The Longest Promise:ลำนำกระดูกหยก..สัญญารักยาวนานถึงไหน ?
เพราะกุหลาบหิมะดอกนั้น!
ลำนำรัก The Longest Promise เรื่องราวความรักที่มาครบรสทั้งรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ ความสุข น้ำตา และดราม่าก็เริ่มต้นขึ้น
“... ความปรารถนาอันยิ่งใหญ่ของข้าคือการได้อยู่เคียงข้างอาจารย์ เพราะคนที่ให้กำลังใจให้ข้าเรียนวิชาเวทย์นอกจากซื่อจื่อสืออิง ก็มีแต่อาจารย์...”
เป็นความปรารถนาของท่านหญิงน้อยจูเหยียนแห่งซีฮวง ที่ตั้งใจจะอยู่เคียงข้างคนที่ตนรักและศรัทธาตลอดไปไม่หวั่นกลัวความยากลำบากใดๆ.. ดังคำพูดอันบริสุทธิ์ใจของนางในวันมอบตัวเป็นศิษย์เอกว่า
เส้าซือมิ่ง: ข้าไม่ใช่อาจารย์ที่ใจดี การฝึกบำเพ็ญเจ้าจะลำบากมาก
จูเหยียน: ข้าไม่กลัวความยากลำบาก
เส้าซือมิ่ง: เจ้าจะโดดเดี่ยวมาก
จูเหยียน: ไม่หรอก เมื่อก่อนอาจารย์ก็อยู่คนเดียวโดดเดี่ยวจะตาย... นับจากนี้ข้าจะคอยอยู่เป็นเพื่อนอาจารย์
ต้นแหล่งพลังงานที่บันดาลให้ตั้งแต่วันรับเพื่อนใหม่เข้าสำนัก ชีวิตอันแสนสงบเงียบเรียบร้อยบนเขาจิวอิ๋อันงดงามขององค์รัชทายาทสืออิงผู้ละฐานันดรศักดิ์ มุ่งแสวงหามรรคาแห่งจิต บำเพ็ญเพียรเพื่อนำพลังแห่งเทพมาปกป้องใต้ล้าหวังสันติสุขของปวงประชา .. ก็เริ่มไม่เงียบอีกต่อไป
ต้องบอกว่า เป็นซีรีย์ดีๆอีกหนึ่งซีรีย์ ที่ซ่อนประเด็นในการใช้ชีวิต ความคิด ความเชื่อน่าสนใจมากกว่าความรัก ( แต่วันนี้จะคุยเรื่องความรักก่อน ^^) ..
ความรักของสืออิงและสาวน้อยจูเหยียน เป็นทั้งรักแรกพบ รักซึมลึกและลึกซึ้ง รักบริสุทธิ์ รักแบบสถานการณ์โบ๊ะบ๊ะพาไป รักแบบไม่รู้ตัวว่ารักไปแล้ว..มากมาย เลยเกิดเป็นmomentว้าวุ่นให้คุณผู้ชมยิ้มน้อยยิ้มเยอะไปกับความInnocentบวกความKeep Look ของเซียนนิ่งสืออิงกับความแก่นแก้วจอมซนของศิษย์เอกเจ้าเหยียนเอ๋อ
ทว่าความรักของทั้งสองก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบหิมะ เพราะเงื่อนไขทั้งส่วนตัว และเหตุการณ์แวดล้อมรอบตัว แต่สุดท้าย.. ก็ลงเอยซาบซึ้งตามครรลองของกุหลาบหิมะเป็นสัญญารักมั่นที่ภพชาติกาลเวลาไม่อาจแยก
ซีรีย์เทพนิยายจบ แต่ผู้ชมช่างคิดอย่างเราไม่จบ .. ก็มานั่งนึกๆ ว่า...ในโลกของความจริง ความรักที่งดงามซาบซึ้งประหนึ่งเทพนิยายมีมั๊ย ? หรือว่ามีแค่ในเทพนิยาย ? รักแท้ในโลกของความจริงหน้าตาเป็นยังไง? สัญญานั้นมั่นคงยาวนานได้ถึงไหน ? แล้วอะไรที่ทำให้รักนั้นมั่นคงได้ตลอดรอดฝั่ง ? .. คู่รักไหนบ้างที่ทำอย่างนั้นได้ ?
