9 คำถามเกี่ยวกับการกินน้ำอสุจิ

1.ในน้ำอสุจิมีอะไรบ้าง

ปริมาณสารอาหารต่างๆในน้ำอสุจิ 1ช้อนชา ขึ้นอยู่กับหลายๆปัจจัย แต่หลักๆจะอยู่ที่อายุ อายุน้อยมักมีสารอาหารในน้ำอสุจิมากกว่า และขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการปล่อยน้ำด้วย ถ้าบ่อย ก็อาจทำให้น้ำอสุจิ ใสได้ 

• น้ำ
• โปรตีน
• โซเดียม
• Zinc (ธาตุสังกะสี)
• แคลเซียม
• กรดแอสคอร์บิค (วิตามินซี)
• กรดมะนาว
• เอนไซม์
• น้ำตาลฟรุกโตสและกลูโคส
• ซิเตรต
• คลอไรด์
• กรดแล็กติก
• แมกนีเซียม
• โพแทสเซียม
• เรียฟอร์

2.มีแคลอรี่มั๊ย ?

น้ำอสุจิมีแคลอรี่ แต่ไม่ได้มีมากนัก ในน้ำอสุจิ 1 ช้อนชา มีแคลอรี่อยู่ประมาณ 5-7 แคลอรี่ หรือเทียบเท่าหมากฝรั่ง 1 ก้อน 

3.กินน้ำอสุจิ จะท้องไหม

ไม่ไม่มีทางที่อสุจิจะเดินทางผ่านกระเพาะอาหารไปได้ เพาะอสุจิจะถูกย่อยเหมือนอาหารอื่นๆที่ลงสู่กระเพาะอาหาร

4.รสชาติแบบไหน

น้ำอสุจิ ไม่มีรสชาติที่แน่นอน ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล บางคนอาจมีรสหวาน บางคนเค็ม หรืออาจขมไปเลย ขึ้นอยู่กับสุขภาพของบุคคล และอาหารการกิน
นักข่าวจากซานฟรานซิสโกที่ทำข่าวเรื่องเพศมา 36 ปีอย่าง ไมเคิล คาสเซิลแมน กล่าวว่า ผลไม้บางอย่าง อาจส่งผลให้น้ำอสุจิหวานขึ้นได้ และ อาหารบางบางก็อาจส่งผลให้น้ำอสุจิมีกลิ่นเหม็นได้เช่นกัน 
และอดีตดาราหนังโป๊อย่าง แอนนี่ สปริงเคิล ก็ได้ยืนยันจากการลิ้มรสน้ำอสุจิมาจากผู้ชายหลายร้อยคน เธอกล่าวว่า ผู้ชายที่กินมังสวิรัติ และกินผลไม้ มักจะมีรสชาติของอสุจิที่ดีที่สุด จากการที่พวกเขากินผักและผลไม้แทนเนื้อ

อาหารที่ทำให้น้ำอสุจิรสชาติดี

• สับปะรด (แนะนำ)
• แอปเปิ้ล (แนะนำ)
• ขึ้นฉ่าย
• ผักชีฝรั่ง
• ข้าวสารี
• อบเชย
• มะละกอ
• ส้ม

อาหารที่ทำให้น้ำอสุจิรสชาติแย่

• กระเทียม
• หัวหอม
• บรอกโคลี
• กาแฟ
• บุหรี่
• แอลกอฮอล์
• เนื้อสัตว์
• ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม
• หน่อไม้
• ผักใบเขียว
• กำหล่ำปลี

โน๊ต : การกินผลไม้หรือดื่มน้ำผลไม้ก่อนมีเพศสัมพันธ์หรือก่อนกินน้ำอสุจิ  20-30 นาที อาจช่วยทำให้รสชาติดีขึ้น แต่ถ้าสูบบุหรี่ หรือ ดื่มแอลกอฮอล์ อาจทำให้รสชาติแย่ลง 

5.มีกลิ่นไหม ?

