"Rocket"รถไฟคันแรกของโลก
ประวัติศาสตร์ของระบบรถไฟขึ้นต้นที่ประมาณ 300 ปีที่แล้วในประเทศอังกฤษ ด้วยการสร้างรถจักรไอน้ำที่เรียกว่า "Rocket" โดยจอร์จ สตีเฟนสัน (George Stephenson) ผู้ถือเกียรติให้เป็นบิดาแห่งการรถไฟ ในอดีตรถไฟถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้ในการขนถ่านหิน มีลักษณะเป็นรถติดล้อที่เคลื่อนที่ตามรางและใช้สัตว์ในการลากจูง
แต่เมื่อจอร์จสตีเฟนสันสร้างรถจักรไอน้ำที่สามารถเคลื่อนที่ได้ด้วยตัวเอง มันเปิดทางให้การขนส่งสินค้าและผู้คนเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาล หลังจากนี้ มีผู้เริ่มสร้างรถจักรไอน้ำตามแบบของเขาออกมาอีกหลายรุ่น เพื่อให้บริการในการขนส่งสินค้าและบริการขนส่งผู้โดยสาร
เอ็ดเวิร์ด พีส (Edward Pease) ได้มีบทบาทสำคัญในเรื่องของการใช้รถไฟในประเทศอังกฤษในปฏิวัติศาสตร์รถไฟโลกต้นแบบ ความคิดเริ่มต้นของระบบรถไฟในประเทศนี้เกิดขึ้นเมื่อเขาเห็นโอกาสในการพัฒนาการขนส่งและการเคลื่อนย้ายสินค้าและบุคคลที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น การขนส่งทางน้ำในเวลานั้นเป็นวิธีที่สำคัญในการขนส่งสินค้า แต่เขาเห็นว่าการสร้างระบบรถไฟอาจเป็นทางเลือกที่ดีขึ้นและมีประสิทธิภาพมากกว่า ดังนั้นเขาได้เริ่มแนะนำและสนับสนุนในการสร้างทางรถไฟระหว่างเมืองสต็อกตันกับเมืองดาร์ลิงตัน
จอร์จ สตีเฟนสันเคยได้ยินเสียงข่าวเกี่ยวกับแนวคิดของเอ็ดเวิร์ด และเขามีความคิดเหมือนกันในเรื่องของระบบรถไฟ จึงตัดสินใจพบกับเอ็ดเวิร์ดเพื่อเสนอแนวคิดของรถจักรไอน้ำของเขา โครงการนี้ได้รับการตอบรับและได้รับการว่าจ้างในการดำเนินโครงการ ในวันที่ 27 กันยายน คริสต์ศักราช 1825 เรือรถไฟคันแรกของโลกได้ถูกเปิดให้ใช้งาน รถไฟคันนี้ได้มีผลกระทบให้ชาวอังกฤษในยุคนั้นตื่นตาตื่นใจกับนวัตกรรมใหม่นี้ แม้ความเร็วของรถไฟคันนี้เพียงแค่ 15 ไมล์ต่อชั่วโมงเท่านั้นในตอนนั้น แต่มันเป็นเรื่องใหญ่ที่สำคัญในการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตและการขนส่งในประเทศอังกฤษและทั่วโลกในภายหลัง รถไฟได้เป็นส่วนหนึ่งของพัฒนาเศรษฐกิจและการเคลื่อนย้ายของบุคคลอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นในประเทศอังกฤษและระบบรถไฟนี้กลายเป็นต้นแบบสำหรับระบบรถไฟในโลกตลอดกาลต่อมาโดยความสำเร็จนี้เป็นผลมาจากความมุ่งมั่นและวิสัยทัศน์ของเอ็ดเวิร์ด พีสและจอร์จ สตีเฟนสันในการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตและวิสัยทัศน์ในการขนส่งของประเทศอังกฤษและโลกในภายหลัง