นึกไปนึกมา... บางทีชีวิตจริงก็ยิ่งกว่าเทพนิยาย ทำให้นึกถึงคู่รักคู่หนึ่ง ที่ผูกพันลึกซึ้งและสัญญารักก็มั่นคงยาวนานพาคนสองคนชนะทุกอย่าง ร่วมเดินทางฟันฝ่าจนไปถึงจุดหมายปลายทางแห่งความสำเร็จของชีวิตได้อย่างงดงาม .. คู่รักที่กล่าวถึงนี้ คือ คู่รักคู่บุญคู่บารมี เจ้าชายสิทธัตถะและเจ้าหญิงพิมพายโสธรา .. คู่เนี้ยะ! แท้ทรูที่สุดในสามภพจบสากล!
เรื่องราวรักแท้ของทั้งสองพระองค์ เริ่มต้นขึ้นเมื่อ 4 อสงไขยแสนมหากัป ก่อนวันนี้ .. เจ้าชายสิทธิธัตถะ เป็นดาบสหนุ่มสำเร็จอภิญญา5 สมาบัติ8 ชื่อว่า “สุเมธ” (ฟิลเทพเซียนสำเร็จวิชาขั้นสูง..^^ ) ในกาลนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า “ทีปังกร”
วันนั้น ณ อมรวดีนครอันรุ่งเรือง ชาวเมืองกำลังช่วยกันถมหลุมบ่อเตรียมถนนหนทางให้สะอาดเรียบร้อย เพื่อต้อนรับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทีปังกร และพระอริยสาวก 4 แสนรูป
เวลานั้นดาบสหนุ่มออกจากฌาณสมาบัติเหาะเข้ามาในเมือง เมื่อทราบว่าชาวเมืองกำลังเตรียมต้อนรับพระบรมศาสดา ก็รู้สึกปีติยินดีอย่างยิ่งที่จะได้เข้าเฝ้าพระบรมศาสดา จะได้สร้างกุศลใหญ่ จึงขอแบ่งพื้นที่ถนนจากชาวเมือง ชาวเมืองเห็นว่าดาบสหนุ่มเป็นผู้มีฤทธิ์ สามารถใช้ฤทธิ์จัดการถนนให้เรียบร้อยได้อย่างง่ายดาย จึงแบ่งส่วนถนนที่มีหลุมบ่อน้ำขังมากกว่าส่วนอื่นให้ แต่ดาบสหนุ่มคิดว่า ถ้าจะใช้ฤทธิ์นั้นเป็นการง่ายเกินไป ไม่สมกับที่ตนเลื่อมใสศรัทธาพระบรมศาสดา ดังนั้นจึงอุตสาหะขนดินขนทรายมาถมหลุมบ่อที่น้ำขังด้วยกำลังของตัวเอง แต่เหลือหลุมบ่อที่น้ำขังอีกหนึ่งช่วงตัว พระบรมศาสดาก็จะเสด็จมาถึง ดูสถานการณ์แล้วยังไงก็ไม่ทัน และเพื่อไม่ให้พระบาทของพระบรมศาสดาต้องเปื้อนโคลน ดาบสหนุ่มจึงทอดกายปิดหลุมบ่อนั้นและกราบทูนอาราธนาพระบรมศาสดาและเหล่าพระอริยสาวกดำเนินผ่านไปบนหลังของตนเอง
ในขณะนั้น ดาบสหนุ่มได้ระลึกถึงความปรารถนาของตนว่า “เราเองก็ปรารถนาพระโพธิญาณ จะเป็นดั่งพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า และพามหาชนข้ามวัฏสงสารไปด้วยเช่นกัน”
พระบรมศาสดาทีปังกรพุทธเจ้า ทรงหยุดอยู่ที่ดาบสหนุ่ม แล้วทรงตรวจดูด้วยพุทธญาณ เห็นว่าดาบสหนุ่มผู้นี้ได้สร้างสมพุทธบารมีมาตลอด 16 อสงไขย ชาตินี้แม้ได้ฟังธรรมเพียง 4 บาท ก็สามารถบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์เข้าพระนิพพานได้ แต่ดาบสหนุ่มผู้นี้เป็นพระโพธิสัตว์หน่อเนื้อพุทธางกูรมีใจแน่วแน่ต่อพระสัมมาสัมโพธิญาณ มุ่งหวังจะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโปรดสรรพสัตว์ให้พ้นจากวัฏฏสงสารแห่งทุกข์เท่านั้น
