รู้มั๊ย ทุกคนมีทองคำในมือ
ทองคำ โลหะมีค่าที่ใช้เป็นสินทรัพย์ในการเเลกเปลี่ยนกันมาช้านาน นอกจากจะใช้เป็นเครื่องประดับเพื่อความสวยงามแล้ว ทองคำยังถูกใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมด้านอิเล็กทรอนิกส์ด้วย โดยเฉพาะในกระบวนการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เนื่องจากทองคำมีคุณสมบัติที่เหนี่ยวนำกระแสไฟฟ้าได้ดี มีความยืดหยุ่น และไม่เกิดสนิม จึงมีการนำทองคำมาใช้เป็นส่วนประกอบของแผงวงจรในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์แทบทุกชนิด เนื่องจากทองคำเป็นโลหะที่มีความต้านทานการกัดกร่อน และการนำไฟฟ้าสูง รองลงมาจากทองแดงและเงิน ในปัจจุบันจากการพัฒนาทางเทคโนโลยี ทำให้มีการนำทองคำบริสุทธิ์มาใช้ประโยชน์น้อยลง จากเดิมที่เคยใช้ทองคำบริสุทธิ์ทั้งชิ้นเปลี่ยนมาเป็นการใช้วิธีชุบเคลือบผิววัสดุแทน ซึ่งความหนาหรือบางของการชุบที่แตกต่างกันนั้น จะขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานของแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ถึงแม้ว่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แต่ละชนิด จะใช้ทองคําในปริมาณเล็กน้อย แต่เมื่อคิดถึงการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีจำนวนมากมายมหาศาลในแต่ละปี ก็จะพบว่าต้องใช้ทองคําไปไม่น้อยเลย หลายคนไม่เคยรู้มาก่อนว่า คอมพิวเตอร์ที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนั้น เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่มีชิ้นส่วนเป็นทองคำมากที่สุด โดยมีส่วนประกอบของทองคำอยู่ที่บอร์ดคอมพิวเตอร์ เมนบอร์ด วงจรรวม หน้าสัมผัส พิน และแผงวงจรพิมพ์ หรือแม้แต่มือถือที่เราใช้กันอยู่ทุกวัน ก็มีชิ้นส่วนของทองคำเป็นส่วนประกอบ
ทุกวันนี้ คอมพิวเตอร์รุ่นใหม่มีการพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ มือถือรุ่นใหม่ก็ออกกันแทบจะทุกเดือน แม้แต่ทีวีก็ยังมีรุ่นใหม่ที่พัฒนา คุณภาพเพิ่มความคมชัดให้มากขึ้นออกมาให้เลือกซื้อ รวมทั้งสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆก็ขยันออกดีไซน์ใหม่ หรือเพิ่มฟังก์ชั่นใหม่ที่ดีกว่า บางครั้งของใหม่ที่ออกมายังราคาถูกกว่าของเก่าด้วย และยังมีโปรโมชั่นต่างๆออกมากระตุ้น จนผู้ซื้ออดใจไม่ไหว ต้องรีบไปซื้อของใหม่ทั้งที่ของเก่าบางทียังใช้ได้ไม่ถึงปี แล้วสุดท้ายของเก่าก็ถูกทิ้งไว้จนกลายเป็นซากขยะอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งนับวันจะมีปริมาณมากขึ้น วิธีนึงที่ดีในการกำจัดซากขยะอิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้ คือการนำมารีไซเคิล จากการรีไซเคิลขยะอิเล็กทรอนิกส์ พบว่า
- อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ 1 ตัน สามารถสกัดทองคำได้ประมาณ 300-350 กรัม
- มือถือ 1 ล้านเครื่อง สามารถสกัดทองคำออกมาได้ 24 กิโลกรัม
- ซากคอมพิวเตอร์ 35 เครื่อง สามารถสกัดทองคำออกมาได้ทองหนัก 1 บาท
ซึ่งถ้าเทียบกับการถลุงแร่ 1 ตันจะสกัดแร่ทองคำบริสุทธิ์ ได้เพียง 3-5 กรัม เท่านั้น เห็นได้ว่าการรีไซเคิลขยะอิเล็กทรอนิกส์ จึงน่าจะคุ้มกว่าการทำเหมืองทอง และไม่ต้องเสี่ยงกับปัญหาสิ่งแวดล้อมที่จะตามมาจากการทำเหมืองทองอีกด้วย แต่ถ้าจะให้ดีกว่านี้ก็ต้องช่วยกัน พยายามไม่สร้างซากขยะอิเล็กทรอนิกส์ให้เพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็น และอย่าลืมรักษาทองคำในมือไว้ให้ดีด้วยน้า จะได้ใช้ไปได้นานๆ