การทำศัลยกรรมจมูก(ที่ต้องรู้)
( เสริมจมูกแล้วไม่ถูกใจแก้ไขได้เมื่อไหร่จะดีที่สุด)
ไขปัญหาหลังศัลยกรรมจมูกทั้งภาวะแทรกซ้อนปลายจมูกบางทะลุหรือรูปทรงที่ไม่ถูกใจไม่ว่าจะเป็นเบี้ยวเอียงดงเกินไปสั้นเกินไป หรือความโด่งน้อยเกินไป
ถ้าอยากจะแก้ไขจะทำได้ตอนไหนบทความนี้มีคำตอบ
คนไข้จำนวนไม่น้อยที่ค้นหาความรู้เกี่ยวกับการแก้ไขจมูกซึ่งดูแล้วก็มีจำนวนมากกว่าคนที่ไม่เคยเสริมจมูกมาก่อน โดยปัญหาที่มาพบแพทย์ส่วนใหญ่ก็จะแบ่งได้เป็น 3 เรื่องใหญ่ ๆ
1 ปัญหาจากภาวะเสริมแล้วเกิดภาวะแทรกซ้อน
2 ปัญหาจากความไม่พอใจรูปทรงจมูก
บางคนเพิ่งทำมาได้ 1 สัปดาห์ก็อยากที่จะแก้ไขแล้ว
สิ่งสำคัญที่ทุกคนน่าจะรู้ก็คือจะแก้ไขได้เมื่อไหร่แก้ไขทันทีเลยได้ไหม?
จากข้อมูลเพิ่มเติม: ระยะเวลาของคนเราไม่เท่ากันบางคนแก้ไขได้ภายใน 1 เดือนบางคนต้องรอ 3 เดือนรอ 6 เดือนหรือรอ 1 ปี
แต่อะไรจะเป็นปัจจัยที่ว่าใครควรจะแก้ไขตอนไหน
3 เหตุผลที่ใช้ตัดสินว่าใครควรแก้ไขจมูกเมื่อไหร่ดี?
-จมูกเข้า
ที่แล้วหรือยัง?
สิ่งที่มักจะเกิดขึ้นกับคนทุกคนที่ทำการเสริมจมูกก็คืออาการบวมจากการผ่าตัดอาการบวมจะมากก็คือช่วง 3-5 วันแรกหลังผ่าตัดไปแล้วหลังจากนั้นก็จะค่อยๆยุบลงเรื่อยๆอาการบวมไม่เกิดขึ้นจากไปบดบังรูปทรงที่แท้จริงของจมูกเช่น จมูกจะยังดูใหญ่เกินไปหรือ สันสูงไป โดยอาการบวมอาจจะเกิดการบวมที่ไม่เท่ากันในแต่ละข้างเช่นด้านขวาอาจจะบวมกว่าด้านซ้ายทำให้ดูเหมือนจมูกเอียง
บางคนปลายจมูกบวมกว่าสันจมูก ซึ่งสุดท้ายแล้วรูปทรงจมูกอาจจะสวยถูกใจก็ได้ถ้าเกิดว่ารีบแก้ไขมากเกินไปก็อาจจะเป็นการแก้ไขที่ไม่จำเป็น
[ควรจะต้องรอนานแค่ไหนกว่าจมูกจะเข้าที่หรือยุบบวมหมด?]
สรุปการยุบรวมสั้นๆได้ว่า= หลังจากการผ่าตัด 1 เดือนอาการจะหายไปประมาณ 2 ใน 3 หรือประมาณ 66% แล้วหลังผ่าตัด 6 เดือนอาการบวมจะหายไป 95% และหลังผ่าตัด 1 ปีอาการบวมจะหายไป 97.5%
ถ้าดูเรื่องของอาการบวมยิ่งรอนานเท่าไหร่ก็ยิ่งได้เห็นรูปทรงที่แท้จริงของจมูกได้ชัดเจนทำให้สามารถกำกับหรือประเมินแก้ไขปัญหาได้อย่างแม่นยำมากขึ้น
-กระบวนการหายของแผลอยู่ในขั้นตอนไหน จบสิ้นแล้วหรือยัง?
