ตำนานรักที่ยังมีลมหายใจของหนุ่มชาวไทย กับสาวสวีเดน
คุณว่าคนคนนึงจะยังรักใครอีกคนนึงไปได้อีกนานแค่ไหน ถ้าไม่ได้พบเจอกันเลยเป็นสิบ ๆ ปี หลายสิบปีก่อน เจเน็ตในวัย 22 เดินทางจากสวีเดนเพื่อไปท่องเที่ยวที่เกาะพีพีเพียงลำพัง ที่นั่นเธอพบชายหนุ่มคนหนึ่ง สุไลหนุ่มไทยผิวเข้ม ตาโต ยิ้มสวย ชายชาวเกาะพีพีดึงดูดหัวใจของเธอไว้อย่างอยู่หมัด ทั้งคู่ต่างตกหลุมรักกันทันทีตั้งแต่แรกพบ หลังจากวันแรกวันนั้นทั้งคู่ก็ตัวติดกันไปทุก ๆ ที่แทบไม่ห่างกายกันเลย
ระยะเวลา 7 เดือน จะว่าเร็วก็เร็ว จะว่าช้าก็ช้า มันเป็นทุกวันที่มีความสุขของทั้งคู่ แต่โชคชะตามักชอบเล่นตลกเวลาที่คุณกำลังมีความสุขเสมอ
ความจำเป็นทำให้เจเน็ตต้องออกเดินทางกลับประเทศ วันจากลาสุไลมาส่งเจเน็ตขึ้นเครื่องท่ามกลางความอาลัยอาวรณ์ เขากอดเธอไม่ยอมปล่อย เธอเองก็ไม่อยากออกจากอ้อมกอดอบอุ่นคุ้นเคยของเขา จนกระทั่งเสียงเตือนสุดท้ายให้ขึ้นเครื่อง " ฉันจะกลับมา สุไล คุณต้องรอฉันนะ " เธอให้ค่ำมั่นสัญญาก่อนจะเดินลับหายไป การจากลา ทำไมมันทรมานอย่างนี้
ตอนที่กลับถึงบ้านที่สวีเดน เจเน็ตเล่าถึงเกาะพีพีและชายคนรักที่พบเจอกันที่ประเทศไทยให้ครอบครัวของเธอฟัง เธอวางแผนจะกลับไปหาเขาในเร็ววัน แต่ว่า ... ครอบครัวของเจเน็ตคัดค้านเรื่องนี้อย่างหนัก ผู้ชายที่พบเจอระหว่างการเดินทาง ไม่ต่างอะไรกับดอกไม้ไฟ พุ่ง สูง สวย สักพักก็ดับลับตาไป ไม่ต่างจากความฝัน ไม่มีทางที่จะเป็นรักแท้ของเธอไปได้ ทำยังไงครอบครัวก็ไม่เห็นด้วยกับเธอ
เจเน็ตทำอะไรไม่ได้ นอกจากร้องไห้ ร้องไห้ แล้วก็ร้องไห้ เธอรักสุไลแต่ก็รักครอบครัวตัวเองด้วยเช่นกัน ไม่ทันจะคลายความทุกข์ก็พบว่าตัวเองกำลังตั้งท้องลูกของสุไล พอที่บ้านรู้เรื่องก็รีบพาเธอไปจัดการ ถึงอยากจะเก็บตัวแทนแห่งความรักนี้ไว้ แต่ด้วยวัยและหลาย ๆ อย่างเธอจำต้องยอมปล่อยทั้งลูกและสุรัยไป ทำได้แค่เออ ๆ ออ ๆ อย่างมึนงงไปกับครอบครัว
หลังจากผ่านเรื่องนั้น เจเน็ตก็เข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัย และได้งานทำเป็นวิศวกร หลังจากนั้นเธอก็แต่งงานกับผู้ชายที่พ่อแม่แนะนำให้ ชายที่ดีพร้อม เพื่อหวังจะลบรอยความเศร้าในดวงตาของลูกสาว เจเน็ตแต่งงานกับชายคนนั้น และมีลูกกับเขาสองคน ส่วนสุไล ชายชาวเกาะ เขายังเฝ้ารอคนรักอยู่ที่เกาะ จาก 1 ปี เป็น 2 ปีเป็น 3 ปีที่ไม่เคยได้ข่าวคราวจากคนรักอีกเลย หลายคนบอกกับเขาว่า “ อย่ารอเลย เธอไม่กลับมาแล้วหล่ะ “ แต่สุรัยไม่ฟัง เขายังเชื่อมั่นในคนรัก
เขารอ รอ และรอเธออยู่ที่เกาะจนถึง 5 ปี ในปีที่ 6 เขาก็ตื่นจากความฝัน และรับรู้ว่าเธอคงไม่กลับมาแล้วจริง ๆ ในตอนนั้นสุไลจึงตัดสินใจแต่งงานกับหญิงสาวชาวอิตาลี และย้ายหนีออกจากเกาะไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ในอิตาลี เหมือนโชคชะตาเล่นตลก หลังจากสุไลย้ายไปไม่เท่าไหร่ เจเน็ตก็กลับมา เธอกลับมาตามหาเขา ชีวิตแต่งงานไม่ได้ราบรื่นนัก เพราะลึก ๆ คนรักของเจเน็ตคือสุไล หลังจากรู้ว่าคงไปกันไม่รอด และหย่าขาดกับสามี เจเน็ตก็เดินทางกลับมาหาสุรัย
