หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ลิปสติกที่ผู้หญิงใช้ทาปากมีประวัติความเป็นมาอย่างไรเรามีข้อมูลมานำเสนอให้คุณ

โพสท์โดย Man

ลิปสติกลิปสติกเป็นเครื่องสำอางสำหรับผู้หญิงที่อยากสวยอยากงามมีริมฝีปากที่น่าดึงดูดใจชายให้มองแล้วหลงไหล

ลิปสติกใช้ทาปากมีหลากหลายสีให้เลือกในสมัยนี้ไม่ว่าจะเป็นเป็นสีแดงสีดำสีเหลืองสีเขียวตามแต่ความอยากที่จะใช้ลิปสติกแต่งแต้มริมฝีปากให้สวยงาม

คุณรู้ไหมว่าลิปสติกมีประวัติความเป็นมาอย่างไรมันมีประวัติมันมีตำนานแล้วมันมีอะไรที่น่าตื่นเต้นมากมายสำหรับลิปสติกแท่งเดียวนะครับ..มีตำนานความเป็นมาที่น่าสนใจมากๆ

วันนี้เราก็เลยเรื่องลิปสติกนำมาเสนอให้คุณได้อ่านกันนะครับว่าลิปสติกมีความเป็นมาอย่างไรดูรายละเอียดข้างล่างเลยนะครับ

ลิปสติก (อังกฤษ: lipstick) หรือคนไทยสยามมักเรียกว่า รูท[ต้องการอ้างอิง] (ฝรั่งเศส: rouge à lèvres) เป็นผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ประกอบด้วยรงควัตถุ น้ำมัน ขี้ผึ้ง และสารให้ความชุ่มชื้น ใช้สำหรับทาสี ลวดลาย และเกราะป้องกันไว้บนริมฝีปาก มีลิปสติกหลากหลายสีและหลากหลายรูปแบบ เช่นเดียวกับเครื่องสำอางทั่วไป ลิปสติกมักนิยมใช้ในผู้หญิง แต่ผู้ชายก็ใช้ได้ การใช้ลิปสติกมีประวัติย้อนไปถึงยุคกลาง

ลิปสติกหนึ่งแท่ง

ประวัติ

จากหลักฐานการค้นพบกล่องเครื่องสำอางค์ ซึ่งข้างในนั้นเป็นลิปสติกโฮมเมด ที่เกิดจากการนำอัญมณีมาบดจนเป็นผงละเอียด แทบไม่น่าเชื่อว่า เมื่อ 5000 ปีที่แล้ว ผู้หญิงในที่ราบลุ่มเมโสโปเตเมียรู้จักการทาปาก หลักฐานสำคัญทางประวัติศาสตร์ของอียิปส์ พบว่า บนกระดาษปาปิรุสมีรูปผู้หญิงส่องกระจก และกำลังแต่งแต้มริมฝีปาก ในสมัยก่อน

ผู้หญิงมองโกเลียเอาขี้ผึ้งและไขมันสัตว์มาทาปากเพื่อป้องกันการแตกแห้ง ในสมัยโบราณผู้หญิงนำผลเบอร์รี่สีแดง มาแต่งแต้มเรียวปากของพวกเธอให้สวยงาม

ในยุคกลาง 1500’s การทาปากสีแดงเป็นเรื่องของสังคมชั้นสูง ผู้หญิงธรรมดาสามัญที่ทาปากสีแดงจะถูกมองว่าเป็นผู้หญิงไม่ดีหรือเป็นโสเภณีที่ทาปากแดงเพื่อยั่วยวนผู้ชาย การทาปากสีแดงเป็นเรื่องของสังคมชั้นสูงเท่านั้นที่ทำกัน จะเห็นได้รูป พระนางเจ้าอลิซาเบ็ธที่ 1 ที่มีผิวสีขาวซีดแต่ทาปากสีแดง เมื่อหมดสมัยของพระนาง ลิปสติกก็โดนแบนจากคริสตจักร ลิปสติกสีแดงก็กลายเป็นสัญญลักษณ์ของหญิงชั้นต่ำ

