ที่นี่..ผีเจ้าที่แรงงงงง
ผมเองได้มีโอกาสไปท่องเที่ยวในภาคอีสาน โดยเลือกที่จะไปยังจังหวัดสกลนคร เพราะอยากจะไปเยี่ยมชมวัดป่าสุทธาวาส วัดที่เคยเป็นอดีตที่จำวัดของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต พระสายธรรมยุต ซึ่งเป็นครูบาอาจารย์สายกรรมฐาน ผมเลือกที่จะพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ห่างจากวัดไปประมาณ 2 กิโลเมตร โดยได้เข้ามาเช็คอินในช่วงเวลาบ่าย ได้ห้องหมายเลข 108 ที่อยู่บริเวณชั้น 1 และอยู่ลึกเข้าไปจากทางเข้ามากพอสมควร ผมได้จัดแจงนำเอาสัมภาระทั้งหมดไปเก็บไว้ที่ห้อง แล้วก็ได้ออกมาจากที่พัก เพื่อเดินทางไปยังทื่อื่นๆ ต่อไป
วันนั้นผมได้ไปเที่ยวในสถานที่ต่าง ๆ รอบตัวเมือง ไม่ว่าจะเป็นวัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร หนองหาร พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์และที่สุดท้ายก็คือ "โค้งปิ้งงู" ถนนที่มีลักษณะคดเคี้ยวไปมาเหมือนกับงูเลื้อย หรืองูที่ถูกปิ้ง. ซึ่งตั้งอยู่บนทางหลวงหมายเลข 213 (สกลนคร-กาฬสินธุ์) ใกล้กับพระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ ผมใช้เวลากับทริปในวันนี้อยู่หลายชั่วโมง จนกระทั่งเห็นเมฆบนท้องฟ้าเริ่มมืดสนิท และฝนเริ่มที่จะตั้งเค้า จึงได้รีบกลับไปยังโรงแรมที่พักทันที
ผมมาถึงยังที่พักในเวลาประมาณสองทุ่ม ฝนเริ่มที่จะเทลงมา และก็มีลมพายุพัดกระหน่ำตามมาอีกหลายระลอก ช่างเป็นโชคดีของผมแท้ๆ ที่กลับมาทัน ไม่งั้นได้เปียกชุ่มไปทั้งตัวแน่ๆ ผมได้เดินกลับไปยังห้องพักหมายเลข 108 ในระหว่างที่เดินไปนั้นไฟทางเดินก็กระพริบติดๆ ดับๆ อยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งผมเองได้เดินมาถึงที่หน้าห้อง จู่ๆ ไฟฟ้าทั้งโรงแรมก็ดับสนิทลง พายุเริ่มที่จะรุนแรงขึ้น ผมจึงรีบเข้าไปในห้องโดยทันที เพื่อที่จะเข้าไปพักผ่อน เพราะวันนี้ก็เหนื่อยมามากพอแล้ว
ในระหว่างที่ผมกำลังจะเอนตัวลงนอนนั้น จู่ๆ ก็มีเงาดำๆ คล้ายคนเดินผ่านออกมาจากระเบียงข้างห้อง และเดินทะลุประตูออกไป ผมถึงกับอึ้งกับภาพตรงหน้าที่ได้เห็น ผมเองไม่รอช้า มือรีบคว้าผ้าห่มอย่างไว แล้วก็เอาตัวไปซุกที่ใต้ผ้าห่มนั้น จะไม่ให้กลัวได้ยังไง ก็สิ่งที่เห็นนั้นมันไม่ใช่คน แต่มันคือ "ผี" นั่นเอง โอ้ว!! แม่เจ้า อยู่มาจนโตก็เพิ่งจะเคยเห็นผีก็คราวนี้น่ะแหล่ะ ทำไมมันช่างน่ากลัวซ่ะขนาดนี้ ผมไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรทั้งสิ้น ได้แต่ตั้งสติ และก็ได้สวดนะโมไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งไฟนั้นเริ่มมา และพายุก็เริ่มที่จะสงบลง
คืนนั้น..ผมเลือกที่จะไม่นอนในห้องนั้น และก็ได้ออกมานั่งที่หน้าล็อบบี้ของโรงแรม จนกระทั่งมีพนักงานต้อนรับของโรงแรมได้เดินเข้ามาหาผม และก็ได้ถามผมว่าเป็นอะไรหรือเปล่า ผมก็ได้ตอบกลับเขาไปว่า ผมเจอผีเมื่อตะกี้นี้เอง ซึ่งพนักงานโรงแรมคนดังกล่าวถึงกับตกใจและได้พูดลอยๆ อีกว่า เจออีกแล้วหรอนี่ ผมเองก็แปลกใจที่เขาพูดอย่างนั้น ก็เลยสอบถามเขาว่า ที่นี่มันมีอะไรหรือเปล่า ทำไมดูเฮี้ยนๆ จัง ซึ่งเขาเองก็เล่าให้ผมฟังว่า เมื่อไม่นานมานี้เอง มีลูกค้าของทางโรงแรมคนหนึ่งได้ขับรถเข้ามาจอด แต่บังเอิญว่าเบรคแตก และด้วยความตกใจแทนที่เขาจะเหยียบเบรค แต่กลับไปเหยียบคันเร่งแทน จึงทำให้รถของเขาชนที่ศาลพระภูมิอย่างจัง จนทำให้เขาเองเสียชีวิตคาที่ ณ ตรงนั้น ซึ่งมันก็อยู่นอกระเบียงห้องผมพอดิบพอดี อะไรผมจะซวยได้ขนาดนี้ เห้อ !! และผมก็ถามกลับพนักงานโรงแรมคนนั้นไปว่า แล้วทำไมถึงให้ผมไปพักห้องนั้นล่ะ ทำไมไม่ปิดตายไปเลย ซึ่งเขาเองก็ตอบกลับมาว่า วันที่ผมได้เข้ามาเช็คอินนั้น เหลือห้องนั้นเป็นห้องสุดท้ายจริง ๆ แล้วเขาเองก็ขอโทษผมที่เลือกห้องนั้นให้ แต่ผมก็ไม่ว่าอะไร แล้วก็กลับมานั่งโซฟาที่ล็อบบี้ตามเดิมจนกระทั่งถึงรุ่งเช้า
พอเช้าวันรุ่งขึ้น ผมเองก็ได้เดินออกมาดูที่ระเบียงห้องผม ซึ่งมันก็อยู่ติดกับศาลพระภูมิจริง ๆ โดยที่ศาลพระภูมินั้น ได้หันหน้าไปที่ระเบียงห้องผมพอดี อย่างนี้โบราณเค้าเรียกว่า "ทางผีผ่าน" มันก็ไม่แปลกหรอกที่จะมีวิญญาณผ่านไปผ่านมา มันผิดตรงที่คนตั้งศาลพระภูมิมากกว่าที่มาตั้งศาล ณ บริเวณนี้ และมันก็ผิดที่ตัวผมเองด้วยที่ดันมาพัก ณ ที่โรงแรมแห่งนี้ เจ้าที่แรงงงง สมคำร่ำลือจริง ๆ