจจะเป็นคนหลงทาง จึงเอ่ยถามว่า พวกท่านเป็นใคร เหตุใด จึงเดินทางมาถึงที่นี่ นางสาวใช้ ได้ยินเห็นอ้มพูดได้ ก็ประหลาดใจ และได้เล่าเรื่องราวให้ท้าวเห็นอ้มฟัง ท้าวเห็นอ้ม จึงขอพบนางสีดา เมื่อได้พบนางสีดา ซึ่งมีรูปโฉมงดงาม ก็หลงรัก จึงบอกว่า ตนจะอาสาสู้ศึก และขอเป็นคู่ครองของนางสีดา

นางสีดาคิดว่า เห็นอ้ม แม้จะมีรูปร่างเป็นสัตว์ แต่พูดภาษาคนได้ น่าจะเป็นผู้วิเศษ จึงยอมรับข้อเสนอของท้าวเห็นอ้ม จากนั้น จึงพาท้าวเห็นอ้มลงเรือ เดินทางกลับเมืองสาลี เมื่อถึงเมืองสาลีแล้ว นางสีดา ก็ให้คนไปแจ้งให้พระมารดาทรงทราบ มารดา จึงเข้าไปทูลต่อท้าวสาลี ขอให้ยกโทษให้นางสีดา ท้าวสาลี ก็ยอมยกโทษให้ แล้วถามว่า นางสีดากลับมานี้ พาใครมาด้วยหรือเปล่า สาวใช้ก็ทูลว่า ได้นำเห็นอ้มตัวหนึ่งมาด้วย เห็นอ้มตัวนี้ เป็นสามีของนางสีดา

ท้าวสาลี พอได้ฟังเช่นนั้น ก็กลับโมโหขึ้นมาอีก... “ก่อนหน้านี้ นางสีดาเคยบอกว่า เสนาอำมาตย์ไม่คู่ควรกับธิดา บัดนี้ กลับได้เห็นอ้มเป็นสามี..เห็นอ้มซึ่งเป็นสัตว์นี้หรือ ถึงคู่ควรธิดากษัตริย์” จึงรับสั่งไม่ให้นางสีดา เข้ามาในวัง ให้ไปอยู่นอกกำแพงวัง

มารดาของนางสีดา สงสารลูก จึงเดินทางออกไปหาลูก เพื่อพบหน้าลูก และได้แจ้งให้ทราบ ถึงพระบัญชาของบิดา นางสีดา เมื่อรู้ว่าตนต้องอยู่นอกวัง ก็นึกเสียใจ เพราะพวกพี่ๆ ได้แต่งกับพวกอำมาตย์ ก็ได้อยู่ภายในวังกันทั้งนั้น แต่เมื่อเป็นพระบัญชาของบิดา ก็จำต้องยอมทำตามนั้น

ฝ่ายท้าวสาลี วันหนึ่ง คิดอยากกินแกงเห็ด จึงเรียกหกเขยมาเฝ้า แล้วบอกว่า ตนอยากกินแกงไก่ตีนเดียว ให้หกเขยไปหาไก่ตีนเดียวมาให้ พวกหกเขยไม่เข้าใจว่า ไก่ตีนเดียวคืออะไร ไก่ตีนเดียวเป็นอย่างไร เมื่อปรึกษาตกลงกันแล้ว จึงไปจับไก่จริงๆ มา แล้วตัดขาออกข้างหนึ่ง ส่งให้พ่อครัวทำแกงไก่ นำไปถวายท้าวสาลี

ท้าวสาลี เมื่อได้เสวยแกงไก่จริงๆ ก็ทราบทันทีว่า พวกหกเขยปัญญาน้อย ใช้ไม่ได้ วันต่อมา ก็คิดจะลองปัญญาท้าวเห็นอ้ม ลูกเขยคนเล็กบ้าง จึงให้คนไปตามนางสีดามาเข้าเฝ้า แล้วบอกว่า อยากกินแกงไก่ตีนเดียว ขอให้เจ้าเห็นอ้ม ไปหามาให้หน่อย