พระบรมศาสดาจึงได้ประกาศพุทธพยากรณ์แก่ดาบสหนุ่มต่อพระอรหันต์ขีณาสพและมหาชน ณ ที่นั่นว่า
“… ท่านทั้งหลายดาบสผู้นี้กระทำความปรารถนายิ่งใหญ่เพื่อความเป็นพระพุทธเจ้า ความปรารถนาของดาบสผู้นี้จักสำเร็จในที่สุดแห่งสี่อสงไขยกับเศษแสนกัปนับแต่นี้ ดาบสผู้นี้จักได้เป็นพระพุทธเจ้านามว่าโคตมะ ..ในกาลนั้นจะมีนครนามว่า กบิลพัสดุ์ เป็นที่อยู่อาศัย พระมารดานามว่ามายา พระบิดานามว่าสุทโธทนะ พระอุปติสสะเป็นอัครสาวก พระโกลิตะเป็นอัครสาวกที่สอง พระเขมาเป็นอัครสาวิกา พระอุบลวัณณาเป็นอัครสาวิกาที่สอง พระอานนท์เป็นพุทธอุปัฏฐาก ดาบสจะมีญาณแก่กล้าแล้วออกมหาภิเนษกรมณ์ ตั้งความเพียรอย่างใหญ่ รับข้าวปายาสที่โคนต้นไทร เสวยที่ฝั่งเเม่น้ำเนรัญชรา ขึ้นสู่โพธิมณฑล และจักตรัสรู้ที่โคนต้นอัสสัตถพฤกษ์” .. เมื่อจบพุทธพยากรณ์ เหล่าเทวา และมหาชนต่างกล่าวสาธุการสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั้งจักรวาล
เหตุการณ์ทั้งหมดตั้งแต่ที่ดาบสหนุ่มเหาะมา จนถึงได้รับพุทธพยากรณ์ อยู่ในสายตาของสุมิตตาดรุณีน้อยโดยตลอด ตั้งแต่แรกเห็นนางก็เกิดความเลื่อมใสในดาบสหนุ่ม(เรียกว่าปลื้มตั้งแต่แรกพบ) เมื่อได้เห็นการกระทำของดาบสหนุ่ม ดรุณีน้อยก็ยิ่งเลื่อมใสมากขึ้น และเมื่อดาบสหนุ่มได้รับพุทธพยากรณ์ว่าจะได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคตภายภาคหน้าอย่างแน่นอน สุมิตตาก็ยิ่งเลื่อมใสศรัทธาอย่างท่วมท้น ( เรียกว่ารักล้นใจละ ^^ )
บัดนั้นเอง ดรุณีน้อยจึงได้แบ่งดอกบัวให้ดาบสหนุ่ม 5 กำเพื่อบูชาพระบรมศาสดา ส่วนตัวนางนำดอกบัวอีก 3 กำ เข้าไปกราบแทบเท้าพระบรมศาสดาและกล่าวอธิษฐานจิตตั้งความปรารถนาว่า
“ .. ข้าพระบาทมีปิติศรัทธาต่อท่านดาบสยิ่งนัก ข้าพระบาทขอตั้งความปรารถนา ขอเป็นบาทบริจาริกา ช่วยท่านดาบสสร้างสมบารมีให้สมบูรณ์ "
แต่เมื่อดาบสหนุ่มได้ยินดังนั้น ก็พลันทักห้ามพยายามอธิบายถึงความยากลำบากของหนทางภายภาคหน้าว่า
“.. น้องหญิง เจ้าอย่าอธิษฐานเช่นนั้นเลย อสงไขยมหากัปนั้นยาวนานนัก เจ้าต้องเวียนว่ายตายเกิด ต้องทนทุกข์ ต้องเสียน้ำตาเพราะธารแห่งกรรมซัดเหวี่ยงในห้วงวัฏสงสาร อันเป็นดั่งมหาสมุทรกว้างไกลไร้ฝั่ง เมื่อเจ้าได้พบพระบรมศาสดาแล้ว จงเร่งทำพระนิพพานให้แจ้ง ข้ามห้วงวัฏสงสารเข้าสู่ฝั่งพระนิพพานให้ได้ในชาตินี้เถิด..”
