เกือบถูกตัดเหงือกเพราะปวดฟัน
จะมาเล่าประสบการณ์ชีวิตโดยตรงที่จะไม่ทำอีกแล้วในชีวิตนี้ให้ฟังกันค่ะ คือแรกเริ่มเลยเกิดจากการปวดเหงือกนี้ละค่ะแต่ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรมากคิดว่าแค่ปวดเหงือกเดี๋ยวก็คงหายใช่ค่ะมันหายจริงๆกว่าจะหายใช้เวลาประมาณ 5-6 วัน แล้วมันปวดมากค่ะปวดแบบทรมาณสุดๆกินยาแก้ปวดก็เอาไม่อยู่ปวดจนพูดไม่ได้เพราะมันปวดจนถึงข้างขมับหัวข้างซ้ายกันเลยที่เดียว ละก็เป็นคนไม่ชอบไปหาหมอฟันเพราะกลัวหมอฟันสุดๆเลยตัดสินใจซื้อยากินแต่ซื้อแต่ละครั้งแปบเดียวมันก็หายปวดค่ะ มันเป็นแบบนี้บ่อยมากจนคิดว่าไม่เป็นไรหรอกเดี๋ยวก็คงหายเอง แต่ดูเหมือนรอบล่าสุดจะไม่เป็นแบบนั้นค่ะ ก่อนจะตัดสินใจโทรจองคิวเข้าพบแพทย์โรงพยาบาลที่เราโทรจองคิวนั้นเป็นโรงพยาบาลวิภารามค่ะโรงพยาบาลเอกชน
โรงพยาบาลนี้ดูแลดีมากค่ะตั้งแต่เราลงรถไปเลยจะมีเจ้าหน้าที่มาค่อยตอนรับตั้งแต่เรายังไม่เข้าไปด้านในของโรงพยาบาลเลยค่ะ พอเราเข้าไปก้จะมีเจ้าหน้าที่ชักประวัติว่าเคยมารักษาที่โรงยาบาลนี้ไหมวันนี้เข้ารับการรักษาอะไรเราก้แจ้งไปว่าเข้าพบแพทย์แผนกทัตกรรมค่ะจองคิวไว้แล้ว เจ้าหน้าที่ก็จะแจ้งเราให้ไปตรงไหนชั้นไหนเราก็ไปเดินขึ้นไปชันสองจะเจอกับแผนกทัตกรรมก็เดินเข้าไปแจ้งชื่อที่เราดทรจองคิวเวลานี้ การจะเข้าพบแพทย์ทัตกรรมเราต้องจองคิวก่อนล่วงหน้าค่ะไม่งั้นเราจะไม่สามารถเข้าไปรับการรักษากับแพทย์ได้ค่ะ เอาละว่าเล่าก่อนละกันเนอะว่าทำไมถึงต้องได้เข้รับกรรักษาหรือถอนฟันที่โรงพยาบาล
เรื่องมันมีอยู่ว่าวันนั้นเกิดอาการปวดเหงือกเล็กน้อยแต่ไม่ถึงกับรุนแรงผ่านไปแปบเดียวหน้าก็เริ่มบวมในใจก็คิดว่าเอาอีกละปวดอีกก็บวมอีกน่าเบื่อจังแต่รอบบนี้มันบวมกว่าทุกรอบเลยแตบวม1-2วันแรกไม่ได้ถ่ายรูปไว้มาเริ่มรู้สึกว่าวันที่ 3-5 เริ่มปวดหักขึ้นจนถึงขั้นแก้มบวมกว่าทุกรอบ
อันนี้ถ่ายไว้ตอนหน้าบามหนักๆวันที่5ค่ะ ก่อนหน้านี้ก็ถ่ายไว้แตมันลบไปแล้วหาไม่เจอก็เริ่มใจคอไม่ดีแล้วว่าทำไมบวมหนักปวดมากขนาดนี้ปวดเหมือนเส้นเลือดที่แก้มจะแตกเลยค่ะปวดจนเส้นเลือกข้างขมับซ้ายเต้นตุ๊บๆเลย ปวดจนคิดวาต้องไปซื้อยามากินไปซื้อยามากินแต่พอกินไปได้แค่สองเม็ดมีอาการปวดหนักขึ้นตาเริ่มบวมเลยหยุดกินเลยรอให้หน้าค่อยๆเริ่มยุบเองพอหน้าหายบวมก็ติดต่อไปที่แผนกทัตกรรมขอจองคิวเข้ารักการรักษา
