รูโหว่ชั้นโอโซนปี 2023 ใหญ่กว่าทวีปแอนตาร์กติกาสองเท่า
ภาพจำลองรูโหว่ชั้นโอโซนขนาดยักษ์ ที่ค้นพบล่าสุดเหนือทวีปแอนตาร์กติกา
เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2566 องค์การอวกาศยุโรป (ESA) รายงานว่า รูโหว่ชั้นโอโซนเหนือขั้วโลกใต้ในปีนี้ มีขนาดใหญ่กว่าทวีปแอนตาร์กติกาถึงสองเท่า โดยมีพื้นที่กว้างถึง 26 ล้านตารางกิโลเมตร ซึ่งคิดเป็นพื้นที่ใหญ่กว่าทวีปอเมริกาเหนือ และคิดเป็นสองเท่าของพื้นที่ทวีปแอนตาร์กติกาเอง
สาเหตุที่รูโหว่มีขนาดโตขึ้นกว่าปกติในครั้งนี้ สันนิษฐานว่าเกิดจากการปะทุของภูเขาไฟใต้น้ำ Hunga Tonga-Hunga Ha'apai ที่ประเทศตองกา เมื่อช่วงต้นปี 2565 โดยเหตุการณ์นี้ทำให้เกิดกลุ่มควันที่พวยพุ่งขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศชั้นบนของโลก ทำให้มีไอน้ำเพิ่มขึ้นในบรรยากาศถึง 10% ซึ่งไอน้ำที่แตกตัวเป็นอนุภาคมีประจุสามารถจะทำลายชั้นโอโซนได้ เช่นเดียวกับสารซีเอฟซี
ภาพถ่ายดาวเทียมของเหตุภูเขาไฟระเบิดในตองกา เมื่อวันที่ 15 ม.ค. 2022
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญประเมินว่า การเกิดรูโหว่ยักษ์ในชั้นโอโซนตามฤดูกาลเช่นนี้ ไม่ใช่สิ่งที่น่าวิตก และมันน่าจะปิดลงได้เองภายในเวลาอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ส่วนแนวโน้มการเยียวยารูโหว่ในชั้นโอโซนทั่วโลกนั้น หากปริมาณของสารซีเอฟซีที่ปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศยังคงต่ำอยู่เช่นนี้ คาดว่ารูโหว่จะปิดตัวลงได้อย่างสมบูรณ์ในปี 2550
ผมรู้สึกกังวลเกี่ยวกับรูโหว่ชั้นโอโซนในปีนี้ เพราะมีขนาดที่ใหญ่กว่าที่เคยมีมา โดยปกติแล้ว รูโหว่ชั้นโอโซนจะก่อตัวขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ผลิเหนือขั้วโลกใต้ เนื่องจากอุณหภูมิที่เย็นจัดทำให้เกิดเมฆบางชนิดที่ทำลายก๊าซโอโซนได้ แต่รูโหว่ชั้นโอโซนในปีนี้ ก่อตัวขึ้นเร็วกว่าปกติตั้งแต่ช่วงกลางเดือนสิงหาคม ซ้ำยังขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว
ผมเชื่อว่าการปะทุของภูเขาไฟใต้น้ำ Hunga Tonga-Hunga Ha'apai มีส่วนสำคัญที่ทำให้รูโหว่ชั้นโอโซนมีขนาดที่ใหญ่กว่าปกติในครั้งนี้ แต่ผมก็เชื่อว่าการลดการปล่อยสารซีเอฟซีก็ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้รูโหว่ชั้นโอโซนมีขนาดที่ใหญ่กว่าปกติเช่นกัน
ผมหวังว่ารูโหว่ชั้นโอโซนจะปิดตัวลงได้เร็วที่สุด เพื่อปกป้องสิ่งมีชีวิตบนโลกจากอันตรายของรังสีอัลตราไวโอเล็ต (ยูวี) จากดวงอาทิตย์
นอกจากความกังวลเกี่ยวกับรูโหว่ชั้นโอโซนแล้ว ผมยังรู้สึกชื่นชมการทำงานของนานาชาติในการลดการปล่อยสารซีเอฟซี ซึ่งถือเป็นการแก้ไขปัญหารูโหว่ชั้นโอโซนที่มีประสิทธิภาพที่สุด โดยในปี 1987 นานาประเทศได้ลงนามในอนุสัญญามอนทรีออลเพื่อควบคุมการใช้สารซีเอฟซี ซึ่งส่งผลให้ปริมาณสารซีเอฟซีที่ปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
ผมเชื่อว่าความร่วมมือของนานาชาติเช่นนี้ จะช่วยให้เราแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมอื่นๆ ได้เช่นกัน
ที่มาของข้อมูลมาจากบทความ "รูโหว่ชั้นโอโซนเกิดใหม่ ใหญ่กว่าทวีปแอนตาร์กติกาสองเท่า" ของเว็บไซต์ BBC.COM ซึ่งอ้างอิงข้อมูลจากองค์การอวกาศยุโรป (ESA) และศูนย์พยากรณ์อากาศระยะกลางแห่งยุโรป (ECMWF)