แต่กระนั้น รักก็คือรัก! ดรุณีน้อยสุมิตตายังคงยืนยันความปรารถนานั้นอย่างมั่นคง พระบรมศาสดาตรวจด้วยพุทธญาณ แล้วตรัสพยากรณ์สุมิตตาว่า
“ ..ดูก่อนมหาฤาษี ความปรารถนาโพธิญาณของท่านจักสำเร็จฉันใด ความปรารถนาเกื้อกูลแห่งพราหมณีผู้นี้จักสำเร็จฉันนั้น .. มหาฤาษี พรามหมณีผู้นี้จักเป็นผู้มีจิตเสมอกัน จักทำกุศลร่วมกัน กุศลกรรมเสมอกัน เป็นที่รักของบุญ เพื่อประโยชน์แก่ท่าน พราหมณีผู้นี้วาจาอ่อนหวาน น่ารักน่าเอ็นดูยิ่ง จักเป็นธรรมทายาทผู้มีฤทธิ์ของท่าน ความปรารถนาของนางจักสำเร็จ" สิ้นพุทธพยากรณ์ มนุษย์และเทวา ก็เปล่งเสียงสาธุการกึกก้องไปทั้งจักรวาล
(แปลความโดยสรุปให้เข้าใจชัดเจนขึ้นว่า .. การมีเพื่อนร่วมเดินทางคอยให้ความช่วยเหลือสนับสนุน ย่อมดีกว่าเดินทางคนเดียว .. ดรุณีน้อยผู้นี้ก็มีคุณสมบัติเหมาะสมด้วยประการทั้งปวง .. และจะบรรลุธรรมตามได้ด้วย.. นั้นเอง ^^ )
นับตั้งแต่ชาตินั้นมา ทั้งสองก็เป็นยอดกัลยาณมิตรในชีวิตซึ่งกันและกัน เกิดมาเป็นคู่รักคู่ชีวิตร่วมเดินทางข้ามวัฏสงสารฟันฝ่าอุปสรรคข้ามเวลาตลอด 4 อสงไขยแสนกัป คอยสนับสนุนกันและกันในการสั่งสมบุญสร้างบารมีจนเต็มเปี่ยมบริบูรณ์
ในชาติสุดท้าย เมื่อเจ้าชายสิทธิ์ถัตถะได้บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ เป็นพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าโคตมะ(ตามพุทธพยากรณ์) สุมิตตาพราหมณีในชาตินั้นมาเป็นพระนางพิมพายโสธราได้ขอออกบวชเป็นภิกษุณีพระนามว่า "พระภัททากัจจานาเถรี" เจริญภาวนา 15 วัน พระนางก็ได้บรรลุอรหัตผล พระบรมศาสดาทรงยกย่องพระนางว่าเป็นเอตทัคคะผู้เลิศกว่าภิกษุณีทั้งหลายผู้ได้บรรลุอภิญญาใหญ่ สามารถระลึกชาติได้ถึงหนึ่งอสงไขยกับอีกแสนกัปด้วยการระลึกเพียงครั้งเดียว เมื่ออายุได้ 78 พรรษา พระนางจึงขอกราบลาพระศาสดาปลงอายุสังขารว่า