ในปี ค.ศ. 1770 ลิปสติกเคยเป็นเรื่องราวของแม่มดหมอผี ลิปสติกเปรียบเสมือนยาเสน่ห์ รัฐสภาอังกฤษเคยผ่านกฎหมายให้ผู้ชายยกเลิกการแต่งงานได้ ถ้าเขาเชื่อว่าตัวเองถูกผู้หญิงล่อลวงให้แต่งงาน ด้วยการทาลิปสติก

ช่วงปลายๆของยุค 1800’s ซึ่งตอนนั้นภาพยนตร์ยังคงเป็นสีขาวดำ Sears Roebuck เสนอให้นักแสดงทาปากและแก้มให้เข้มขึ้นด้วยปีกแมลงเต่าทองสีแดงบดละเอียด เพื่อที่จะทำให้สีปากตามธรรมชาตินั้นดูโดดเด่นขึ้นบนแผ่นฟิล์มสีขาวดำ

ในปี ค.ศ. 1884 บริษัทเครื่องสำอางค์ที่ชื่อ Guerlain ก็ทำลิปสติกแบบก้อน บรรจุในห่อกระดาษผ้าไหมที่มาพร้อมกับพู่กันสำหรับทาปากออกมา และเป็นครั้งแรกที่มันมีชื่อเรียกว่า “ลิปสติก” จนกระทั่งทศวรรษ ที่ 1915 Maurice levy ได้ทำที่บรรจุลิปสติกแบบโลหะแท่งแรกขึ้นมา ทำให้มีความสะดวกสบายขึ้นในการทาริมฝีปาก ในปีเดียวกันบริษัทชื่อดัง Chanel, Guerlain, Estee Lauder และ Elizabeth Arden ก็เริ่มผลิตลิปสติกออกสู่ตลาด

ในปี 1920 ที่สหรัฐอเมริกาเกือบมีการออกกฎหมายให้ลิปสติก เป็นสิ่งต้องห้ามเนื่องจากกลัวว่าจะมีการวางยาพิษในลิปสติกขณะกำลังจุมพิตกัน และระหว่างปี ค.ศ. 1929-1933 เกิดปรากฏการณ์ “Lipstick Effect” ในสงครามโลกครั้งที่ 1 เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในสหรัฐอเมริกา มีสินค้าอยู่ตัวเดียวที่ยอดขายเพิ่มขึ้น ซึ่งนั่นก็คือ ลิปสติก

ในยุค 1940’s ความนิยมลิปสติกเริ่มแพร่กระจายออก เอลิซาเบธเทย์เลอร์ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่คลั่งไคล้ลิสติกสีแดง และหลายๆคนยังคงจำคำคมของเธอพูดไว้เกียวกับลิปสติคว่า “Pour yourself a drink, put on some lipstick, and pull yourself together.”กลุ่มลูกค้าเป้าหมายในการขายลิปสติกของบริษัทเครื่องสำอางค์ชื่อดังอย่าง Maybelline และ Revlon คือเด็กผู้หญิงที่มีอายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป

ในยุค 1950’s ผลจากกระแสนิยมจากฮอลลีวู้ด ลิปสติกสีแดงเป็นตัวแทนแห่งความเซ็กซี่ มาริลีน มอนโรว์, ริต้า เฮย์เวิร์ด และเอวา การ์ดเนอร์ ซุปเปอร์สตาร์แถวหน้าล้วนแต่ทาปากสีแดงเข้ม นับตั้งแต่นั้นมา 98% ของผู้หญิงในสหรัฐอเมริกาเริ่มหันมาทาลิปสติกกัน