เมื่อเกิดบาดแผลร่างกายจะเกิดการซ่อมแซมซึ่งจะอยู่ใน 3 ขั้นตอนก็คือ
การอักเสบ
การสร้างเนื้อเยื่อ
การจัดเรียงเนื้อเยื่อ
โดยกระบวนการทั้งหมดนี้จะกินเวลาอยู่ที่ 1-2 ปีอาจจะดูว่านานจุดนี้จึงเป็นสาเหตุทั้งหมดที่แพทย์บางคนแนะนำว่าควรรอครบ 1 ปีค่อยแก้ไข
เมื่อมาดูในรายละเอียดก็จะพบว่าในขั้นตอนที่ 2 ของกระบวนการหายจะเกิดการสร้างเนื้อเยื่อและคอลลาเจนซึ่งยังจะมีการเรียงตัวที่ไม่เป็นระบบระเบียบอยู่แผลเป็นและเนื้อจมูกก็ยังแข็งและเปราะถ้าทำการแก้ไขจมูกในช่วงนี้จะทำให้การผ่าตัดยากมาก
แล้วขั้นตอนที่ 2 นี้จะสิ้นสุดหรือจบลงที่ระยะเวลาเท่าไหร่?
ประมาณ 3 สัปดาห์ถึง 1 เดือน
จากนั้นจะเข้าสู่ขั้นตอนสุดท้ายซึ่งกินเวลานานที่สุดก็คือ 1-2 ปี
แล้วจะมีอะไรเกิดขึ้นในขั้นตอนสุดท้ายไหม?
ร่างกายจะมีการจัดเรียงตัวของคอลลาเจนให้เป็นระบบระเบียบแผลเป็นในช่วงแรกก็จะดูลาบลงนิ่มลงและจางลงเนื้อจมูกก็จะนิ่มลงตาม
ดังนั้นถ้าอยากจะแก้ไขจมูกแล้วรอกระบวนการหายทั้ง 3 นี้ไม่ไหวก็แนะนำได้ว่าอย่างน้อยๆก็ควรทำหลังจากผ่านขั้นตอนที่ 2 ไปแล้วสัก 1 เดือน
-ปัญหาที่จะแก้ไขคืออะไร?
ในการแก้ไขจมูกปัญหาแต่ละอย่างมีความเร่งด่วนที่ต่างกัน
ตัวอย่าง:
แนวทางการแก้ไขตามข้อบ่งชี้จากทางการแพทย์
ถ้าซิลิโคนทะลุก็ควรที่จะรีบแก้ไขทันทีหรือโดยด่วน
ถ้าเนื้อปลายจมูกบางก็ควรที่จะรีบแก้ไขแต่ไม่ถึงกับต้องทำทันทีทันใด
ถ้ารูปทรงจมูกไม่ถูกใจก็ควรรอได้แต่อาจจะต้องรอนานนับปีในเรื่องของรูปทรงจมูกซึ่งคนไข้บางคนก็มีความเร่งด่วนที่ไม่เท่ากันบางคนจมูกเอียงเป็นปีก็รอได้บางคนอยากจะรีบแก้ไขโดยเร็วที่สุดบวกกับหากว่ามีปัจจัยอื่นร่วมด้วยก็คือจมูกบวมมากแค่ไหนแล้ว กระบวนการหายของแผลอยู่ในขั้นตอนไหนเพื่อประกอบกับการตัดสินใจ
สำหรับแนวทางการตัดสินใจที่ว่าจะแก้ไขจมูกได้ตอนไหนดี?...
การใช้พิจารณาจากซ้ำสาเหตุนี้ที่เราได้ยกมาให้
หาว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนซิลิโคนทะลุ
ติดเชื้อเป็นหนองก็ควรรีบแก้ทันทีโดยไม่ต้องรอยุบบวมหรือรอให้กระบวนการหายของแผลสิ้นสุดลง
แต่ทว่าเป็นปัญหาที่สามารถรอได้เช่นเรื่องรูปทรงความเบี้ยวเอียงก็จะรอให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้แต่จะต้องให้กระทบกับความกังวลใจเป็นเวลาที่สั้นที่สุด ก็คือรอให้ยุบบวมให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้หรือรอให้กระบวนการหายของแผลอยู่ในขั้นตอนสุดท้าย
ซึ่งส่วนใหญ่ก็มักที่จะเลือกเวลา 3-6 เดือนหลังผ่าตัดไปแล้ว
แต่ในบางปัญหาที่เคยติดเชื้อรุนแรงมาก่อนมีการหดรั้งของเนื้อจมูกมากก็จะใช้เวลา 6 เดือนถึง 1 ปีค่อยแก้ไขแบบนี้ก็ไม่ได้มีปัญหา