สรุปหนังสือ AS A MAN THINKETH เขียนโดย James Allen
สรุปหนังสือ AS A MAN THINKETH
"สรุปหนังสือ As a man THINKETH" เป็นการวิเคราะห์ที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับพฤติกรรมและการคิดของมนุษย์ โดยแนวคิดหลักของหนังสือนี้คือการว่า "ความคิดของเรามีอิทธิพลต่อชีวิตของเรา" หรือว่า การคิดอย่างเชิงลบจะนำไปสู่ผลกระทบที่ไม่ดี ในขณะที่การคิดอย่างเชิงบวกจะนำไปสู่ความสำเร็จและความสุข
หนังสือนี้เขียนโดย James Allen และเผยแพร่ครั้งแรกในปี ค.ศ. 1903 โดยเน้นไปที่ว่า สิ่งที่เราคิดและวิเคราะห์เป็นจุดเริ่มต้นของการดำเนินชีวิตของเรา การที่เราคิดและมองโลกในแง่บวกจะนำไปสู่ความสำเร็จและความสุข ในขณะที่ความคิดและการวิเคราะห์ในแง่ลบจะนำไปสู่ความล้มเหลวและความทุกข์ยาก
เนื้อหาของหนังสือนี้มีความสำคัญอย่างมากต่อการพัฒนาตนเอง โดยมีเนื้อหาหลักๆ ดังนี้
1. การเข้าใจความสำคัญของความคิดในการเปลี่ยนแปลงชีวิต
2. การเสริมสร้างจิตใจและจิตวิญญาณให้แข็งแกร่ง
3. การวิเคราะห์และควบคุมความคิด
4. การมองโลกในแง่บวกและคิดเชิงสร้างสรรค์
5. การเป็นผู้รับผิดชอบต่อชีวิตของตัวเอง
1. การเข้าใจความสำคัญของความคิดในการเปลี่ยนแปลงชีวิต
หนังสือ "As a man THINKETH" เน้นให้เราเข้าใจว่าความคิดของเรามีอิทธิพลต่อชีวิตของเรา โดยเราสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิต
ของเราได้ด้วยการเปลี่ยนแปลงวิธีคิดของเรา เราสามารถควบคุมและเลือกที่จะคิดเชิงบวกหรือลบ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการในชีวิต
การเข้าใจความสำคัญของความคิดในการเปลี่ยนแปลงชีวิตหมายความว่า หากเราต้องการเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราให้ดีขึ้น เราต้อง
เริ่มต้นด้วยการเปลี่ยนแปลงวิธีคิดของเรา การคิดอย่างเชิงบวกจะนำไปสู่ความสำเร็จและความสุข ในขณะที่การคิดอย่างเชิงลบจะนำไป
สู่ความล้มเหลวและความทุกข์ยาก
ดังนั้น หนังสือ "As a man THINKETH" จึงเน้นให้เราเข้าใจว่าความคิดของเราเป็นจุดเริ่มต้นของการดำเนินชีวิตของเรา
การเปลี่ยนแปลงวิธีคิดของเราจะช่วยให้เรามีชีวิตที่ดีขึ้น และนำไปสู่ความสำเร็จและความสุขในชีวิต
2. การเสริมสร้างจิตใจและจิตวิญญาณให้แข็งแกร่ง
การเสริมสร้างจิตใจและจิตวิญญาณให้แข็งแกร่งเป็นสิ่งที่สำคัญในการพัฒนาชีวิตที่มีความสุขและความสำเร็จ ดังนั้น ฉันจะแนะนำวิธีเสริมสร้างจิตใจและจิตวิญญาณที่มีประสิทธิภาพดังนี้
1. การทำสิ่งที่ชอบ: ค้นหากิจกรรมที่ชอบและทำให้คุณรู้สึกสดชื่นและมีความสุข เพราะเมื่อคุณทำสิ่งที่ชอบคุณจะรู้สึกสดชื่นและมี
พลังงานจิตใจและจิตวิญญาณ
2. การอ่านหนังสือหรือการฟังบทสวดมนต์: การอ่านหนังสือหรือฟังบทสวดมนต์ช่วยเสริมสร้างจิตใจและจิตวิญญาณให้แข็งแกร่ง เพราะ
การอ่านหนังสือหรือฟังบทสวดมนต์ช่วยให้เรามีความรู้สึกและความเชื่อมั่นในชีวิต
3. การออกกำลังกาย: การออกกำลังกายช่วยเสริมสร้างจิตใจและจิตวิญญาณให้แข็งแกร่ง เพราะการออกกำลังกายช่วยให้เรามี
พลังงานและเสริมสร้างร่างกายและจิตใจ
