เผาศพวิถีใหม่ "ณาปนกิจด้วยน้ำ"
วิธีการฝังศพแบบปกตินั้นเป็นภัยต่อสิ่งแวดล้อม และการดองศพที่ชะลอการเน่าเปื่อยของผู้ตายเพื่อใช้ในการประกอบพิธี ท้ายที่สุดแล้วเมื่อนำไปฝั่งต่อ สารเคมีที่ใช้ในการดองศพก็ปนเปื้อนไปสู่พื้นดิน และการทำโรงศพก็ยังใช้ทั้งไม้และเหล็กจำนวนมาก ด้านสุสานเองก็ต้องสร้างช่องคอนกรีตฝังพื้นเพื่อปกป้องโลงและร่าง ครั้นจะเลือกวิธีการฌาปนกิจ (เผา) ก็ต้องใช้ทั้งเชื้อเพลิง และก่อให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศจำนวนมาก
ในปัจจุบันมีบริษัทเอกชนเริ่มตื่นตัวและเปิดให้ญาปนกิจศพด้วยน้ำแล้วกันในหลายประเทศ รวมถึงในบางส่วนของสหรัฐฯ แคนาดา เม็กซิโก ออสเตรเลีย แอฟริกาใต้ และบางประเทศในยุโรป เนื่องจากเป็นวิธีที่ช่วยลดมลพิษ และป้องกันโลกร้อนได้แต่ยังไม่ได้รับความนิยมนักเนื่องจากการณาปนกิจด้วยน้ำนั้นมีราคาที่แพงกว่าการฝังดินหรือเผาไฟ
การณาปนกิจด้วยทำอย่างไร ?
"การณาปนกิจด้วยน้ำ" หรือที่เรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า “ฌาปนกิจแบบต้มในถุง”
เป็นกระบวนการที่จะนำศพผู้เสียชีวิตใส่ลงใน "ถุงชีวภาพ" ที่ทำมาจากแป้งข้าวโพด จากนั้นทำการ "ละลายศพ" ด้วยการวางไว้ในถังปิดสนิท ซึ่งภายในถังจะเติมน้ำเข้าไปประมาณ 95% และอีก 5% จะเติมโพแทสเซียมไฮดรอกไซด์ แล้วให้ความร้อนประมาณ 160 องศาเซลเซียส
สารละลายร้อนมีฤทธิ์เป็นด่างที่จะเข้าไปทำลายเนื้อเยื่อต่าง ๆ ในร่างกายมนุษย์จนเหลือเพียงกระดูกที่อยู่ในรูปของแคลเซียม
ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง ทุกอย่างจะสลายไปเอง ยกเว้นโครงกระดูก
เตาฌาปนกิจศพด้วยน้ำ ของบริษัท White Rose Aqua Cremation ในสหรัฐฯ
โดยเจ้าสารโพแทสเซียมไฮดรอกไซค์ที่ใช้ในการละลายศพ ได้มีการทดสอบแล้วว่าสามารถปล่อยละลายลงสู่ระบบระบายน้ำได้ตามปกติ
ซึ่งการณาปนกิจด้วยน้ำสามารถลดการปล่อยก๊าสคาร์บอนได้น้อยกว่าการเผาศพประมาณครึ่งนึง ซึ่งวิธีการนี้ยังคงหลงเหลืออัฐิของผู้เสียชีวิตเพื่อให้ครอบครัวได้นำกลับในลักษณะของการเก็บอัฐิที่เกิดจากการเผาศพ เพื่อนำไปประกอบพิธีขึ้นสุดท้าย เช่นการลอยอังคารหรือโปรยในสถานที่ที่ผู้ตายต้องการได้
จึงกล่าวได้ว่า การณาปณกิจในรูปแบบใหม่นี้ เป็น "การตายอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม" นั้งเอง