แมงกระพรุน 'ความเป็นอมตะ' ไม่มีวันแก่ตาย
แมงกระพรุนเป็นสัตว์ที่เราชอบมากจึงถือโอกาสนี้มาส่งต่อความน่ารักของพวกมันถึงแม้ว่าแมงกระพรุนบางสายพันธุนั้นจะมีพิษร้ายแรงก็ตามแต่ความสวยงามของมันก็ทำให้หลงรักได้ไม่ยากเลยเช่นกัน มีครั้งหนึ่งเคยโดยแมงกระพรุนออกแสบออกร้อนมากตอนไปดำน้ำที่สมุยแต่โดนไม่เยอะมากใช้ทรายถูกๆกับแผลเพื่อลดความแสบของมันตอนนั้นได้ตั้งแต่โน้นมาก็รู้สึกหลงรัก...หัววุ่นพวกนี้ซะแล้วสิ วันนี้เลยตั้งใจจะเอาความน่ารักของพวกมันมาฝาก
เนื่องจากไปศึกษาเรื่องของพวกมันมาแล้วจึงอย่างมาทำให้ทุกคนได้อ่านกันแล้วอาจจะหลงรักพวกนี้ก็ได้พวกมันมีไฟด้วยนะสวยงามมาก ขนาดนักวิทยาศาสตร์ยังสนใจวงจรชีวิตของพวกมันว่าทำไมพวกมันถึงไม่มีวันตายเลยนะไม่ว่าจะกี่ครั้งๆที่ตัวมันโดนทำร้ายหรือแตกสลายไปในท้องทะเลพวกมันก็จะสามารถกับมามีชีวิตได้อีกครั้งและวนกับไปเป็นแมลงกระพรุนเด็กและเติบโตขึ้นมาได้ใหม่มีบทความหนึ่งที่อยกจะาฝากทุกคนเป็นบทความที่ให้กำลังใจที่ดี 1 บทเลยนะก่อนที่เราจะไปชมความน่ารักของแมลงกระพรุนนั้นมาดูบทความให้กำลังใจกันก่อนดีกว่าเนอะ
ใช้ชีวิตให้เหมือนแมงกระพรุนถึงแม้ว่าพวกมันจะไม่มีสมอง
แต่ไม่ว่าจะกี่ครั้งก็ตามที่โดนทำร้ายจนแตกสลาย
มันยังสามารถประกอบตัวขึ้นมาใหม่ได้
มันไม่ยอมแพ้ในชีวิตเหมือนที่มันไม่ยอมตายนั้นแหละ
เป็นไงทุกคนบทวามนี้ทำให้มีกำลังใจขึ้นมากันบ้างไหมน๊ายังไงก็หวังว่าจะชอบกันนะค่ะเอาละเราไปดูความน่ารักของเจ้าวุ่นพวกนี้กันเลย
ดูความสวยงามของพวกมันสิเป็นสัตว์ที่น่าทึงมากเพราะเป็นสัตว์ชนิดเดียวที่มีแสงไฟในตัวของมันเองแต่ถึงยังไงมันจะสวยงามหรือน่ารักมากแค่ไหนมนุษย์อย่างเราๆนี้ละไปช่วงชิงเอาความอมตะของพวกมันไปละยังนำพวกมันไปทำอาหารอีกเรามักจะพบกันบ่อยๆในเย็นตาโฟในหมูกะทะหรือเมนูอื่นๆก็ตาม แต่พอเอาพวกมันมาทำอาหารแล้วก็อร่อยเหมือนกันนะ เป็นเพราะว่าพวกมันเป็นอมตะธรรมชาติไม่สามารถทำลายพวกมันได้เหล่ามนุษย์ยังเราๆจึงช่วยธรรมชาติลดประชากรของมันยังไงละแต่ถึงยังไงแมงกระพรุนไม่สามารถกินได้ทุกสายพันธุหรอกนะเพราะบางสายพันธุนั้นก็มีพิษร้ายแรงเหมือนกันอาจจะทำให้เราๆตายได้เหมือนกัน
