ทำยังไงให้ติดรอบ‘‘Portfolio’’ 5เทคนิคกับอีก +1ข้อ
Portfolio มีอะไรบ้าง มี 5 +1
5ส่วนหลัก คือ
1.หน้าปก
2.คำนำ
3.ประวัติส่วนตัว
4.ประวัติการศึกษา
5.กิจกรรม
ส่วน +1 ก็คือ
อันนี้เป็นข้อกำหนดของแต่ละมหาลัย เช่น บางคณะอาจต้องเขียนเรียงความ หรือ บางคณะเป็นให้เขียนจดหมายแนะนำตัว หรือ SOP หรือบางคณะอาจจะต้องการ Recommendation Letter เป็นจดหมายที่แนะนำตัวจากคนอื่น
1.หน้าปก
หน้าปกอันนี้สำคัญมากๆเลย เพราะเป็นสิ่งแรกที่กรรมการที่ต้องเห็นเลยว่าเราเป็นใคร เพราะฉะนั้นหน้าปกควรนำเสนอความเป็นตัวเอง แต่มีข้อสังเกตและข้อควรระวัง!!
1.ตัวรูปของภาพที่นำมาใช้หน้าปกพยายามให้มีEye Contact คือจะต้องมองหน้ากรรมการมันมีความดึงดูดและก็หน้าสนใจเวลาถ่ายรูปไม่ต้องมองขึ้นไปท้องฟ้าเพราะกรรมการไม่รู้ว่าเราหันไปหาใครมองใคร
2.คือควรจะมีความสุภาพแต่หน้าสนใจก็จะมาประเด็นว่า จำเป็นต้องใส่ชุดนักเรียนไหม? ชุดนักเรียนไม่จำเป็น แต่การใส่ชุดนักเรียนมันเซฟที่สุด ชุดก็ควรจะเป็นชุดสุภาพ แล้วคำว่าสุภาพแต่หน้าสนใจบางคนก็ไปตีความว่าสุภาพต้องถ่ายรูปประนมมือมื้อขึ้นและพื้นหลังเป็นวัด ไม่ต้องขนาดนั้น สุภาพแต่หน้าสนใจ และ
3.อันนี้สำคัญมากๆเลย เวลาเขียนชื่อ ชื่อที่กรรมการได้ชื่อการตรวจเป็นภาษาไทยแต่ว่าปกที่เราเลือกใช้เพื่อความสวยงามเราจะเลือกฟอนต์เป็นภาษาอังกฤษ ทำให้กรรมมาการตรวจพอร์ตเขาจะมีปัญหามาที่จะต้องแปลชื่อเราจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย แล้วกรรมการตรวจเป็นร้อยเป็นพันอันแล้วมีคนชื่อคล้ายๆกับเราและกรรมการตรวจไม่ถูกอันนี้ก็สำคัญ
2.คำนำ
คำนำที่นิยมเขียนกันมากที่สุด คือ แฟ้มสะสมผลงานนี้จัดทำขึ้นเพื่อ อันนนี้ก็ไม่ผิดนะ แต่ถ้าเราเป็นกรรมการนะเราไม่อ่าน สิ่งที่กรรมการอยากอ่านคือ อยากรู้ว่า เหตุผล หรือ แรงจูงใจ ที่เรามาสมัครในคณะนี้ คืออะไร ยกตัวอย่างเช่น คุณแม่หนูป่วยเป็นโรคเบาหวานจะต้องฉีดยาตลอดเวลาและแม่อยู่บ้านแต่หนูอยู่ต่างจังหวัดแต่ไม่มีใครพาแม่ไปฉีดยาและหนูอยากเข้าคณะพยาบาลเพื่อเรียนจบจะได้ดูแลครอบครัวและผู้ป่วยภายนอก อันนี้ก็ได้ ต้องเป็นเรื่องของเราจริงๆเพราะเรื่องของเราจะสดใหม่และไม่ซ้ำของใคร แต่ขอเรื่องจริง ไม่เฟค ไม่เมค บางคนไปสมมุติ หรือเอาความที่หน้าสนใจที่ไม่ใช่เรื่องจริงจากตัวเรา อันนี้ก็ไม่เอา
หรือวัตถุประสงค์ในการศึกษาเข้าคณะต่างๆแบบนี้มันจะมีลักษณะคล้ายๆอย่างหนึ่งก็คือ เขาเจียนเป็นทางการ SOP หรือ Recommendation ก็คือจดหมายแนะนำตัว แต่ในเรื่องของจดหมายแนะนำตัวรายระเอียดมีอะไรบ้างและก็เวลาที่เราเขียนไล่ยาวมาแล้วมันยาวมากๆแบบนี้ส่วนไหนที่เป็นส่วนสำคัญ อยากให้กรรมการอ่านเป็นพิเศษ เราพยายามทำไฮไลท์สีของตัวตัวนั้นให้มันแตกต่าง เพื่อที่กรรมการอ่าน กรรมการเห็นประโยคนี้แล้วกรรมการจะได้อ่านก่อนเลย
แล้วสารบัญจำเป็นไหม?
