คันน้องสาวผิดปกติสุดท้ายเป็นมะเร็ง
เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมามีผู้ใช้ Face Book รายหนึ่งได้ออกมาโพสต์อุทาหรณ์เกี่ยวกับอาการเจ็บป่วยของเธอ โดยเธอนั้นได้โพสต์ว่าตนนั้นมีอาการผิดปกติที่บริเวณอวัยวะเพศ ปวดแสบ จนต้องรีบโรงพยาบาลในช่วงกลางดึก โดยคุณหมอได้ตรวจพบว่าเธอนั้นได้กลายเป็นมะเร็งบริเวณอวัยวะเพศเสียแล้ว
โดยหญิงสาวรายนี้ได้เล่าว่า เธอนั้นดูแลจุดซ้อนเร้นของเป็นอย่างดี แต่ไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้เธอก็รู้สึกมีอาการคันผิดปกติที่บริเวณอวัยเพศ มีอาการอึดอัดในช่องท้อง แต่เธอก็คิดว่าน่าจะเป็นเรื่องของประจำเดือนไม่ได้คิดว่ามันเป็นอาการผิดปกติจากอาการอื่น จนกระทั่งมันเกิดจุดแดง ตกขาวและมีกลิ่น ซึ่งเธอก็ดูแลจุดซ้อนเร้นเป็นอย่างดีตามปกติแต่อาการก็ไม่ดีขึ้น และมันก็หนักขึ้นโดยมีอาการคันปนปวดแสบ มีกลิ่นรุนแรง เธอทนไม่ไหวจึงได้รีบไปโรงพยาบาล หลังจากได้รับการตรวจคุณหมอก็พบว่าเธอนั้นติดเชื้อไวรัสจนเป็นมะเร็งไปเสียแล้ว สาเหตุก็มาจากการที่สามีของเธอแอบนอกใจไปมีชู้ จนนำเชื้อไวรัสตัวนี้มาติดเธอ
ในทางการแพทย์เรียกอาการนี้ว่า มะเร็งปากมดลูก เป็นมะเร็งที่เกิดขึ้นในเซลล์ปากมดลูกซึ่งอยู่บริเวณช่วงล่างของมดลูกและเชื่อมต่อกับช่องคลอด มีอาการเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด มีอาการตกขาว มีอาการปวดแสบ มีอาการอึดอัดปวดหน่วงในช่องท้องน้อย ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่มันเกิดมาจากการติดเชื้อไวรัสชนิด ฮิวแมนแพพพิลโลมาไวรัส (Human Papillomavirus) หรือเอชพีวี (HPV) มักจะติดต่อทางเพศสัมพันธ์
ในการเป็นมะเร็งปากมดลูกนั้น เชื้อไวรัส HPV มีบทบาทสำคัญในการเกิดมะเร็งปากมดลูก เมื่อเซลล์ปกติที่อยู่บริเวณปากมดลูกเกิดการกลายพันธุ์จะส่งผลให้เกิดเป็นมะเร็งปากมดลูกหรือรอยโรคก่อนเป็นมะเร็งได้ อย่างไรก็ตามคนส่วนมากที่ได้รับเชื้อไวรัส HPV เซลล์อาจจะยังไม่พัฒนาเป็นมะเร็งตั้งแต่แรกที่ได้รับเชื้อ อย่างไรก็ตามปัจจัยในด้านสภาพแวดล้อมการใช้ชีวิต สุขอนามัยของแต่ละบุคคลก็ส่งผลต่อการเกิดโรคนี้ด้วยเช่นกัน อาทิ การสูบบุหรี่ ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ การเปลี่ยนคู่นอนบ่อย การมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่ยังเด็ก การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันนำไปสู่การติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดอื่นๆ อย่างเช่น โรคติดเชื้อคลามีเดีย (chlamydia) โรคหนองในแท้ (gonorrhea) โรคซิฟิลิส (syphilis) และโรคติดเชื้อเอชไอวี/โรคเอดส์ (HIV/AIDS)
การรักษาโรคมะเร็งปากมดลูกนั้น สามารถป้องกันได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ โดยการฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูกหรือวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัส HPV ในช่วงอายุ 11-12 ปี โดยสามารถเริ่มฉีดได้ตั้งแต่อายุ 9 ขวบ แต่ผู้ป่วยตรวจพบโรคมะเร็งปากลูกแล้วก็อย่างหมดกำลังใจ เพราะมันมีทางเลือกในการรักษามะเร็งปากมดลูกที่หลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัด (surgery) การใช้รังสีรักษา (radiation) การใช้ยาเคมีบำบัด (chemotherapy) หรือการรักษาร่วมกัน แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น การป้องกันโดยการไปฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัส HPV เอาไว้แต่เนิ่น ๆ และการมีเพศสัมพันธ์โดยการป้องกัน ก็จะช่วยลดความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งที่อวัยวะเพศและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้มาก เพราะการมีเพศสัมพันธ์เป็นสิ่งคนส่วนใหญ่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่มันสามารถป้องกันได้