เชื่อสิถ้าหากคุณได้มองมันเคลื่อนไหวร่างกายของพวกมันแล้วละก็คุณก็จะตกหลุมรักและมองพวกมันไม่มีเบื่อเลยละการที่คุณได้มองการแหวกว่ายของพวกมันนั้นจะทำให้คุณตกอยู่ในวังวนของพวกมันซึ่งสามารถยืนดูพวกมันได้เป็นชั่วโมงแบบไม่มีเบื่อเลยก็ว่าได้ ยิ่งร่างกายที่โปรงใสของมันนั้นรับกับแสงสีที่อยู่ใต้ทะเลแล้วนั้นยิ่งทำให้พวกมันสวยงามยิ่งขึ้น ที่ญี่ปุ่นมีพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำคะโมะที่นั้นจะเป็นพิพิธภัณฑ์แมงกระพรุนที่ใหญ่ที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ ที่นั้นจะมีแมลงกระพรุนมากกว่า 50 สายพันธุ์
ที่เมืองไทยเราก็มีไม่จำเป็นต้องไปดูไกลถึงญี่ปุ่นก็ได้นะ เพราะที่บางแสนก็มีพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำยังไงละสามารถไปดูที่นั้นก็ได้มีเจ้าหน้าที่ค่อยแนะนำน่ารักมากอีกด้วย
ชีวิตของเจ้าพรุนน้อยพวกนี้ไม่แตกต่างจากสายน้ำแห่งชีวิตหรอกเพราะว่าพวกมันไม่มีจุดจบยังไงละ
พวกมันพาตัวเองไหลผ่านความสับซ่อนของท้องทะเลไปเรื่อยๆเหมือนกับสายน้ำที่ไม่มีวันหยุดไหลยังไงยังงั้นแหละ แต่ไม่ว่ายังไงเจ้าวุ่นพวกนี้มันก็คงชอบทำตัวเองให้มีชีวิตที่ง่ายๆสินะ เพราะท่ามกลางการเปลี่ยนผ่านวิวัฒนาการที่เปลี่ยนผ่านไปมาอยู่ตลอดเวลา บางทีการที่ได้ยืมมองพวกมันนิ่งๆก็ทำให้เข้าใจชีวิตมากขึ้นเหมือนกันนะ
เรื่องราวของพวกมันได้เกิดขึ้นในปี 1988 มีนักศึกษาคนหนึ่งได้เก็บมันมาเพราะว่ามีรูปร่างขนาดยังเล็กและมีลักษณะคล้ายดอกไม้ทะเลจิ๋วนั้นเองและยังเป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าแมงกระพรุนมีวงจรชีวิตและรูปร่างของมัยจะเปลี่ยนไปตามช่วงวัยของพวกมัน
นี้ยังไงละวิวัฒนาการของพวกมันเริ่มแรกจากการเป็นไข่ก่อนไข่ที่ถูกผสมพันธุ์แล้วนั้นจะมีลักษณะเป็นถุงตัวอ่อนไปยึดติดเกะกับหินและจากนั้นมันจะค่อยๆเปลี่ยนวัยพัฒนามาจนกลายเป็นโพลิปและจนกายมาเป็นเมดูซ่าที่โตเต็มวัยพร้อมไปผสมไข่กับสเปิร์มต่อไปจนครบวงจรของพวกมันแต่ว่าพอมันโตจนเต็มที่แล้วแทนที่พวกมันจะแก่ตายแต่กลับไม่ใช่อย่างนั้นนะสิพวกมันจะกลับกลายไปเป็นตัวอ่อนเยาว์ลงและกลายเป็นเด็กอีกรอบมันจึงได้ชื่อว่าแมงกระพรุนอมตะไม่มีวันตายยังไงละ ธรรมชาติได้ให้ชีวิตที่ยืนยาวของพวกมันไม่มรทางจบสิ้น
ในบางทีชีวิตของเจ้าวุ่นพวกนี้หรือแมงกระพรุนก็สอนเราเหมือนกันนะเพราะว่าธรรมชาติได้มอบชีวิตให้ที่แตกต่างกัน ทำให้ชีวิตง่ายเข้าไว้ เื่อพร้อมที่จะได้เติบโตใหม่ในเวลาที่เราแตกสลาย
หลงรักเจ้าวุ่นพวกนี้มากจนซื้อโครมไฟแมลงกระพรุนมานอนดูทุกคนถ้าหากชอบก็ซื้อมานอนดูในห้องนอนหรือห้องนั่งเล่นกันได้นะค่ะแล้วจะหลงรักเจ้าวุ่นพวกนี้เหมือนกัน