กลิ่นของน้ำอสุจิจะแตกต่างในแต่ละบุคคลเช่นเดียวกับรสชาติ ถ้ามีกลิ่นเหม็นมากๆอาจจะเกิดจากอาหารที่กิน สุขภาพร่างกาย หรือ อาจเกี่ยวกับความสะอาดของจุดซ้อนเร้น 
ส่วนใหญ่แล้วน้ำอสุจิจะมีกลิ่นเหมือนสารฟอกขาว หรือ คล้ายๆกับน้ำยาทำความสะอาด เกิดจากสารอื่นๆมาผสม ทำให้ระดับ PH เพิ่มขึ้น จึงมีกลิ่นแบบนั้น
ในทางกลับกัน ถ้ามีกลิ่นคาว อาจจะมาจากปัจจัยภายนอก เช่นเดียวกับกลิ่นเหม็น ที่มาจากการกินหน่อไม้ฝรั่ง หรือ กลิ่นของปัสสาวะที่แห้ง และเหงื่อ ที่ทำให้เกิดกลิ่นขมๆ

6.อาจเกิดการแพ้น้ำอสุจิได้ไหม ?

การแพ้อสุจิ ไม่ค่อยจะเป็นที่รู้จักมากนัก เพราะกรณีแบบนี้เกิดขึ้นได้ยากมากๆ
มีรายงานว่าผู้หญิงในสหรัฐอเมริกา 40,000 คน  มีอาการแพ้น้ำอสุจิ แต่นั่นเป็นปริมาณผู้หญิงเพียงน้อยนิดจากทั้งหมด 160,000,000 คน เพียงเท่านั้น แต่ถ้าคุณเข้าข่าย อาการดังต่อไปนี้ หลังจาก 20-30 นาทีหลังจากสัมผัสกับน้ำอสุจิ ไม่ว่าจะจับ กิน หรือ ผู้ชายที่สำเร็จความใคร่ ก็เป็นได้หมด ควรไปพบแพทย์จะดีที่สุด (แพ้น้ำอสุจิเกิดขึ้นได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย) 

• มีผื่นแดงขึ้นตามตัว
• มีตุ่มขึ้น
• คัน
• เจ็บ หรือ ปวด
• เป็นลมพิษ
• หายใจลำบาก

7.กินน้ำอสุจิ เสี่ยงโรคติดต่อทางเพศไหม ?

โรคติดต่อทางเพศที่เกิดจากการเปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ นั้น เกิดขึ้นได้ทุกส่วนของร่างกาย ถ้าไม่ได้มีการป้องกันที่ดีพอ การกิน น้ำอสุจิก็เช่นกัน 
การกินน้ำอสุจิของคู่นอนที่มีเชื้อที่ทำให้เกิดโรคติดต่อทางเพศ อาจทำให้เกิดเป็น หนองใน และ หนองในเทียม และส่งผลโดยตรงต่อลำคอ นอกจากการสัมผัสโดยตรงจากลำคอแล้ว การสัมผัสน้ำอสุจิที่มีเชื้อของโรคติดต่อทางเพศบริเวณผิวหนัง ก็อาจทำให้เกิดโรคติดต่อทางเพศอย่าง เริมได้เช่นกัน 
ก่อนจะมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน กับคู่นอน ควรพูดคุยกันก่อน ว่ามีการเปลี่ยนคู่นอนบ่อยหรือเปล่า มีการตรวจสุขภาพล่าสุดตอนไหน เพื่อความปลอดภัย

8.ทำให้อารมณ์ดี จริงเหรอ?

