รวมประโยคทักท้ายภาษาอังกฤษที่ใช้ในชีวิตประจำวัน
มีคำทักทายภาษาอังกฤษที่ใช้กันในชีวิตประจำวันมาฝาก
1.Hello. (เฮลโล) : สวัสดีครับ/ค่ะ
เป็นการทักทายที่มีความสุขภาพอยู่ในตัว สามารถใช้พูดได้กับทุกคน ทุกช่วงเวลา
ตัวอย่าง : Hello. Malee (สวัสดีครับ มาลี)
2.Hi./Hey. (ไฮ/เฮ) : หวัดดี/ไง
ใช้ทักทายเป็นกันเองมากๆ ส่วนมากมักจะทักทายกับเพื่อนซี้ เพื่อนสนิท และยังใช้ในการเรียกคนได้ด้วย
ตัวอย่าง : Hi. Jessica (ไง เจสสิก้า) / : Hey. I’m here. (เฮ้ ฉันอยู่นี่)
3.Good morning. (กูด มอร์นิง) : อรุณสวัสดิ์
การทักทายตามช่วงเวลา บางครั้งมักพูดย่อสั้นๆ แค่ Morning (มอร์นิง) เป็นการทักทายยามเช้า
4.Good night. (กูด ไนท) : ราตรีสวัสดิ์
มักใช้พูดกันเวลาแยกย้ายกันเข้านอน หรือส่งเข้านอน
5.Sleep tight. (สลีพ ไทท) : หลับฝันดีนะ
เราสามารถใช้แทนประโยค Good night. ก็ได้ เป็นการส่งเข้านอนได้เช่นกัน บางครั้งก็ใช้คู่กัน เช่น Good night. Sleep tight. (นอนหลับฝันดีนะ)
6.How are you? (ฮาว อาร์ ยู) : เป็นอย่างไรบ้าง
เมื่อต่อจากการกล่าวสวัสดี ก็มักจะถามสารทุกข์สุกดิบต่อ ถือว่าเป็นประโยคยอดนิยม
7.How do you do? (ฮาว ดู ยู ดู) : เป็นอย่างไรบ้าง
แม้จะมีความหมายเหมือน How are you? แต่จริงๆ แล้วใช้ทักทายเมื่อเจอกันครั้งแรก หรือเพิ่งเคยเจอหน้ากันครั้งแรก
8.What’s up? (วอทซ อัพ) : หวัดดี, ว่าไง ,เป็นไง
อีกประโยคทักทายที่มักนิยมใช้กันบ่อย เอาไว้ถามไถ่ว่าอีกฝ่ายเป็นอย่างไรบ้าง เป็นภาษาพูดแบบกันเองๆ เอาไว้พูดกันคนที่สนิท
9.What brings you here? (วอท บริงซ ยู เฮียร์) : มาที่นี่ได้ไงเนี่ย
เป็นการทักทายกันในสถานที่ที่ไม่คิดว่าจะได้เจอกัน หรืออาจเป็นคนรู้จักที่ไม่ได้ติดต่อกันมานานแล้วมางานเดียวกัน
10.How’s life? (ฮาวซ ไลฟ) : ชีวิตเป็นอย่างไรบ้าง
มีความหมายตรงตัวเลยว่าชีวิตเป็นอย่างไรบ้าง แล้วยังมีประโยค How are things? เป็นประโยคซึ่งมีความหมายว่า สิ่งต่างๆรอบตัวเราเป็นอย่างไร ไว้ใช้ทักทายแทนได้เช่นกัน
11.How have you been? (ฮาว แฮฟว ยู บีน) : ที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง
มักใช้ประโยคนี้กับคนที่รู้จักกันดีแล้ว เช่น เพื่อน ญาติพี่น้อง แล้วไม่ได้เจอกันสักพัก พอมาถามไถ่กัน มักใช้ประโยคนี้ถามว่าที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง
12.I’m fine. (ไอม ไฟน) : สบายดี
เป็นประโยคสุดฮิตที่มักใช้ตอบเมื่อโดนถามว่า เป็นอย่างไรบ้าง? เป็นการตอบเพื่อให้เขาสบายใจ และยังสามารถใช้ประโยค I'm good. แทนได้เช่นกัน
13.So far so good. (โซ ฟาร โซ กูด) : ก็ดีนะ
มักใช้ตอบเวลาที่ชีวิตเราอยู่แบบเรื่อยๆ ไม่ได้หวือหวา แต่ก็ไม่ได้แย่จนน้ำตาตก
14.It’s going well. (อิทซ โกอิง เวล) : ก็ไปได้สวยนะ
มักใช้ประโยคนี้หากชีวิตกำลังไปได้สวย
15.Couldn’t be better. (คูดดึนท บี เบทเทอ) : ชีวิตดีสุดๆ
แปลตรงตัวเลยว่า ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้ว คือชีวิตตอนนี้ดีสุดๆ นั่นเอง
16.And You? (แอน ยู) : แล้วคุณล่ะ
มักใช้ตอบกลับประโยคที่มีคนถามข่าวคราวความเป็นไปหรือความเป็นอยู่ นอกจากบอกว่าสบายดีแล้ว เรามักจะต่อด้วยคำนี้เสมอ เช่น I’m fine. And you?
17.Talk to you later. (ทอลค ทู ยู เลเทอร) : แล้วค่อยคุยกัน
เราสามารถบอกลาอีกฝ่ายด้วยประโยคนี้ก็ได้
18.See you. (ซี ยู) : แล้วเจอกัน
มักใช้แทนคำบอกลาได้เช่นกัน มักใช้กับคนรู้จักที่คาดว่าจะเจอกันอีก เช่น See you tomorrow. (เจอกันพรุ่งนี้นะ)
19.I should get going. (ไอ ชูด เกท โกอิง) : ต้องไปแล้วล่ะ
นับว่าเป็นประโยคหากินเลยก็ว่าได้ หากเราคุยกับใครแล้วอยากจะจบบทสนทนา สามารถพูดประโยคนี้ด้วยท่าทีรีบเร่ง อีกฝ่ายก็จะหยุดพูดตามมารยาทนั่นเอง
20.
Goodbye. (กูดบาย) : ลาก่อน
ถึงเวลาบอกลากันดีกว่า สามารถย่อเหลือแค่ Bye. หรือใช้คำว่า Bye-bye. ให้ฟังดูเป็นมิตรขึ้นก็ได้ เช่น I have to go. Goodbye. (ผมต้องไปแล้ว ลาก่อนนะครับ)