เมื่อรถไฟคันแรกเริ่มวิ่งและผู้คนเริ่มเห็นประโยชน์ของระบบรถไฟนี้ เกิดแผนการสร้างเส้นทางรถไฟเพิ่มเติมขึ้น อย่างไรก็ตาม ปัญหาก็กำลังรอคอยที่จะแก้ไข เนื่องจากมีผลกระทบต่อกลุ่มผู้เกี่ยวข้อง รวมถึงเรือบรรทุกสินค้า รถเรือโดยสาร และรถม้า ร่วมกับเจ้าของที่ดินที่ทางรถไฟจะผ่านแต่ในระหว่างนี้ รัฐสภาอังกฤษได้มองเห็นประโยชน์มากมายจากการสร้างเส้นทางรถไฟนี้ และจึงประกาศให้มีสิทธิ์ในการสร้างทางรถไฟเพิ่มเติม นำมาซึ่งความรุนแรงในการพัฒนาระบบรถไฟขนสินค้าและโดยสารในประเทศ
สายรถไฟต่อมาก็เรียกว่า "ลิเวอร์พลู-แมนเชสเตอร์" โดยได้จัดการประกวดการใช้กำลังลากจูงขบวนรถไป จนผู้ชนะในการประกวดก็คือรถจักรไอน้ำชื่อ "Rocket" ซึ่งพัฒนาโดย จอร์จ สตีเฟนสัน หลังจากการประกวดสำเร็จ ทางรถไฟสายนี้ได้ถูกสร้างขึ้นอย่างสำเร็จ และเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในปี คริสต์ศักราช 1830 โดยจะยาวแค่ ระยะทางจากลิเวอร์พลู ถึงแมนเชสเตอร์ เพื่อตอบสนองความต้องการของสาธารณชนและเสนอบริการทางรถไฟที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพให้กับประชาชนในสมัยนั้นไปอย่างประทับใจ
ในยุคที่โลกยังคงอยู่ในยามที่ความเร็วของการเดินทางยังขาดความรวดเร็วและมีข้อจำกัด จอร์จ สตีเฟนสัน กลายเป็นผู้บุกเบิกที่ทำให้การรถไฟเป็นสิ่งที่สำคัญและมีประสิทธิภาพมากขึ้นไม่ใช่แค่ในอังกฤษเท่านั้น แต่ยังทั่วโลกด้วย จอร์จ สตีเฟนสันไม่ได้เป็นผู้สร้างหัวรถจักรเพียงอย่างเดียว แต่เขายังเป็นผู้ควบคุมทางรถไฟอีกหลายสาย บางครั้งเขาต้องควบคุมการวางรางถึง 5 สายพร้อมกัน เรื่องที่ไม่ใช่ง่ายเลยในยุคที่เทคโนโลยีรถไฟยังไม่ค่อยถูกพัฒนาอย่างที่เราเห็นในปัจจุบัน แต่จอร์จ สตีเฟนสันกล้าที่จะเป็นนายจ้างคนแรกที่เขียนบทเรื่องนี้ลงในหน้าราวของประวัติศาสตร์การรถไฟ
ผลงานของเขาสร้างทางรถไฟที่เชื่อมเมืองต่างๆ ของอังกฤษไปสู่มุมหลายมุมของประเทศ และนับเป็นการเปิดตัวของการรถไฟที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป นี่เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จของเขาในการเปิดประตูให้โลกเห็นถึงความสำคัญของระบบรถไฟและการรถไฟในการพัฒนาประเทศและเชื่อมโยงกับโลก ไม่ใช่เพียงแค่อังกฤษเท่านั้นที่ได้รับประโยชน์จากผลงานของจอร์จ สตีเฟนสัน ประเทศอื่นๆในยุโรปก็สนใจเอารถไฟของอังกฤษไปสร้างที่ประเทศของตัวเอง สร้างโอกาสให้การแลกเปลี่ยนและการพัฒนาทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศเกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง
จากนี้ไป จอร์จ สตีเฟนสันถือเป็นต้นแบบของผู้บุกเบิกและผู้ที่มีวิสัยทัศน์สูงในด้านระบบรถไฟ และส่งผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ต่อการขยายพันธุ์ของระบบรถไฟทั่วโลกในปัจจุบัน การที่เขาเป็นผู้บุกเบิกการรถไฟเป็นคนแรกของโลกนั้นจึงเป็นความภาคภูมิใจและความท้าทายที่สุดของเขาในโลกของการรถไฟและการขนส่งในยุคที่ทุกสิ่งเริ่มเปลี่ยนแปลงและเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในรอบต่อไป