จักรยานคันแรกของโลก
ในปี ค.ศ. 1790 ชาวฝรั่งเศสชื่อ Comte Mede de Sivrac ได้ประดิษฐ์พาหนะที่น่าสนใจขึ้นมา นั่นคือพาหนะที่ประกอบด้วยล้อ 2 ล้อที่เชื่อมต่อกันด้วยไม้ โครงที่นั่งมีรูปร่างคล้ายหลังม้าหรือสัตว์ต่างๆ เหมือนจักรยาน แต่ไม่มีบันไดถีบ และไม่มีโซ่เชื่อมต่อระหว่างล้อหน้ากับล้อหลัง ผู้ขับขี่จะใช้วิธีการไสด้วยเท้าในการเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้
รถคันนี้ว่า “Celerifere” หรือ “Velocifere” ที่จากภาษาลาติน “Cefer” แปลว่า เร็ว และ “Fere” แปลว่า บรรทุก ว่าถือเป็นต้นแบบให้กับ “จักรยานคันแรกของโลก” ในสมัยต่อมา
ในปี ค.ศ. 1816 ชาวเยอรมันชื่อ Karl Drais ได้ทำการปรับปรุงรถ Celerifere โดยเพิ่มชิ้นส่วนต่างๆ เพื่อให้สามารถบังคับทิศทางได้ รวมถึงการเพิ่มที่นั่งที่ติดสปริงแทนที่จะนั่งบนโครงไม้ที่เชื่อมระหว่างล้อ ดังนั้น จักรยานคันนี้ถือเป็นจักรยานคันแรกของโลกได้ทันทีที่ได้ถูกปรับปรุงให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในปี ค.ศ.1839 มีช่างทำเกือกม้าชื่อว่า Kirkpatrick Macmillan ได้ต่อยอดจักรยานรูปแบบนี้ โดยเพิ่มก้านบันไดที่ล้อหน้า เพื่อให้ผู้ขี่ได้บันก้านบันไดนี้ และบังคับตัวรถได้โดยที่เท้าไม่แตะพื้นและให้ชื่อจักรยานคันนี้ว่า Hobby Horse
จากนั้นจักรยานก็ได้มีการพัฒนาขึ้นตามยุคสมัย ทั้งการออกแบบตัวโครงให้มีน้ำหนักเบาขึ้น การใส่โซ่ระหว่างล้อหน้าและล้อหลังเพื่อให้ผู้ขับขี่ออกแรงปั่นได้น้อยลง การใช้ล้อยางมาแทนล้อไม้ จนถึงในยุคปัจจุบันที่มีจักรยานหลากหลายแบบ หลายประเภท ตั้งแต่จักรยานถูกๆ เพื่อใช้ขับขี่ทั่วๆไป ไปจนถึงจักรยานหลักล้านบาทที่เป็นจักรยานเพื่อใช้ในการแข่งขัน แต่จักรยานในหลายๆรูปแบบในสมัยนี้ ก็ได้มีต้นแบบมาจาก จักรยานคันแรกของโลก ที่ทำจากไม้และมีแค่ล้อ 2 ล้อ แล้วใช้เท้าไถเพื่อให้เคลื่อนที่ไปข้างหน้ามาก่อน