“ ความทุกข์ยากนานาประการที่พระนางเคยได้รับตั้งแต่สร้างบารมีเคียงคู่กับพระองค์นั้น พระนางไม่มีความเสียใจเลย ทุกอย่างที่ทำไปทั้งบริจาคข้าวของเงินทอง เสื้อผ้า ทรัพย์สิน บุตรธิดา แม้แต่ชีวิตก็เพื่อประโยชน์แก่พระโพธิญาณของพระองค์เท่านั้น บัดนี้พระนางจะขอละจากพระพุทธองค์ เพราะได้กระทำที่พึ่งให้แก่ตนเองได้แล้ว จึงขอทูลลาเข้าพระนิพพาน ”
----
ดรุณีน้อยสุมิตตาจงรักภักดีคอยเคียงข้างไม่เคยหวั่นไหวต่อหนทางอันยาวไกลข้ามภพข้ามชาติ ยิ่งมีแต่ความรักความจริงใจความปรารถนาดีให้ไม่เคยลดน้อยไม่เคยแยกจาก พระโพธิสัตว์เองก็ให้ความรักความเมตตาเอ็ดดูเป็นคู่ชีวิตเป็นรักแท้แก่นางอย่างมั่นคงเสมอกัน จับมือดรุณีน้อยไม่เคยปล่อยแม้แต่ชาติเดียว พาเดินทางข้ามห้วงวัฏฏสงสารแห่งทุกข์ได้สำเร็จอย่างงดงาม
น้ำใจรักที่ทั้งสองมีต่อกัน เป็นความรักที่ไม่ใช่เพียงแค่ปรารถนาจะเคียงข้างไปตราบนานเท่านานเท่านั้น แต่มั่นคงและยิ่งใหญ่ด้วยปณิธานที่จะเกื้อกูลสรรพสัตว์ผู้เป็นเพื่อนทุกข์เกิดแก่เจ็บตายให้ได้ข้ามวัฏสงสารแห่งความทุกข์ไปด้วยกัน
ในที่สุด! ไม่ว่าในเทพนิยาย หรือในชีวิตจริง เราจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าสัญญารักนั้นมั่นคงได้ และเป็น “..ความรักชนะทุกอย่างได้!..” (สืออิงกล่าวไว้) ไม่ใช่ความรักที่มากมายอย่างเดียว แต่เพราะคุณสมบัติของทั้งสองที่มีเสมอกัน คือ
- ศีล: ศีลคือ ความดีหรือคุณธรรมพื้นฐานของความเป็นมนุษย์(ที่มีคุณภาพความคิด จิตใจที่ดี)ซึ่งนั่นหมายถึง นิสัยดีๆ ความคิดดี คำพูดดี การกระทำดี ความรักจะไปต่อได้ไกล และมั่นคงแค่ไหน ความดีเหล่านี้เป็นเสาเข็ม เป็นฐานสำคัญ เมื่อพื้นฐานดีเสมอกันแล้ว คุณสมบัติสำคัญอื่นๆ ก็ต้องเสมอกันด้วยคือ ..
