ความแตกต่างของการเรียนในโรงเรียนไทยกับการเรียนในโรงเรียนนานาชาติ
เมื่อมีลูกเริ่มเข้าวัยเรียน สิ่งที่พ่อแม่ที่พอจะมีกำลังทางการเงินส่วนใหญ่คิดก็คือการเลือกโรงเรียนที่ดีให้กับลูก ในที่นี้เราหมายถึงเฉพาะระบบการศึกษาในโรงเรียน เพราะปัจจุบันพ่อแม่หลายคนก็นิยมเลือกการเรียนโฮมสคูลให้กับลูก สำหรับการศึกษาในโรงเรียนก็จะมีตัวเลือกใหญ่ๆคือการเรียนในโรงเรียนไทยกับการเรียนในโรงเรียนนานาชาติ ซึ่งมีความแตกต่างกันในหลายด้าน เรื่องความแตกต่างนี้อาจมีผลกระทบต่อประสบการณ์การเรียนรู้และพัฒนาการของเด็กอย่างมาก ต่อไปนี้คือข้อมูลบางส่วนที่พอสังเกตได้เพื่อให้เห็นความแตกต่างระหว่างการเรียนในโรงเรียนไทยกับการเรียนในโรงเรียนนานาชาติ
หลักสูตรการเรียน:
ในโรงเรียนไทย: มีหลักสูตรทางการศึกษาเดียวที่ต้องปฏิบัติตามคือแบบวิชาเรียนตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ ที่มีวิชาเรียนหลายวิชาและแต่ละวิชาจะมีเนื้อหาเหมือนกันสำหรับทุกคนที่เรียนอยู่ในระดับการศึกษาเดียวกัน ส่งผลให้การเรียนเน้นความรู้ทางทฤษฎีและการทำข้อสอบ ทำการประเมินโดยใช้การทดสอบแบบปรนัยหรือประเมินผลงานข้อเขียน การเปรียบเทียบคะแนนถือเป็นวิธีวัดความสำเร็จที่สำคัญ
ในโรงเรียนนานาชาติ: รร.นานาชาติใช้หลักสูตรระหว่างประเทศหรือระบบการศึกษานานาชาติเช่น IB (International Baccalaureate) หรือ Cambridge International Examinations ที่เน้นการเรียนรู้มากกว่าความรู้ทางทฤษฎี และให้ความสำคัญกับความเข้าใจ, ทักษะทางสังคม, การแก้ปัญหา และการคิดสร้างสรรค์ มีความยืดหยุ่นในการกำหนดหลักสูตรการเรียนได้ตามความต้องการของนักเรียน ส่งผลให้นักเรียนมีโอกาสสรรหาวิชาเลือกและเรียนตามความสนใจและความสามารถของตน ระบบการประเมินมีความหลากหลาย ในลักษณะการติดตามผลงานระยะยาว โครงการ การสร้างผลงานสร้างสรรค์ และการสนับสนุนความสำเร็จที่หลากหลายทางทักษะ
วิธีการสอน:
ในโรงเรียนไทย: การสอนมีหลักสูตรเดียวสำหรับทุกคน ระบบการสอนมักเน้นความจำและการทำแบบฝึกหัด โดยครูผู้สอนเป็นศูนย์กลางในการสอนและการเรียน เน้นทางทฤษฎี มีการบรรยาย, การทำแบบฝึกหัดทดสอบความรู้และมีการบ้านปริมาณมาก มีการทดลองในห้องเรียนเป็นบางส่วน
ในโรงเรียนนานาชาติ: การสอนมีการกระจายความรับผิดชอบให้กับนักเรียนมากขึ้น เป็นการสอนแบบมีปฏิสัมพันธ์โดยครูจะเป็นผู้ให้คำแนะนำและส่งเสริมให้นักเรียนทำกิจกรรมเพื่อเรียนรู้และหาข้อมูลด้วยตนเอง เน้นการสอนแนวคิด และการเรียนรู้ทักษะที่นำไปใช้ในชีวิตประจำวัน มีการสอนผ่านโครงการ และการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการเรียนการสอน เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจ, การคิดเชิงวิเคราะห์ที่หลากหลาย,ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และการเรียนรู้อย่างมีเหตุผล พัฒนาทักษะสู่การเป็นผู้นำและการคิดนวัตกรรม
สภาพแวดล้อมการเรียนรู้:
ในโรงเรียนไทย: การเรียนส่วนใหญ่จะเรียนอยู่ในห้องเรียน สภาพแวดล้อมการเรียนรู้มีความตึงเครียดและมีการแข่งขันสูง โดยครูมีบทบาทสำคัญในการควบคุม แต่ละชั้นเรียนมีจำนวนนักเรียนมาก ซึ่งอาจทำให้ครูไม่สามารถให้ความสนใจนักเรียนทุกคนได้เต็มที่