นางสีดาก็ตกใจ เพราะไม่ทราบว่าท้าวเห็นอ้ม จะไปหาไก่ตีนเดียวมาได้อย่างไร จึงกลับไปเล่าความให้ท้าวเห็นอ้มฟัง ท้าวเห็นอ้มก็บอกว่า เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ไม่ต้องเป็นห่วง ไม่ต้องเป็นกังวล จะไปหามาให้ ขอให้นางสีดา พาตนออกไปส่งนอกเมือง เท่านี้ก็พอ

เมื่อนางสีดา พาไปส่งถึงนอกเมืองแล้ว ท้าวเห็นอ้ม ก็บอกให้นางสีดา รออยู่ตรงนี้ก่อน ส่วนตนจะเข้าไปในป่าตามลำพัง ท้าวเห็นอ้มเข้าไปในป่า พอลับตาคน ก็กลับร่างเป็นคน แล้วชักดาบวิเศษออกจากฝัก บัดนั้น ก็มีผู้คนปรากฏขึ้นมากมาย นั่งหมอบอยู่ตรงหน้าท้าวเห็นอ้ม ท้าวเห็นอ้ม จึงสั่งให้คนเหล่านั้น ไปเก็บเห็ดปลวกไก่น้อยมาให้

พวกคนทั้งหลายเล่านั้น ก็เข้าไปหาเก็บเห็ด ใส่ตระกร้ามามากมาย เอามากองไว้ที่ชายป่า เมื่อท้าวเห็นอ้มเห็นว่า เพียงพอแก่ความต้องการแล้ว ก็เก็บดาบวิเศษเข้าฝัก คนทั้งหมดนั้นก็หายไป

ท้าวเห็นอ้ม กลับมาบอกนางสีดาว่า ได้ไก่ตีนเดียวมาแล้ว แต่มากมายขนไม่ไหว ให้นางสีดาไปทูลท้าวสาลี ขอคนมาช่วยขน ตอนแรก ท้าวสาลีไม่เชื่อ นึกว่าลูกสาวโกหก จึงให้คนไปตรวจดูก่อน คนที่ไปดู กลับมารายงานว่า มีเห็ดมากมายก่ายกองจริงๆ

ท้าวสาลี จึงให้ทหารออกไปขนเห็ดเข้ามา แล้วแจกแบ่งให้คนในเมืองนั้นเอาไปกิน พลางนึกชมในใจว่า เจ้าเห็นอ้ม มีปัญญามากกว่าเขย ที่เป็นคนทั้งหกคนเสียอีก

อยู่มาวันหนึ่ง ท้าวสาลี ใคร่จะลองปัญญาเขยทั้งหลายอีก จึงเรียกให้เขยทั้งหกมาเข้าเฝ้า แล้วรับสั่งว่า อยากกินของแซบๆ ให้เขยทั้งหกไปหา “หนอนห้อยค้างปลายไม้”มาให้

เขยทั้งหก ไม่เข้าใจว่า “หนอนห้อยค้างปลายไม้” คืออะไร หลังจากปรึกษาหารือ ตกลงกันแล้ว ก็พากันไปฟันต้นไม้ หาตัวด้วงมาให้พ่อครัว ทำอาหารถวายท้าวสาลี

ท้าวสาลี ก็ทราบว่า เขยทั้งหก ด้อยปัญญาอีกเช่นเคย ไม่เข้าใจ ถึงนัยที่ซ่อนอยู่ในคำพูด จากนั้น จึงให้เรียกนางสีดามาเข้าเฝ้า แล้วสั่งให้ไปบอกให้เจ้าเห็นอ้มไปหา “หนอนห้อยค้างปลายไม้” มาให้ นางสีดา ก็กลับไปบอกท้าวเห็นอ้ม ตามนั้น

ท้าวเห็นอ้มก็บอกว่า ไม่ต้องเป็นกังวลไปดอก จะไปหามาให้เอง ท้าวเห็นอ้ม ให้นางสีดา พาตนออกไปส่งที่นอกเมือง แล้วให้นางสีดารออยู่เช่นเดิม ส่วนตน เข้าไปในป่าตามลำพัง พอลับตาคน ก็กลับร่างเป็นชายหนุ่มรูปงาม ชักดาบออกจากฝัก บันดาลให้มีคนมากมาย ปรากฏขึ้นตรงหน้า

