"แกงไข่ผำหมูสามชั้น" คาเวียร์แดนอีสาน
"คาเวียร์แดนอีสาน" อาหารในตำนาน..ที่น้อยคนนักจะรู้จัก เชื่อได้เลยว่า คนสมัยนี้อาจจะยังไม่ค่อยรู้จักพืชชนิดนี้กันมากสักเท่าไหร่ ในแต่ละท้องถิ่นมักจะเรียกไม่เหมือนกัน โดยทางภาคอีสานเรียก "ไข่ผำ" ภาคกลางเรียก "ไข่แหน" หรือ "ไข่น้ำ" ส่วนภาคเหนือเรียก "ผำ" เฉยๆ ไข่ผำเป็นพืชน้ำ หรือแหนชนิดหนึ่ง มีดอกที่มีขนาดเล็กที่สุด ที่อาศัยลอยตัวอยู่เหนือผิวน้ำ มีลักษณะเป็นลูกกลมรีเล็กๆ ลอยเป็นกลุ่ม มีช่องอากาศแทรกอยู่ด้านในเซลล์จึงสามารถลอยอยู่เหนือผิวน้ำได้ ไม่มีราก ไม่มีใบ สีเขียว เมื่อช้อนขึ้นมารวมกันแล้วจะดูเหมือนลักษณะของไข่ปลา หรือไข่กุ้งขนาดเล็กจิ๋ว จนได้สมญานามว่า "คาร์เวียร์อีสาน"
คุณประโยชน์ของ "ไข่ผำ" นั้นเทียบเท่ากับสาหร่ายจากท้องทะเล เนื่องจากว่ามีโปรตีน และกรดไขมันโอเมก้า 3 แต่ก็ใช่ว่าพืชชนิดนี้จะหาทานได้ง่าย ๆ นะ เพราะว่าในธรรมชาตินั้นเริ่มที่จะหากันได้ยากมากขึ้น เนื่องจากสารเคมี และยาฆ่าแมลงต่างๆ จะมีมากแค่ในช่วงฤดูแล้ง โดยอาศัยอยู่ในน้ำสะอาด และน้ำนิ่งเท่านั้น
แต่เมนูที่คนอีสานมักจะนิยมกันมากที่สุด ก็คือ "แกงไข่ผำ" ด้วยรสสัมผัสที่กรุ๊บๆ กรอบๆ จึงทำให้เพิ่มอรรถรสในการกินได้เป็นอย่างดี จึงได้รับความนิยมในแถบภาคอีสาน แต่การกินไข่ผำจะต้องทานสุก ๆ เท่านั้น เพราะว่าไข่ผำสดจะมีพิษ แค่ทำให้สุกก็ปลอดภัยแล้ว หลังจากที่เราได้รู้จักไข่ผำกันมาแบบคร่าว ๆ แล้ว ทีนี้เราจะมาลองทำแกงไข่ผำสูตรของชาวอีสานกันดู
โดยเมนูในวันนี้ คือ "แกงไข่ผำหมูสามชั้น" ซึ่งมีวัตถุดิบดังต่อไปนี้ คือ ไข่ผำ 500 กรัม, น้ำปลาร้า 2 ทัพพี, หมูสามชั้น 250 กรัม, ผงชูรส 1 ช้อนชา, ใบมะกรูด 4-5 ใบ และสุดท้ายก็คือ น้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง
ส่วนวิธีการทำเมนู "แกงไข่ผำหมูสามชั้น" นั้น มีวิธีการดังต่อไปนี้ คือ
- นำไข่ผำไปล้างน้ำให้สะอาด คัดเอาเศษสาหร่าย หรือสิ่งปนเปื้อนอย่างอื่นออกให้หมด จากนั้นใช้ผ้าขาวกรอง แล้วบีบน้ำออกให้หมด
- ตำเครื่องแกงที่ประกอบไปด้วย พริกแห้ง หัวหอม กระเทียม ข่า ตะไคร้ซอย กะปิ ผิวมะกรูด ให้ละเอียด
- จากนั้นตั้งกระทะผัดพริกแกงให้หอมได้ ตามด้วยหมูสามชั้นลงไป ผัดรวมกันจนหมูเริ่มสุก
- ใส่ไข่ผำที่ล้างแล้วเตรียมไว้ลงไปผัดรวมกัน
- ใส่น้ำเปล่า1 ถ้วยตวง พอน้ำเริ่มเดือดหมูเริ่มสุก จากนั้นก็ปรุงด้วย น้ำปลาร้า ผงชูรส ชิมรสตามต้องการ
- เมื่อได้รสชาติที่ต้องการแล้ว ก็ยกลงโรยด้วยต้นหอมหั่น เท่านี้แกงไข่ผำก็พร้อมเสิร์ฟแล้ว
เป็นเมนูที่ทำทานกันได้ง่ายๆ แต่แกงไข่ผำนั้นถ้าหากเริ่มเย็นตัวลงแล้ว ไข่ผำจะดูดน้ำแกงไปหมด และจะแห้งไปในที่สุด คล้ายๆ กับการผัดดีๆ นี่เอง แต่ไม่ต้องแปลกใจน่ะ เพราะรสชาติก็จะยังคงเดิม
"แกงไข่ผำ " นั้น สามารถที่จะปรับใช้เนื้อสัตว์ตามที่ต้องการได้ เช่น เนื้อปลา หรือปลาแห้ง บางพื้นที่อาจจะใส่ลงไปในแกงอ่อม หรือ ใส่ไปในต้มปลา ก็อร่อยไม่แพ้กัน อย่างไรก็ดีถึงแม้ว่าไข่ผำจะมีประโยชน์มากมาย แต่สำหรันคนที่เป็นโรคเกาต์ รูมาตอยด์ และนิ่ว ก็ควรที่จะหลีกเลี่ยงอาหารชนิดนี้ด้วย