ศาสตร์แห่งการ "ขอโทษ"
เราทุกคนต่างก็เคยทำเรื่องผิดพลาด เราอาจเผลอพูดอะไรผิดไป หรือทำร้ายจิตใจคนที่เรารัก
และถ้าเรายังเป็นคนที่ยอมรับผิดพลาดได้ แน่นอนว่าเมื่อรู้ตัวว่าผิด เราก็ควรจะขอโทษ
แต่เคยเจอสถานการณ์ที่แม้ขอโทษไปแล้ว อีกฝ่ายก็ยังไม่ให้อภัยไหม
หรือเคยไหมที่คุณเองเป็นคนที่ถูกทำให้เจ็บช้ำน้ำใจ แต่อีกฝ่ายดูจะไม่เข้าใจความเสียใจของคุณ
ถึงแม้เขาจะบอกว่าขอดทษแล้ว แต่คุณก็ยังรู้สึกว่ามันเป็นการขอโทษส่งๆ หรือไม่เพียงพอต่อความผิดนั้น เป็นเพราะอะไร มาอ่านกันเลย
[สิ่งที่เราถูกปลูกฝัง]
ตั้งแต่เล็ก ๆ เราถูกปลูกฝังให้ขอโทษเมื่อเราทำผิด เราเรียนรู้จากพ่อแม่หรือคนที่ดูแลเราว่าแค่ขอโทษก็น่าจะเพียงพอแล้ว ตีพี่เหรอ ขอโทษสิ พูดจาแย่ๆ กับน้องเหรอ ขอโทษสิ แต่การทำแบบนี้อาจทำให้เราพลาดอะไรบางอย่างไป
เพราะคำว่า “ฉันขอโทษ” เป็นแค่ประโยคๆ หนึ่งเท่านั้น แน่นอนว่าการพูดคำว่าขอโทษเป็นส่วนหนึ่งของการขอโทษ แต่ยังไม่ใช่ส่วนที่สำคัญที่สุด เพราะการขอโทษต้องใช้อะไรมากกว่านั้น
[ทำไมเราจึงเจ็บปวด]
เวลาที่เรามีเพื่อน คนรัก หรือญาติสนิทมิตรสหาย เราจะสร้างความสัมพันธ์ที่ประกอบไปด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจกันขึ้นมา เราอาจไม่เคยสังเกตมาก่อน แต่ในความสัมพันธ์ที่ดี เราจะรู้สึกว่าเราเชื่อใจอีกฝ่ายได้ เชื่อว่าเขาจะเคียงข้างเรา เชื่อว่าเราเป็นตัวของตัวเองได้เมื่ออยู่กับเขา เชื่อว่าเรามีใครสักคนที่ห่วงใยเรา
แต่ในความเป็นมนุษย์นั้นเรามักจะทำร้ายจิตใจกันและกันเสมอ ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม พอเกิดการกระทบกระทั่งกันขึ้น เราก็มักจะคิดว่า “ฉันเสียความรู้สึกนะ” แต่ภายใต้ความรู้สึกที่เสียไป สิ่งที่เราได้เสียไปจริงๆ ก็คือความไว้เนื้อเชื่อใจนั่นเอง
ถ้าเราเข้าใจได้ว่า การ “เจ็บช้ำน้ำใจ” ของอีกฝ่ายก็คือการสูญเสียความไว้เนื้อเขื่อใจ เราก็จะขอโทษได้ถูกจุดมากยิ่งขึ้น
[ปรับมุมมอง]
สิ่งที่เราต้องทำก็คือ
- พยายามทำความเข้าใจว่าเขาเราทำให้เขาเสียใจเรื่องอะไรและเพราะอะไร บางคนสามารถอธิบายความรู้สึกของตัวเองได้ สิ่งที่เราควรทำก็คือตั้งถามว่าเขากำลังรู้สึกอย่างไร และการกระทำอะไรของเราที่ทำให้เขารู้สึกแบบนั้น
- อย่าพยายามแก้ตัวหรือใช้เหตุผลว่าทำไมคุณถึงต้องทำสิ่งที่ทำให้เขาเสียใจ การพยายามแก้ตัวคือสิ่งที่เราทำเมื่อเรารู้สึกว่าโดนจู่โจม ซึ่งความรู้สึกโดนจู่โจมนี้เป็นเรื่องปกติที่จะเกิดขึ้นเมื่อคนที่เรารักบอกว่าเราทำให้เขาเสียใจ แต่เราควรจะทำใจร่มๆ และพยายามรับฟังและทำความเข้าใจมุมมองของเขาให้ได้มากที่สุดก่อนที่จะหาข้อแก้ตัว
- ถ้าเขาอธิบายเหตุผลที่เขาเสียใจให้เราฟัง พยายามคิดตามที่เขาพูด ลองเอาตัวเองไปอยู่ในมุมมองของเขา และพยายามแสดงออกให้เขารู้ว่าคุณเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป ให้เขารู้ว่าคุณมองว่าความสัมพันธ์ระหว่างคุณและเขานั้นมีค่า และคุณไม่อยากจะสูญเสียมันไป
ขอย้ำอีกครั้งว่าเรากำลังรับมือกับการสูญเสียความไว้เนื้อเชื่อใจ และสิ่งที่คุณพอจะทำได้ก็คือการพยายามนำความไว้เนื้อเชื่อใจกลับมานั่นเอง