ปี 1960 และ 1970 เริ่มมีการผลิตลิปสิกสีอื่นๆออกมา สีแดงจึงเป็นแค่อีกหนึ่งตัวเลือกหนึ่งเท่านั้น และในปี 1980 และ 1990 ลิปสติกสีแดงกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง เมื่อบริษัทผลิตเครื่องสำอางค์ยักษ์ใหญ่อย่าง Mac เปิดตัวลิปสติกตัวแรกออกมา แน่นอนมันเป็นสีแดง โดยมีร็อคเกอร์สาวมาดอนน่าทาลิปสติกตัวนี้ขึ้นเวิลด์ทัวร์ คอนเสิร์ต ในปี 1987 และลิปสติกสีแดงของแมคตัวนี้ก็ได้รับความนิยมจนขึ้นแท่นเป็นลิปสติกที่ขายดีแบบสุดๆ และยังคงได้รับความนิยมแม้เวลาจะผ่านไปนาน 20 กว่าปี

เป็นยังไงบ้างครับขนาดลิปสติกแท่งเดียว

ก็มีประวัติความเป็นมาน่าสนใจน่าตื่นเต้นมากเลยนะครับ

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
Man's profile


โพสท์โดย: Man
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
เงินดิจิทัล 10,000 บาท เฟส 3 มาแน่! คนทั่วไปรับผ่านดิจิทัลวอลเล็ต กระตุ้นเศรษฐกิจปี 2568เลขเด็ด "แม่นมาก ขั้นเทพ" งวดวันที่ 2 มกราคม 68 มาแล้ว!..อยากรวย มาส่องกันเลย!!วันสุดท้ายแล้วสำหรับงานกาชาด 2567 ร้อนแรงทะลุสวนลุม! "ตำรวจตกน้ำ" ไฮไลต์เด็ดที่ทุกคนต้องไม่พลาดเพจดังเปิดภาพพระสงฆ์ ควงแขนผู้ชาย ชาว เน็ตวิจารณ์ยับเลขเด็ด ธูปปู่ 2 มกราคม 2568สั่งพักงานยกชุด! 18 ตำรวจจราจร ปมตั้งโต๊ะจับปรับ 'เจอจ่ายจบ'"11 วิธีกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ภายในบ้านด่วน!เป็ด เชิญยิ้ม ตลกรุ่นใหญ่ เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล หลังติดเชื้อโนโรไวรัส ยังไม่มียารักษาเจ้าแม่เงินกู้ดอกโหด ร้อยละ 720 ถูกจับคาหนังคาเขา!เปิดโปรไฟล์ โฟม เบ็ญจมาส ภรรยา เจมส์จิ พร้อมอาชีพที่หลายคนอยากรู้เลขเด็ด เลขมาแรง เลขดัง "รวมหวยเด็ดสำนักดัง vol.10" งวดวันที่ 2 มกราคม 2568อาหาร 7 ชนิดที่คนท้องเสียไม่ควรกิน
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
วันสุดท้ายแล้วสำหรับงานกาชาด 2567 ร้อนแรงทะลุสวนลุม! "ตำรวจตกน้ำ" ไฮไลต์เด็ดที่ทุกคนต้องไม่พลาดเส้นทางดวงดาว "ต่อ ธนภพ" สิ่งลังเลคว้าความสำเร็จยืนหนึ่งในวงการจอมขมังเวทย์ไทย หัวใส จับกระแส โกโกวา ใส่จิต เป็นกุมารี ออกให้เช่าบูชา11 วิธีกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ภายในบ้านโบสถ์เซนต์แมรี่แห่งไซออน, เอธิโอเปีย
กระทู้อื่นๆในบอร์ด รวมสาระบทความแบ่งปั่นกัน
หาดทรายแปลกๆแหวกธรรมชาติ หาดแก้วมหัศจรรย์แห่งอ่าว Ussuri รัสเซียดอกไม้ที่ชื่อว่า Puya berteroniana เป็น ดอกไม้สีแปลก เท่าที่เคยพบเห็นมารถตักดินยักษ์KRUPP BAGGER 288 รถตักดินขนาดใหญ่ที่สามารถขุดดินได้วันละ 240,000 ตันปรากฏการณ์ธรรมชาติแปลกๆครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้วยอัตราการตกของดาวตกที่ถี่มาก เฉลี่ยแล้วมากถึง 100,000 ดวงต่อชั่วโมง!
ตั้งกระทู้ใหม่