เมื่อเรารู้จักกับอาการมะเร็งที่อวัยวะเพศหญิงกันไปแล้ว ที่นี้เรามาทำความรู้จักกับพาหะตัวสำคัญกันบ้างดีกว่า
ฮิวแมนแพพพิลโลมาไวรัส (Human Papillomavirus) หรือเอชพีวี (HPV) เป็น DNA ของไวรัสในตระกูล Papillomaviridae เป็นไวรัสตัวต้นเหตุของโรคหลายชนิดไม่ใช่แค่โรคมะเร็งอวัยวะเพศ
สามารถติดได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง หากผู้ชายติดเชื้อไวรัส HPV โดยไม่รู้ตัว ไม่ได้ทำการรักษา แล้วยังไปมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน ก็จะเป็นพาหะสำคัญที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งในช่องปาก โรคหูดหงอนไก่ โรคมะเร็งทวารหนัก โรคมะเร็งปากช่องคลอด และโรคมะเร็งปากมดลูกในผู้หญิง ซึ่งในปัจจุบันโรคดังกล่าวบางชนิดก็ยังไม่มียาที่สามารถรักษาได้หายขาด แต่เราสามารถป้องกันได้แต่เนิ่น ๆ ด้วยการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อ HPV
การวัคซีน HPV นั้นสามารถป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้ ควรฉีดในผู้หญิงอายุตั้งแต่ 9-26 ปี หรืออาจขยายระยะเวลาได้ถึง 45 ปี โดยจะต้องรับการฉีดวัคซีนนี้ติดต่อกัน 3 เข็ม โดยเว้นระยะการฉีดคือ
เข็มที่ 1 สามารถกำหนดวันเองได้
เข็มที่ 2 ห่างจากเข็มแรก 1-2 เดือน
เข็มที่ 3 ห่างจากเข็มที่ 1 ประมาณ 6 เดือน
สำหรับในผู้ชายนั้นก็สามารถฉีดวัคซีนนี้ได้เช่นกัน เพราะการติดเชื้อไวรัส HPV นอกจากจะทำให้เกิดมะเร็งที่อวัยเพศของผู้หญิงแล้ว เชื้อไวรัส HPV นี้ยังเป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งองคชาตในผู้ชาย หูดหงอนไก่ มะเร็งทวารหนัก มะเร็งในช่องปากและคอ ซึ่งติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ป้องกัน และการมีเพศสัมพันธ์ด้วยปาก การฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัส HPV ในผู้ชายจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคดังกล่าว และยังเป็นการป้องกันการเป็นพาหะนำเชื้อ HPV ไปสู่ผู้หญิงหรือคู่นอนอีกด้วย
โดยในฝ่ายชายนั้นก็จะเริ่มฉีดในวัยเดียวกันกับผู้หญิง เพราะเป็นวัยที่ร่างกายสามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้ดีที่สุด และเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดของวัคซีน HPV ควรได้รับวัคซีนในวัยที่ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อน เพื่อให้ได้รับประสิทธิภาพจากวัคซีนสูงสุด รวมไปถึงการได้รับวัคซีนอย่างต่อเนื่องจำนวน 3 เข็ม โดยเว้นระยะห่างเช่นเดียวกัน
สำหรับกรณีของหญิงสาวรายนี้เธอยังได้โพสต์อีกว่า ณ ตอนนี้เธอได้ทำการรักษาจนเธอมีอาการดีขึ้น และได้ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจุดซ้อนเร้นตามที่คุณหมอแนะนำควบคู่กับการรักษา และเธอการได้เลิกลากับสามีของเธอแล้วเพื่อความปลอดภัยของเธอและลูก ซึ่งได้มาโพสต์กระทู้นี้เพื่อเป็นอุทาหรณ์ ให้ทุกคนระวังตัว สังเกตุอาการของตัวเองให้ดี รวมทั้งพฤติกรรมของสามีว่าแอบมีคนอื่นหรือไม่ เพราะไม่อยากให้ใครต้องโชคร้ายเหมือนเธอ ทางเราก็ต้องขอขอบคุณผู้หญิงท่านนี้ที่ออกมาโพสต์เป็นอุทาหรณ์ และก็ขอให้อาการป่วยนั้นหายโดยเร็ว