- จริงใจ(มีสัจจะ) ไม่ใช่จริงใจแค่กับคนๆเดียวที่เรารัก แต่ต้องจริงใจกับทุกอย่างในชีวิตด้วย: จริงต่อหน้าที่ จริงต่อภาระกิจ ต่อคำพูด และจริงใจต่อผู้คนในชีวิต นี่คือความจริงใจ 5 ประการ หากมีครบก็เป็นอันไว้ใจกันได้ เชื่อมั่นในกันและกันได้ จับมือร่วมเดินทางไปด้วยกันได้
- รักความก้าวหน้า ใช้ปัญญาในการใช้ชีวิต เพราะทุกคนต่างแสวงหาความสุข ความสำเร็จ ความเจริญก้าวหน้าในชีวิตทั้งนั้น รักที่ดีต้องช่วยกันสร้างสรรค์ให้ชีวิตและจิตใจดีขึ้น ไม่ใช่วนเวียนย้ำอยู่ที่เดิม หรือปล่อยให้แย่กว่าเดิม พากันตกต่ำลำบากถอยหลังลงห้วยลงเหว แบบนั้นเรียกคู่เวรคู่กรรม รักแท้และรักดีต้องสนับสนุนกัน ฉลาดในการใช้ชีวิตช่วยกันคิดพัฒนาไปด้วยกัน เจริญก้าวหน้าไปพร้อมกัน พากันเดินไปสู่ความสำเร็จตั้งแต่ขั้นต้น จนกระทั้งถึงจุดหมายปลายทางอันสูงสุดของมนุษย์คือพ้นจากวัฏสงสารแห่งทุกข์
- รู้จักอดทน เพราะโลกและชีวิตไม่ได้มีแต่ด้านที่สุขสดใสสวยงามเท่านั้น ความไม่ราบรื่น ปัญหาอุปสรรคสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ฉะนั้นในยามขัดข้องทุกข์ยากลำบากไม่ว่าเล็กน้อยหรือมากมายระดับไหน ความอดทนเป็นคุณสมบัติสำคัญที่จะช่วยให้ผ่านความยากลำบากไปด้วยกันได้
- รู้จักเสียสละ รู้ว่าสิ่งใด เมื่อใด ควรให้ ควรแบ่งปัน ควรปล่อยวาง ควรยอมเสีย ควรสละออกจากตัวหรือจากใจ เพื่อคนรัก และเพื่อส่วนรวมได้ สิ่งนี้จะทำให้ความรักของคนสองคน เติบโตเป็นความรักที่ให้คุณค่าแก่ผู้คนอีกมากมายได้อย่างน่าชื่นชม
ไม่ว่าจะเป็นคู่รักพระโพธิสัตว์:ดาบสหนุ่ม&ดรณีน้อยสุมิตตา หรือคู่รักพระนาง:หนุ่มผู้ครองอาภรณ์เทพสืออิง&ท่านหญิงน้อยจูเหยียน หรือแม้คู่รักในเทพนิยายเรื่องอื่นๆอีกมากมาย ล้วนมีคุณสมบัติดีๆ เหล่านั้นกันทุกคนทุกคู่ ...
ซึ่งคุณสมบัติดีๆที่ว่านี้ ไม่ได้สงวนไว้ให้ใครเป็นพิเศษ แต่เป็นคุณสมบัติสากลที่มนุษย์ทุกคนสามารถมีได้ เป็นได้ ฝึกได้ สร้างได้ เพราะสิ่งที่มนุษย์(คนอื่น)ทำได้ มนุษย์อย่างเราก็ทำได้อย่างแน่นอน อย่างที่สืออิงกล่าวไว้ว่า “ ขอเพียงแค่เจ้ายินยอม เจ้าก็ย่อมสามารถตามทัน เจ้าทำมันได้แน่นอน ..”
ดังนี้แล้ว ความปรารถนาของคุณผู้อ่าน คืออะไรละคะ ? ความรัก ความสุข ความดีงาม หรือความสำเร็จใดๆ ย่อมเป็นไปได้ทั้งนั้น
#ชีวิตก็เหมือนซีรีย์ที่คุณDesignได้!
ขอบคุณที่แวะมา ขอให้ทุกวันเป็นวันที่ดีนะคะ ^^
ขอบคุณภาพประกอบ:
https://www.imdb.com/title/tt27460313/
The Longest Promise Episode 23 English Sub (Chinese Drama) [www.chinesedrama.in] – Bilibili
The Longest Promise (TV Series 2023-2023) - Backdrops — The Movie Database (TMDB)