จากการสังเกตเอฟเฟกต์ McClintock ในกลุ่มผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ ที่พักรวมกันที่บ้านพักของวิทยาลัยทหารหญิงล้วนพบว่า เมื่อเวลาผ่านไป ประจำเดือนของผู้หญิงเหล่านั้น มักมีแนวโน้มที่จะเป็นในระยะเวลาที่ใกล้เคียงกัน เนื่องจากผู้หญิงสามารถตรวจจับฟีโรโมนของกันและกันได้ ซึ่งส่งอิทธิพลต่อฮอร์โมนของผู้หญิง ทำให้เปประจำเดือนในระยะเวลาใกล้ๆกัน
แต่กลับมีนักวิทยาศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยแห่งรัฐนิวยอร์กพบว่า เลสเบี้ยนกลับไม่แสดงเอฟเฟกต์ McClintock นักวิทยาศาสตร์จึงคาดการณ์ว่า ในน้ำอสุจิมีสารเคมีบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับเอฟเฟกต์ McClintock ที่อาจเกิดการดูดซับสารประกอบในน้ำอสุจิ และส่งผลต่อฟีโรโมนของผู้หญิง ทำให้ผู้หญิงอารมณ์ดีขึ้นได้ 
มีการศึกษาต่อกับผู้หญิง 293 คนที่ SUNY Albany เกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์แบบใช้ กับ ไม่ใช้ถุงยางอนามัย พบว่า ผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์แบบไม่ใส่ถุงยางอนามัยและได้สัมผัสน้ำอสุจิ อารมณ์ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และอาการซึมเศร้าน้อยลง นอกจากนี้ เมื่อเปรียบกับผู้หญิงที่ไม่ได้มีเพศสัมพันธ์ ยังพบอีกว่าผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์และสัมผัสกับน้ำอสุจิมีอารมณ์ที่ดีกว่าผู้หญิงที่ไม่มีเพศสัมพันธ์อีกด้วย 
นักวิจัยคาดว่า การที่ผู้หญิงอารมณ์ดีขึ้น อาจเกิดจากสารเหล่านี้ในน้ำอสุจิ

• เอสโทรน
• โปรแลคติน
• เอ็นดอร์ฟิน
• ออกซิโตซิน
• เซอโรโทนิน
• ฮอร์โมนที่ปล่อยไทโรโทรปิน

อย่างไรก็ตาม หากมีเพศสัมพันธ์ ควรใส่ถุงยาง หรือ กินยาคุมกำหนด เพื่อเลี่ยงการตั้งครรภ์โดยไม่ได้ตั้งใจ

9.ลดความเสี่ยงครรภ์เป็นพิษได้

มีการศึกษาระยะเวลาของการสัมผัสน้ำอสุจิ กับความเสี่ยงของภาวะครรภ์เป็นพิษพบว่า (9)
ผู้หญิงตั้งครรภ์ที่อยู่ร่วมกับสามีน้อยกว่า 4 เดือน ในหมู่ผู้ทดสอบ มีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงของครรภ์เป็นพิษที่เพิ่มขึ้น

(แถม) กินน้ำอสุจิตัวเอง เป็นอะไรไหม

การกิน น้ำอสุจิตัวเอง ไม่เป็นอันตรายใดๆ เช่นเดียวกับการกิน น้ำอสุจิคนอื่น จะอันตรายก็ต่อเมื่อ คุณ หรือ เจ้าของน้ำอสุจิ มีการเปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ และเป็นพาหะของโรคติดต่อทางเพศ 
น้ำอสุจิจะถูกย่อยในกระเพาอาหาร เช่นเดียวกับอาหารอื่นๆ ที่กินเข้าไป ไม่ต่างกัน

สรุป

คำถามเกี่ยวกับการกินน้ำอสุจิ ส่วนใหญ่แล้ว ปลอดภัย ถ้าไม่ได้มีการเปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ หรือมีการติดเชื้อที่ทำให้เกิดโรคติดต่อทางเพศ
แต่การจะกินน้ำอสุจิ เพื่อให้ได้ประโยชน์หรือ เกิดผลจริงๆ จำต้องเป็นกินเป็นแกลลอน เพื่อให้ได้สารอาหารจริงๆ เพราะในน้ำอสุจิ 1 ช้อนชา ถึงจะมีสารอาหารหลายอย่าง แต่ก็มีเพียงปริมาณเล็กน้อยเพียงเท่านั้น
การกินมีผลต่อกลิ่นและรสชาติของน้ำอสุจิ ควรกินผลไม้อย่างสับปะรด หรือ แอปเปิ้ล อย่างน้อยๆ 20-30 นาที ก่อนมีเพศสัมพันธ์ เพื่อลดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์