ในโรงเรียนนานาชาติ: มีสภาพแวดล้อมการเรียนที่หลากหลาย เช่น ห้องเรียนกว้างขวาง, สิ่งอำนวยความสะดวกทางเทคโนโลยี และพื้นที่ต่างๆเพื่อการเรียนรู้ เน้นการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม, การสร้างรูปแบบการคิด และการพัฒนาทักษะ ชั้นเรียนมีจำนวนนักเรียนไม่มาก ส่งผลให้ครูสามารถให้ความสนใจและติดตามความคืบหน้าของนักเรียนแต่ละคนได้อย่างใกล้ชิด
การให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์และประสบการณ์:
ในโรงเรียนไทย: การเรียนรู้มักมีการเน้นให้ความสำคัญกับความรู้ทางทฤษฎีมากกว่าปฎิบัติจริง เรียนแบบต่างคนต่างเรียนมากกว่าการเรียนเป็นกลุ่ม ไม่เน้นการสร้างความสัมพันธ์
ในโรงเรียนนานาชาติ: เน้นการเรียนรู้ที่ใช้ประสบการณ์จริง ให้ความสำคัญกับการสร้างความรู้ทางสังคม, การทำงานร่วมกับผู้อื่น และมีการสนับสนุนความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างนักเรียน
การวิเคราะห์และการคิดเชิงวิทยาศาสตร์:
ในโรงเรียนไทย: การทำการบ้านและการสอบให้ได้คะแนนสูงอาจมีน้ำหนักมากกว่าการคิดเชิงวิทยาศาสตร์และการแก้ปัญหา
ในโรงเรียนนานาชาติ: ส่งเสริมการคิดวิเคราะห์เพื่อพัฒนาการคิดเชิงวิทยาศาสตร์ และการแก้ปัญหา ให้นักเรียนเป็นคนที่มีทักษะในการวิเคราะห์ข้อมูลและมีเหตุผล
ความเท่าเทียม:
ในโรงเรียนไทย: การเรียนมีความเสมอภาค โดยนักเรียนในระดับเดียวกันจะได้รับสิทธิ์เท่ากันในการได้รับข้อมูลที่เหมือนกันในแต่ละวิชา
ในโรงเรียนนานาชาติ: ระบบการเรียนมักเปิดโอกาสให้นักเรียนสรรหาวิชาเลือกและการศึกษานอกหลักสูตร ส่งผลให้มีความหลากหลายในการเรียนและสร้างโอกาสสำหรับนักเรียนที่มีความสามารถทางวิชาการแตกต่างกัน
การให้ความสำคัญกับคุณธรรมและความมีระเบียบ:
ในโรงเรียนไทย: เน้นความเชื่อถือในคุณธรรมศีลธรรมไทย ดังนั้น ผู้เรียนจะได้รับการสอนให้ทำความเคารพต่อพระมหากษัตริย์ และทำความเคารพต่อพระพุทธศาสนา มีวิชาศาสนาเป็นบทเรียนบางส่วน มีการสอนความมีระเบียบ เน้นการควบคุมความประพฤติ การแต่งกายและการควบคุมทางวินัย การประเมินนักเรียนมักจะพิจารณาจากพฤติกรรมและความประพฤติด้วย
ในโรงเรียนนานาชาติ: เน้นการส่งเสริมความเคารพการยอมรับความแตกต่างทางวัฒนธรรม, ความรับผิดชอบ, การสร้างประสบการณ์การเรียน และยังมีการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับความเป็นประชาธิปไตย, ความหลากหลาย และการมีส่วนร่วมในชุมชนนานาชาติที่เป็นพลเมืองของโลก
สรุปแล้ว ระบบการศึกษาในโรงเรียนไทยและโรงเรียนนานาชาติมีความแตกต่าง ซึ่งมีข้อดีและข้อเสียของตัวเอง ทั้งนี้การเลือกระบบการศึกษาควรขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของนักเรียนและครอบครัวของพวกเขา โดยความแตกต่างนี้สร้างพื้นที่ให้นักเรียนได้พัฒนาทักษะและคุณลักษณะที่แตกต่างกันและสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการเตรียมพร้อมในสายงานและชีวิตที่มีความหลากหลายในสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในยุคปัจจุบัน