ฉลอง ภักดีวิจิตร
ฉลอง ภักดีวิจิตรผู้กำกับหนังไทยผู้นำพาหนังไทยดังไปถึงระดับโลกในด้านหนังแอ็คชั่นมากฝีมือคนหนึ่งของประเทศไทย
อาไม่เคยทำหรอกพวกระเบิดภูเขา เผากระท่อม… โคตรกระจอกฉิบหาย!!!”
อาหลอง-ฉลอง ภักดีวิจิตร ผู้กำกับหนังรุ่นเก๋าระเบิดเสียงหัวเราะ เมื่อพูดถึงฉายาที่สื่อมวลชนต่างขนานนามให้ตลอดหลายสิบปี
เพราะเขาเคยแต่เอาเฮลิคอปเตอร์มาชนกับเครื่องบิน บิดมอเตอร์ไซค์ลงจากเครื่องบินสูง 15,000 ฟุต ขับรถจี๊ปแล้วชนเครื่องบินขาด 2 ท่อน ขี่มอเตอร์ไซค์กางปีกพุ่งทะยานข้ามหน้าผา ฯลฯ
ส่วนเรื่องง่าย ๆ แบบระเบิดภูเขาเผากระท่อมนั้นไม่เคยอยู่ในสคริปต์ของอาหลองเลย
แน่นอน แม้แต่ละฉากล้วนลงทุนมหาศาล แต่เขาก็ไม่เคยหวั่น เพราะอยากให้ภาพสุดตะลึงนี้ฝังแน่นในความทรงจำไปของผู้ชมอีกนานแสนนาน
ไม่แปลกเลยว่า เหตุใดใคร ๆ จึงพากันยกย่องให้อาหลองเป็นตำนานของวงการหนัง-ละคร แถมไม่ใช่แค่คนไทยเท่านั้นที่ยอมซูฮก แม้แต่ฝรั่งตาน้ำข้าวก็ยังยกนิ้วให้
เนื่องในโอกาสที่ชายคนนี้อยู่ในวงการต่อเนื่องมาเกิน 7 ทศวรรษ แถมยังไม่เคยหยุดกำกับ แม้วัยจะล่วงเลยมาถึง 92 ปี กระทั่ง Guinness World Records ต้องบันทึกในฐานะผู้กำกับชายที่อายุมากสุดในโลก
จากช่างภาพมือทอง สู่ผู้กำกับมือเก๋า
ในวัยเด็ก อาหลองไม่ได้มีเป้าหมายจะเป็นคนทำหนัง แต่มีฝันอยากเป็นวิศวกร
แต่คงเพราะโชคชะตาที่เกิดมาบนกองฟิล์ม จากวิศวกรสร้างตึกสร้างถนน จึงต้องกลายเป็นวิศวกรสร้างความบันเทิงแทน
ย้อนไปไกลถึงยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 พ่อของอาหลอง พุฒ ภักดีวิจิตร คือนักสร้างหนังยุคบุกเบิก ผู้ก่อตั้งศรีบูรพาภาพยนตร์ บริษัทผลิตภาพยนตร์แห่งแรก ๆ ของประเทศไทย
อาหลอง ซึ่งมีแววดี ถ่ายรูปออกมาแล้วสวย จึงถูกวางตัวให้มารับหน้าที่ช่างภาพ โดยทุกเช้าเขาจะต้องฝึกมือหมุนกล้องถ่าย เพื่อให้ได้ความเร็วของฟิล์มสม่ำเสมอ คือ 24 เฟรมต่อวินาที
"สมัยนั้นกล้องเป็นกล้องสี่เหลี่ยม ต้องไขลาน"
หลังเรียนจบชั้นเตรียมอุดมศึกษา เมื่อ พ.ศ. 2493 อาหลองในวัย 19 ปี เดินหน้าสู่วงการภาพยนตร์เต็มตัวครั้งแรกในฐานะช่างภาพเรื่อง แสนแสบ
เขาสนุกกับการสั่งซื้อตำราของฮอลลีวูด ตระเวนรับชมภาพยนตร์จากตะวันตก ที่สำคัญ เขายังเป็นคนไทยคนแรกที่ถ่ายกรีนสกรีนในภาพยนตร์ไทย 35 มม. เรื่อง เล็บครุฑ ตอน ประกาศิตจางซูเหลียง เป็นฉากดิ่งพสุธา เรียกเสียงฮือฮาของผู้ชมยุคนั้นอย่างมาก
ด้วยสไตล์ที่โดดเด่น เป็นเอกลักษณ์ และเป็นสากล ส่งผลให้อาหลองกลายเป็นช่างภาพมือทอง คว้ารางวัลช่างภาพตุ๊กตาทองพระราชทาน 2 ปีซ้อน จากภาพยนตร์เรื่อง พิภพมัจจุราช และ ละอองดาว
หากแต่อาหลองก็ไม่ต่างจากทุกคนที่ฝันถึงความก้าวหน้า ด้วยเขาเป็นคนที่ศึกษาตำรามาก บวกกับได้เห็นแบบอย่างของรุ่นพี่ ๆ ไม่ว่าจะ ส. อาสนจินดา หรือ สุพรรณ พราหมณ์พันธุ์ ซึ่งต่างสร้างผลงานจนโด่งดัง เป็นที่ชื่นชมของประชาชน
เมื่อ พ.ศ. 2510 เขาจึงตัดสินใจชิมลางงานกำกับ พร้อมตั้ง บริษัทบางกอกการภาพยนตร์ ขึ้น