เคยนอน “มุ้ง” กันบ้างไหม ?
ไม่รู้คนยุคนี้ยังมีใครที่เคยนอนใน “มุ้ง” บ้างหรือเปล่า โดยเฉพาะคนในเมือง เพราะส่วนใหญ่คงจะนอนห้องแอร์ปิดหน้าต่าง ยุงแมลงไม่ค่อยเข้ามากวนตอนนอนกันเท่าไหร่แล้ว
มุ้ง (Mosquito net) หมายถึงตาข่ายที่ทำจากผ้าหรือลวดที่ทำขึ้นเพื่อใช้คลุมหรือกั้นรอบบริเวณที่นอน เพื่อป้องกันไม่ให้ยุงหรือแมลงอื่นเข้ามารบกวนผู้ที่นอนอยู่ภายในได้
มุ้งจะเกิดขึ้นเมื่อใดนั้นไม่มีใครทราบแน่ชัด แต่เชื่อว่าน่าจะเกิดขึ้นเมื่อมนุษย์รู้จักสร้างบ้านเรือนเป็นที่เป็นทางแล้ว หลักฐานเกี่ยวกับมุ้งนั้นปรากฏในหลุมฝังศพของราชินีเมอร์แซงที่สาม (Meresank III) เมื่อประมาณ 2560 ปีก่อนคริสตกาล เช่นเดียวกับในจีนก็ปรากฏหลักฐานเกี่ยวกับมุ้งมาตั้งแต่ยุคใกล้เคียงกัน และเมื่อมาถึงยุคกลาง มาร์โค โปโล นักผจญภัยชาวอิตาลีที่ได้มายังเอเชีย ก็ได้เห็นว่าชาวเอเชียตะวันออกตั้งแต่จีนมาถึงอินเดียและเอเชียตะวัันออกเฉียงใต้ต่างก็นอนในมุ้งด้วยกันทั้งสิ้น
มุ้งในอดีตจะทำจากเส้นใยธรรมชาติ เช่น ป่าน ฝ้าย นำมาทอเป็นผืน มุ้งสมัยใหม่จะเปลี่ยนมาใช้เส้นใยสังเคราะห์ เช่น โพลิเอสเตอร์ ไนลอน เพื่อความคงทนมากยิ่งขึ้น มุ้งสมัยใหม่บางชนิดยังเคลือบด้วยสารที่เป็นพิษต่อยุงและแมลงเพื่อช่วยป้องกันยุงและแมลงอีกทางหนึ่งด้วย “ตา” หรือขนาดช่องว่างระหว่างเส้นใยมีความสำคัญมาก ตาของมุ้งส่วนใหญ่จะมีขนาดอยู่ในระหว่าง 0.6 – 1.2 มิลลิเมตร มุ้งที่มีตาขนาดเล็กจะป้องกันยุงและแมลงขนาดเล็กได้ดีขึ้น แต่จะทำให้การระบายอากาศไม่สะดวก ทำให้ผู้อยู่ในมุ้งรู้สึกร้อนหรืออึดอัดได้ มุ้งในสมัยก่อนจะมีหูสำหรับใช้ผูกหรือแขวนกับขื่อคาน ตะขอหรือเสาเตียงเพื่อให้กางออกได้ แต่บางชนิดโดยเฉพาะมุ้งที่ใช้ในงานกลางแจ้งมักจะมีโครงสำเร็จรูปเพื่อให้สะดวกต่อตั้งและกางออกได้ง่ายโดยไม่ต้องมีตัวยึด
มุ้งช่วยทำให้ผู้นอนลดความเสี่ยงต่อการถูกยุงหรือแมลงกัดต่อย ซึ่งนอกจากจะทำให้หลับสบายยิ่งขึ้นแล้ว ก็ช่วงลดความเสี่ยงต่อการติดโรคที่มียุงหรือแมลงเป็นพาหะอีกด้วย โดยเฉพาะประเทศยากจนที่ระบบสาธารณสุขยังไม่ดี ดังเช่นมีรายงาน เมื่อปี 2015 พบว่า การแจกมุ้งที่ชุบน้ำยาป้องกันแมลงในหลายประเทศของทวีปแอฟริกา ช่วยป้องกันการติดเชื้อโรคมาลาเรียได้มากถึง 68%
?