ความเชื่อสมัยโบราณผีปอบของเขมร
ความเชื่อของคนเขมรว่า ปอบหรืออาบนั้น มักจะเกิดในตัวหนึ่งที่เรียนมนต์เสน่ห์มหานิยม
เมื่อใช้มนต์เสน่ห์นั้นนาน ๆ ไป มนต์เสน่ห์นั้นจะกลายเป็นปอบเข้าสิงอยู่ในตัวของคนนั้น
บางท่าน ผู้หญิงที่เรียนมนต์เสน่ห์แล้วประพฤติผิดข้อห้าม มนต์เสน่ห์นั้นจะกลายเป็นปอบเข้าไปสิงอยู่ในร่าง
ผีกระสือเป็นผีชนิดหนึ่ง เชื่อกันว่าสิงสู่อยู่ในตัวของคนเพศหญิงซึ่งโดยมากมักเป็นยายแก่
ชอบรับประทานของสดคาว มักออกหากินเวลากลางคืนและไปแต่หัวกับตับไตไส้พุง
ส่วนร่างกายคงทิ้งไว้ที่บ้าน เวลาไปจะเห็นเป็นดวงไฟดวงโตมีแสงสีแดง แต่ส่วนมากจะเป็นแสงสีเขียวเรืองวาม ๆ
โดยจะเริ่มออกหากินตั้งแต่เวลาหัวค่ำไปจนถึงทั้งคืน และจะกลับเข้าร่างเวลาใกล้รุ่งสาง
กระสือเริ่มมีมาตั้งแต่สมัยใดก็ยังไม่เป็นที่ทราบ
ซึ่งคนในสมัยโบราณมักจะเรียกว่า “ผีลากไส้” และต่อมาก็จึงเรียกว่า “กระสือ”หรือ “ผีกระสือ
ผีปอบ เป็นผีที่ไม่มีตัวตนเหมือนกระสือหรือกองกอย แต่ปอบคือจิตวิญญาณมิจฉาทิฏฐิ
จะเข้าแฝงร่างสิงสู่คนที่เป็นสื่อให้ และใช้ร่างหรือรูปลักษณ์ของคนๆนั้น ไปกระทำการไม่ดีต่างๆ
และเชื่อด้วยว่า หากวิญญาณปอบเข้าสิงสู่ผู้ใด จะกินตับไตไส้พุงของผู้ที่โดนสิงจนกระทั่งตาย
ผู้ที่โดนกินจะนอนตายเหมือนกับนอนหลับธรรมดา ๆ ไม่มีบาดแผล ซึ่งเรียกกันว่า “ใหลตาย”
ผีกระหัง เป็นผีตามความเชื่อของคนไทย เป็นผีผู้ชาย คู่กับผีกระสือ ซึ่งเป็นผู้หญิง
เชื่อกันว่าผู้ที่เป็นผีกระหังนั้น จะเป็นผู้ที่เล่นไสยศาสตร์ เมื่ออาคมแกร่งกล้าไม่สามารถควบคุมได้ก็จะเข้าตัว
กลายเป็นผีกระหังไป คติความเชื่อเรื่องผีกระหังมีขึ้นเมื่อใดไม่เป็นที่ทราบ
ผีกระหัง จะบินได้ในเวลากลางคืน จะใช้กระด้งฝัดข้าวติดกับแขนแทนปีก
และใช้สากตำข้าวหรือสากกระเบือผูกติดกับขา แทนหาง หรือขา ออกหากินของโสโครก เช่นเดียวกับ ผีกระสือ หรือผีโพง
กุมารทอง เป็นความเชื่อทางไสยศาสตร์ของไทยเกี่ยวกับจิตวิญญาณ
ที่มาของกุมารทองมาจากการเลี้ยงภูตผีปีศาจไว้ใช้งาน โดยกุมารทองจะเป็นวิญญาณของเด็กผู้ชาย
หากเป็นวิญญาณผู้หญิงที่คนเลี้ยงไว้จะเรียกว่า “โหงพราย” เครื่องรางอีกประเภทหนึ่งที่คล้ายกันคือรักยม
ทั้งกุมารทอง และรักยมปัจจุบันยังมีผู้นิยมบูชากันอยู่ไม่น้อยในสังคมไทย