ท้าวเห็นอ้ม ก็สั่งให้คนเหล่านั้น ไปหารังผึ้งมาให้ คนเหล่านั้น ก็ไปหารังผึ้งมา ชั่วครู่เดียว ก็ได้น้ำผึ้งมากมาย หลายพันไห ท้าวเห็นอ้ม ก็สั่งให้คนเหล่านั้น แบกไหน้ำผึ้งไปส่ง จนใกล้ถึงเขตที่นางสีดารออยู่ ก็เก็บดาบเข้าฝัก คนทั้งหมดก็หายไป

ในวันนั้นเอง ท้าวเห็นอ้ม ใคร่จะลองใจนางสีดา จึงยังไม่กลับร่างเป็นเห็นอ้ม แต่เป็นชายหนุ่มรูปงามอยู่เช่นเดิม ทำทีเดินทางผ่านไปพบนางสีดา และได้พูดจาเกี้ยวพาราสีนางสีดา ต่างๆ นานา นางสีดาก็ไม่สนใจ ซ้ำยังลุกขึ้น ออกเดินทางร้องเรียกหาท้าวเห็นอ้ม เพราะนึกว่า ท้าวเห็นอ้มอาจจะหลงทาง

ช่วงนั้นเอง ท้าวเห็นอ้ม พอลับตานางสีดา ก็กลับร่างเป็นเห็นอ้ม นางสีดาเดินตามหา และในที่สุด ก็ได้พบท้าวเห็นอ้ม(ในร่างเห็นอ้ม) นั่งรอตนอยู่ ในที่ที่ตนนั่งรออยู่ก่อนนี้

ท้าวเห็นอ้มก็แกล้งถามว่า มัวไปคุยอยู่กับใครหรือ ถึงได้มาช้านัก หรือว่าเห็นตนเป็นเห็นอ้ม จึงเบื่อหน่ายซะแล้ว นางสีดาก็ตอบว่า ไม่ได้ไปคุยกับใครที่ไหนหรอก เห็นท้าวเห็นอ้มไปนานนัก ไม่กลับมาซะที นึกเป็นห่วง เกรงว่าจะหลงทาง จึงออกตามหา

เมื่อท้าวเห็นอ้ม เห็นความซื่อสัตย์ของนางสีดาแล้ว ก็บอกนางสีดาว่า ตนได้ “หนอนห้อยค้างปลายไม้” ซึ่งคือน้ำผึ้งมาแล้ว มากมายหลายพันไห ให้นางสีดาไปแจ้งแก่ท้าวสาลี ให้หาคนมาขนเอาไป

ท้าวสาลี ไม่เชื่อ ใช้ให้ทหารไปดู ทหารที่ไปดู กลับมารายงานว่า มีน้ำผึ้งมากมายจริงๆ ท้าวสาลี จึงให้คนออกไปขนไหน้ำผึ้งเข้ามา และได้แจกแบ่งให้เสนาอำมาตย์ ข้าราชบริพารทั้งหลาย ได้กินกันทั่ว

อยู่มาวันหนึ่ง มีลมพายุแรงมาก พัดปราสาทราชวังพังทลาย ท้าวสาลีจึงสั่งให้หกเขย ช่วยกันสร้างปราสาทราชวังขึ้นมาใหม่ พวกหกเขย ก็ช่วยกันสร้างจนสำเร็จลงด้วยดี แต่แล้ว ก็เกิดเหตุไม่คาดคิดตามมาอีก คือมีช้างใหญ่ตกมัน พลัดหลุดเข้ามาหนึ่งตัว มันบุกเข้ามาจนถึงท้องพระโรง เอางวงจับเสา เขย่าจนพังทลายลง

ท้าวสาลี โมโหหกเขยเป็นอย่างมาก ว่าเอาไม้อะไรมาทำเสา จึงหักพังง่ายขนาดนั้น จากนั้น จึงให้นางสีดาเข้าเฝ้า และรับสั่งให้นางสีดา ไปบอกท้าวเห็นอ้ม มาสร้างท้องพระโรงให้ใหม่

นางสีดา ก็กลับมาบอกท้าวเห็นอ้ม ด้วยความกังวลใจ ท้าวเห็นอ้มก็ปลอบว่า อย่ากังวลใจไปเลย จะอาสาทำให้อย่างสุดความสามารถ