พอถึงวันที่ไปรับรักการรักษาพยาบาลดูแลดีมากรอจนเข้าพบแพทย์ผู้เชียวชาญโดยตรงตอนแรกคุณหมอแนะนำให้รักษารากฟันแต่เราไม่เอาแล้วกลัวเพราะมันปวดมากกลัวว่ามันจะกลับมาปวดอีกคุณหมอเลยแนะนำให้ถอนหรือผ่าออกเราก็ตกลง จากนั้นก็มีพี่พยาบาลมาพาไปเข้าห้องเอกซเรย์เพื่อดุฟันที่มีปัญหา พี่พยาบาลก็มาใส่กันสารตะกั่วให้เพราะจะฉายแสดงเราก็กัดอุปกรณ์ไว้ในปากใหญ่ปากจากนั้นพี่เขาก็ออกไปปล่อยเรานั่งในห้องคนเดียวสักพักพี่พยาบาลก็มาพาออกไปเข้าพบแพทย์แพทย์ก็แนะนำสรุปขึ้นเตียงรอถอนแีดยาชา3เข็มพอยาชาเริ่มทำงานก็ทำการถอนถอนไปสักพักใหญ่ๆรากฟันมันเยอะบวกกับเป็นฟันกรามเลยต้องทำการผ่าฟันแยกออกจากกันหังจากผ่าฟันแยกจากกันแล้วทำการถอนเล่มแรกออกไปเหลือเล่มที่สองยาชาหมดแล้วแต่คุณหมอแจ้งว่าใกล้ถอน้สร็จแล้วเราเลยไม่ได้แจ้งหมอว่าเจ็บถอนหมอถอนๆดึงๆปวดมากปวดจนถึงขมับเลยเส้นเลือดข้างขมับเต้นตุ๊บๆสักแปบเดียวคุณหมอแจ้งว่าเรียบร้อยกัดผ้าก็อต ก็ออกไปรอจ่ายเงินรับยากลับบ้าน
อันนี้ถอนเสร็จแล้วไปจ่ยเงินทั้งหมดก็2495บาทค่าถอนฟันได้ส่วนลดค่าถอน 55 บาท จ่ายเงินเสร็จรับยากลับบ้านโชคดีหน่อยที่ไม่มีอาการปวดหรือรอยซ้ำหรือว่าหน้าบวมคือไม่เป็นอะรเลยยาที่ได้มาก้ไม่ได้กินกินแค่พาราเม็ดเดียวก่อนนอนแค่นั้นวันต่อมาก็กินข้าวพูดคุยปกติไม่ปวดจนถึงตอนนี้รู้สึกว่าอยากจะมาแชร์ประสบการณ์ถ้าใครปวดจนหน้าบวมแนะนำเข้าพบแพทย์เถอะค่ะ ของเราคุณหมอก็แจ้งว่ามีการติดเชื้อที่รากฟันก็ให้ถอนหรือรักษารากฟันได้แตเราเลือกจะถอนเลยเพราะไม่อยากทนปวดแล้วฟันกรามซี่ที่26ค่ะที่เราถอนออกปกติก็ไม่ได้เคี้ยวข้าวข้างซ้ายเลยตัดสินใจเอาออกเลย หมอบอกว่าถ้ามาหาหมอช้ากว่านี้จะต้องตัดเหงือกรักษารากแล้วนะเพราะมันติดเชื้อรุนแรงเลยทำให้หน้าบวมมากและมีอาการปวดรุนแรง ตอนนี้ไม่เจ็บละเอาออกไปแล้วเหลือแต่จะไปขุดหินปูนต่อ ราคาเราว่าไม่แพงมากสำหรับอนฟันไปถามราคาผ่าฟันคุดมาเริ่มต้นที่10000บาทต่อหนึ่งเล่มแต่ยังไม่รวมค่าเอกซเรย์ฟันค่าหมอค่าโรงพยาบาลค่ายารวมๆแล้วน่าจะตกไปสัก13000-16000 ได้ก็เอาไว้ค่อยไปผ่าออกรอมันปวดก่อนละกันฟันคุดลำดับต่อไป
ชาเขียวปั่นที่ซื้อในโรงพยาบาลของ S&P อร่อยดีค่ะ ราคาน่ารักค่ะไม่แพงมาก
จบแล้วค่ะกับประสบการณ์ชีวิตปวดฟันแบบสุดๆรอบต่อไปรอผ่าฟันคุดจะไม่ทนนานๆล้วค่ะน่ากลัวมากปวดแต่ละที