บางมหาวิทยาลัยมีกฎให้ใส่สารบัญด้วยและหลายๆมหาวิทยาลัยก็ไม่ได้กำหนดมาแล้าถ้าเขาไม่ได้กำหนดมา อันนี้ก็แล้วแต่เรา แต่แนะนำว่าไม่ใส่ดีกว่าเพราะพอร์ตมีจำกัดหน้าให้มี10-12หน้าเพราะมันเปลื่องหน้ากระดาษเรา
3.ประวัติส่วนตัว
ประวัติส่วนตัว ตัวแรกเลยที่เราจะต้องมี รูปภาพ อันที่2ก็คือ ชื่อ-นามสกุล ภาษาไทย และถ้าเกิดเราใส่ภาษาอังกฤษอันนี้ก็ไม่เป็นไร ส่วนที่3.คือ เบอร์โทรศัพท์ที่ใช้ในการติดต่อหรือเฟสบุ๊ค ig ก็ได้
อีกส่วนหนึ่งซึ่งจะมีหรือไม่มีก็ได้ก็คือ คติประจำใจ
แต่เราต้องอินกับสิ่งนั้นจริงๆไม่ใช้ว่าลงพอร์ตไปแล้ว แล้วกรรมการถามว่าทำไมถึงยึดถือสิ่งนี้ เราตอบว่ามันเพราะดีแบบนี้ก็ไม่ได้เราต้องรู้ความหมายและมันตรงกับเรา แล้วก็ส่วนสุดท้ายก็คือ ประวัติครอบครัวและอาชีพ บิดา มารดาอันนี้ก็จำเป็นเช่นกัน
4.ประวัติการศึกษา
เราก็ใส่ส่วน ประถม มัธยมต้น มัธยมปลาย แต่อันนี้เพิ่มสีสันให้หน่อย พยายามใส่ Logo(โลโก้)ของโรงเรียนแต่ละโรงเรียนและแต่ระดับชั้นก็จะดีมาก ส่วนเรื่องของเกรด ถามว่าต้องใส่ไหม อันนี้แล้วแต่เลย
5.กิจกรรม
ถามว่าเราจะเรียงกิจกรรมหรือว่าเรียงเกียรติบัตรต่างๆอย่างไรดี เราจะไม่ได้เน้น เราจะต้องเรียงเกียรติบัตรไปกิจกรรมหรือกิจกรรมไปเกียรติบัตร แต่เราจะเน้นสิ่งที่มีความโดดเด่นมากกว่าไม่ว่าจะที่โดดเด่นนั้นจะมาเป็นรูปของเกียรติบัตร หรือ กิจกรรม เราจะเอาอันโดดเด่นขึ้นมาก่อน และภาพรวมๆของเราก็คือเราจะจัดให้เกียรติบัตรหรือกิจกรรมนี้ อยู่เพียงหน้าละ1กิจกรรมเท่านั้น โดยเวลาที่เราใส่เข้าไปนอกจากภาพเกียรติบัตรหรือภาพกิจกรรมแล้วเราควรจะบอกกรรมการด้วยว่าสิ่งที่เราได้เรียนรู้จากกิจกรรมคืออะไร เขียนเป็นประโยคสั้นๆ2-3ประโยคก็พอให้มันโดดเด่นตัวไหนไฮไลท์เอาขึ้นก่อนเลย แล้วก็กิจกรรมที่โดดเด่นของลงมาเลื่อยๆกิจกรรมที่เราใส่มีกิจกรรมอะไรบ้าง
1.แข่งขันทางวิชาการ
2.ค่าย sort skill
3.ฝึกงาน
4.จิตอาสา/กิจกรรมที่ รร.
5.ค่ายของคณะ