ใช่กิจของสงฆ์หรือไม่? พระแย่งอาชีพ "นายหน้ารถเกี่ยวข้าว เลี้ยงวัว-ไก่ขาย"
นายหน้ารถเกี่ยวข้าวในเขตพื้นที่ อ.นาโพธิ์ จ.บุรีรัมย์ ร้องเรียนว่า พระอาจารย์ชัยวัฒน์ เจ้าสำนักวัดป่า ต.บ้านคู อ.นาโพธิ์ จ.บุรีรัมย์ พยายามผันตัวเองมาเป็นนายหน้ารถเกี่ยว และยังพบว่าเลี้ยงไก่ตีและเลี้ยงวัวขายภายในสำนักสงฆ์
นางสายรุ้ง นายหน้ารถเกี่ยวข้าว เล่าว่า ปกติตนจะเป็นนายหน้าประจำหมู่บ้าน แต่ปีนี้ชาวบ้านหันไปเกี่ยวข้าวกับรถเกี่ยวคันอื่น เมื่อสอบถามพบว่ามีเจ้าสำนักวัดป่า เป็นคนหารถเกี่ยวข้าวมาจำนวน 2 คัน พร้อมกับบอกญาติโยมว่าใครจะเกี่ยวข้าวให้มาหาอาตมา ยอมรับว่าส่งผลกระทบกับอาชีพนายหน้า
นางสายรุ้ง ยังเล่าด้วยว่า ที่ผ่านมาเคยเข้าไปปรึกษาพระอาจารย์ชัยวัฒน์ เรื่องขออำนวยความสะดวกในการหารถเกี่ยวข้าว แต่ไม่ได้คิดว่าพระอาจารย์จะผันตัวมาเป็นนายหน้าเสียเอง สิ่งที่ตนอยากรู้คือใช่กิจของสงฆ์หรือไม่ โดยเฉพาะในวัดมีคอกเลี้ยงวัว และเลี้ยงไก่ตีเอาไว้ขาย
ด้านพระอาจารย์ชัยวัฒน์ ปฏิเสธว่า เรื่องทั้งหมดไม่เป็นความจริง สาเหตุที่ตนประสานรถเกี่ยวมา เพราะรถเกี่ยวไม่พอ ประกอบกับชาวบ้านไม่ชอบนายหน้าคนเดิม จึงหาแนวทางแก้ไขให้ เรื่องการเลี้ยงวัวเป็นแค่ไถ่ชีวิตโคมาเลี้ยง ส่วนไก่เลี้ยงไว้เอาเล็บไก่ชนมาทำยา และไม่เคยขาย อาจจะเป็นการเข้าใจผิดหรือไม่ คาดว่านายหน้าเดิมน่าจะเสียผลประโยชน์ จึงลืมคิดถึงความเดือดร้อนของชาวบ้าน
จากเหตุการณ์นี้ มีข้อถกเถียงเกิดขึ้นว่า การที่พระภิกษุสงฆ์เข้าไปเกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางโลก เช่น การเป็นนายหน้ารถเกี่ยว หรือเลี้ยงวัวเลี้ยงไก่ เป็นสิ่งที่เหมาะสมหรือไม่
ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย มองว่า การเป็นพระภิกษุสงฆ์จะต้องยึดมั่นในศีลธรรมและหลักของพระพุทธศาสนา ซึ่งการเข้าไปเกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางโลกอาจทำให้ละเลยการปฏิบัติธรรม และอาจเกิดการทุจริตได้
ฝ่ายที่เห็นด้วย มองว่า การเป็นพระภิกษุสงฆ์ไม่ได้หมายความว่าจะต้องละทิ้งโลกโดยสิ้นเชิง พระภิกษุสงฆ์สามารถช่วยเหลือสังคมและประชาชนได้ โดยที่ไม่กระทบต่อการปฏิบัติธรรม
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ควรมีการถกเถียงและหาข้อสรุปร่วมกัน เพื่อให้เกิดความเหมาะสมและไม่เป็นข้อครหาต่อพระภิกษุสงฆ์