ท้าวเห็นอ้ม เข้าไปในป่า พอลับตาคน ก็กลับร่างเป็นมนุษย์ ชักดาบออกจากฝัก บันดาลให้ผู้คนมากมาย ปรากฏตรงหน้า แล้วสั่งให้คนเหล่านั้น ช่วยกันสร้างเมืองขึ้นเมืองหนึ่ง เมื่อสร้างเมืองนั้นเสร็จแล้ว ท้าวเห็นอ้ม ก็ไปรับนางสีดามาอยู่เมืองใหม่นั้น กลับร่างเป็นคนให้นางสีดาเห็น จากนั้น ก็ให้นางสีดา ไปทูลท้าวสาลีให้ทรงทราบว่า ท้องพระโรงสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว

ท้าวสาลี เห็นความสามารถ และบุญญาธิการของท้าวเห็นอ้มแล้ว ก็ขอพบตัว ท้าวเห็นอ้ม ก็กลับร่างเป็นคน ให้ใครๆ พบเห็นโดยทั่วกัน และท้าวสาลี ก็โปรดปรานท้าวเห็นอ้ม ยิ่งกว่าหกเขยเสียอีก

ในเวลาต่อมา ก็ได้มอบราชสมบัติทั้งหมดให้ท้าวเห็นอ้ม ท้าวเห็นอ้ม ได้ปกครองบ้านเมืองให้อยู่เย็นเป็นสุขสืบมา

 

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ไบเดน ฮึ่ม " ทุกคนต้องอยู่ใต้กฏหมายเดียวกัน "มนต์รักราดหน้า..จากลูกค้ามาเป็นคู่ชีวิตเมื่อเเก้งชาวต่างชาติรวมตัวกันใส่บาตรตอนเช้า เป็นภาพที่น่ารักดีนะ ☺นักแสดงหญิงอินเดียวัย 27 ปีเสียชีวิต ที่บ้านพักของเธอ พร้อมทิ้งข้อความสุดท้ายเอาไว้แป้งเด็กยี่ห้อดังสงสัยว่าก่อมะเร็ง จ่ายเงินมหาศาลให้ยุติคดีครูห่วงอนาคตเด็กไทย..ทนแดดแค่นี้ไม่ได้ ต่อไปจะทำอะไรกินหนุ่มตามหายายกับหลานคู่นี้..หลังจากโชคดีถูกหวยหลายใบไม่ควรกิน"แตงโม"ถ้าอยู่ในคน7กลุ่มนี้!!เมื่อคุณพ่อไปงานเลี้ยง เเละลูกสาวกำชับว่าให้เต้นเบา ๆ กลัวจะไปมีเรื่องกับใคร นี่เบาพอยังจ๊ะ🤣
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
"คิดบวก" หรือ "คิดลบ" ไปทางไหนดีล่ะ?ครั้งหนึ่งกองทัพอากาศอินเดีย ได้ตกแต่งเฮลิคอปเตอร์เป็นรูปช้าง!แป้งเด็กยี่ห้อดังสงสัยว่าก่อมะเร็ง จ่ายเงินมหาศาลให้ยุติคดีดราม่าถกเถียงสอบหมอ​ ม.เอกชน 6 ครั้งไม่ติด แต่มาติดครั้งที่ 7 ไม่มีเงินเรียน เลยขอคนใจบุญช่วยบริจาค
กระทู้อื่นๆในบอร์ด นิยาย เรื่องเล่า
ดุดันไม่เกรงใจใคร! มิเตอร์แท็กซี่เมืองไทย..ไวยิ่งกว่าจรวดจริงๆทหารสาวผันมาเป็นดาว A.V..เผยจุดพลิกผัน เพราะทนแรงกดดันไม่ไหวอากาศร้อนจัด! ขนาดรองเท้ายังเป็นฮีตสโตรก..จากเบอร์ 44 หดเหลือ 36อดีตแม่ตอนสาวๆ ลูกไม่เชื่อจนมาเห็นกับตา..ว่าสวยไม่ธรรมดาเลย
ตั้งกระทู้ใหม่