แต่ว่า ... ไม่ทันแล้ว เขาจากไปนานแล้ว เจเน็ตยอมรับอย่างเข้าใจ และกลับสวีเดนไปอย่างใจสลาย แต่ถึงอย่างนั้นสุไลก็เป็นรักครั้งแรกที่เธอเฝ้าพูดถึงเขาไม่รู้เบื่อ ลูก ๆ โตมาพร้อมกับเรื่องเล่า ของสุไลชายชาวเกาะ ตัวใหญ่ ใจดี ที่เป็นรักแรกของแม่ เธอยังคงจดจำทุกช่วงเวลาได้เสมอ เหมือนว่ามันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน การเดินทาง ความหวัง ความฝัน ในวันสดใสการได้ผจญภัยในช่วงเวลานั้นได้จุดประกายในตาให้ลูกสาวของเจเน็ต " หนูจะไปที่นั่น ในสักวันนึง " ไม่ใช่คำพูดล่องลอยทั่วไป หากเป็นคำมั่นสัญญาที่เด็กน้อยคนนั้นได้ทำมันจริง ๆ
ในวัย 22 เท่ากับแม่ ลูกสาวก็ตัดสินใจเดินทางไปที่เกาะพีพีเหมือนกับแม่ของเธอ เกาะสวรรค์ และการออกตามหาผู้ชายที่เธอไม่เคยรู้จักแต่ว่าคุ้นเคย ชายผู้เป็นรักแรกของแม่ เจเน็ตไม่รู้เลยว่า หลังจากที่เธอกลับจากเกาะพีพีคราวนั้นไม่นาน สุไลก็ย้อนกลับมาที่เกาะ เขาก็เหมือนเธอ ไม่อาจทำใจให้รักใครได้อีก เขาจึงกลับมาเฝ้ารอเธอ แม้ไม่รู้ว่าเธอจะกลับมาอีกไหม ทุกครั้งที่ได้เจอใครที่มาจากสวีเดนสุไลจะเอารูปเจเน็ตให้เขาดู และถามว่าคุณพอจะรู้จักผู้หญิงในรูปบ้างไหม ผมอยากรู้ว่าเธอเป็นยังไง สุขสบายดีหรือเปล่า สุไลและลูกสาวเจเน็ตได้พบกัน จากการตามหาแบบปากต่อปาก ถามไถ่ไปทั่วเกาะพร้อมยื่นรูปใบเก่าคร่ำคร่าอายุ 20 กว่าปีให้ชาวบ้านแถวนั้นดู ใครจะคิดว่าโชคชะตายังใจดี ทำให้ทั้งคู่พบกันในที่สุด เธอบอกเล่าเรื่องราวของแม่ให้สุไลฟัง บอกว่าคุณยังเป็นคนรักของแม่อยู่เสมอ สุไลเองก็เช่นกัน เขายืนยันว่า ยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมาก็รอคอยแค่เจเน็ตเพียงคนเดียว ลูกสาวของเจเน็ตติดต่อกลับไปหาแม่ทันทีที่เจอกับสุไล เจเน็ตในตอนนั้น ไม่คิดไม่ฝันว่ามันจะเป็นเรื่องจริง หลังจากรู้ข่าวเจเน็ตซื้อตั๋วเครื่องบินและรีบบินไปเกาะพีพีทันที
ในที่สุดคู่รักที่ถูกโชคชะตาจับพลัดพรากจากกันก็ได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง ทั้งคู่กอดกันร้องไห้ตรงโถงต้อนรับของสนามบิน อ้อมกอดที่คุ้นเคย ในที่สุดก็ได้กลับคืนมาหากันอีกครั้งท่ามกลางการเดินทางของวันเวลากว่ายี่สิบปี ความรักที่มีก็ยังมีอยู่เหมือนเดิมเสมอไม่เคยเปลี่ยนแปลง
แต่เราก็หากันจนเจอ ทั้งคู่ตัดสินใจว่าจะไม่ยอมพรากจากกันอีกแล้ว สุไลตัดสินใจไปจากเกาะอีกครั้ง เขาตั้งใจจะไปใช้ชีวิตคู่อยู่กับผู้หญิงที่เขารักและรอคอยมานานแสนนาน เขาเข้าเรียนภาษา และเริ่มต้นทำงานอย่างขยันขันแข็ง
แต่โชคไม่ดี อากาศที่นี่คงหนาวเกินไป เมืองคงเงียบเหงาเกินไป สุไลเริ่มมีอาการทางจิตใจ เขาเหมือนจะป่วย สิ่งใหม่ ๆ รอบตัวทำเขาตระหนกและตื่นกลัว จนในที่สุดก็รู้ว่าเขาเอาชนะมันไม่ได้ เขามีความทุกข์มากเกินไป เจเน็ตทุกข์ใจเหลือเกินที่เห็นชายคนรักต้องเป็นแบบนี้
ในตอนนั้นเองลูกสาวของเธอก็บอกกับเธอว่า " แม่อยู่ที่นั่นได้ แต่สุไลจะตายที่นี่ แม่ต้องพาเขากลับไป " นั่นเองที่ทำให้เจเน็ตรู้ว่าจะต้องทำยังไง เธอลาออกจากงาน ขายบ้าน ขายรถ ขายฟาร์ม ขายม้า และตัดสินใจกลับไปยังเกาะพีพีพร้อมสุรัย เริ่มต้นชีวิตใหม่ในที่ที่ทั้งคู่พบและรักกัน พริบตาเดียวผ่านไป 3 ปีแล้วที่ทั้งคู่ใช้ชีวิตอยู่ที่เกาะพีพี
ที่มา: ซากุระเที่ยงคืน