4. การฝึกสมาธิ: การฝึกสมาธิช่วยเสริมสร้างจิตใจและจิตวิญญาณให้แข็งแกร่ง เพราะการฝึกสมาธิช่วยให้เรามีความสงบและมองโลก
ในแง่ดีและเชื่อมั่นในการตัดสิน
3. การวิเคราะห์และใส่ใจความคิดของตัวเอง
การวิเคราะห์และใส่ใจความคิดเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาจิตใจและจิตวิญญาณ เพราะความคิดมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมและความรู้สึกของเรา ดังนั้น ฉันจะแนะนำวิธีการวิเคราะห์ความคิดที่มีประสิทธิภาพดังนี้:
1. การตระหนักถึงความคิด: หลีกเลี่ยงการปล่อยให้ความคิดคอยหลอกลวงหรือควบคุมคุณเองต่อเนื่อง โดยไม่ตระหนักถึงมัน
ควรให้เวลาสำหรับการตระหนักถึงความคิดเพื่อที่จะเข้าใจและวิเคราะห์มัน
2. การวิเคราะห์ความคิด: หลีกเลี่ยงการตกใจหรือต่อต้านความคิดที่เป็นลบ เนื่องจากการต่อต้านมันอาจทำให้ความคิดนั้นกลับมาเข้ม
แข็งขึ้น ควรวิเคราะห์ความคิดเพื่อหาสาเหตุและวิธีการแก้ไข
3. การเปลี่ยนแปลงความคิด: หลีกเลี่ยงการติดกับความคิดที่เป็นลบ ควรมองหาแนวทางในการเปลี่ยนแปลงความคิดให้เป็นบวก
โดยการมองหาข้อดีและความเป็นไปได้ที่ดีขึ้น เช่น การมองโลกในแง่ดี การค้นหาวิธีการแก้ไขปัญหาที่ดีขึ้น
4. การมองโลกในแง่บวกและคิดเชิงสร้างสรรค์
การมองโลกในแง่บวกและคิดเชิงสร้างสรรค์เป็นเรื่องสำคัญที่มีผลต่อการพัฒนาตนเองและสังคม โดยหลักการและวิธีการในการมองโลกในแง่บวกและคิดเชิงสร้างสรรค์อาจมีดังนี้:
1. มองโลกในแง่บวก: การมองโลกในแง่บวกหมายความว่าต้องการเน้นสิ่งที่ดี และมองโลกในแง่ที่มีสิ่งที่ดีอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง
เล็กๆ น้อยๆ ก็ตาม ในการมองโลกในแง่บวก เราจะสามารถเห็นและเลือกที่จะมองโลกในแง่ที่ดีและออกแบบความคิดเชิงบวกที่สร้าง
แรงบันดาลใจให้เราตลอดเวลา
2. คิดเชิงสร้างสรรค์: การคิดเชิงสร้างสรรค์หมายความว่าต้องการพัฒนาความคิดใหม่ๆ หรือแก้ไขปัญหาโดยการนำเอาความคิดที่เป็น
สิ่งเดียวกันอย่างเดิม มาปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น เพื่อสร้างผลการพัฒนาที่ดีขึ้นและเป็นประโยชน์ต่อสังคม
3. การตั้งเป้าหมาย: การตั้งเป้าหมายเป็นการเสริมสร้างความมุ่งมั่น และให้กำลังใจในการพัฒนาตนเอง โดยการตั้งเป้าหมายที่แน่ชัด
และเหมาะสมจะช่วยให้เรามีแรงจูงใจในการทำงานและเพิ่มพลังในการพัฒนาตนเอง
5. การเป็นผู้รับผิดชอบต่อชีวิตของตัวเอง
การเป็นผู้รับผิดชอบต่อชีวิตของเราเอง เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก เนื่องจากชีวิตของเราจะขึ้นอยู่กับการดำเนินชีวิตของเราเอง โดยสามารถดำเนินชีวิตอย่างมีประสิทธิภาพและมีความสุขได้โดยที่ต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อชีวิตของเราเอง ดังนั้นหลักการและวิธีการที่จะเป็นผู้รับผิดชอบต่อชีวิตของเราเองอาจมีดังนี้
1. การเข้าใจความต้องการของตนเอง: เพื่อเป็นผู้รับผิดชอบต่อชีวิตของเราเอง จำเป็นต้องเข้าใจความต้องการของตนเองในทุกๆ ด้าน
เช่น ความสุข ความสำเร็จ ความพึงพอใจในการดำเนินชีวิต เป็นต้น
2. การวางแผนและการจัดการเวลา: เพื่อประสบความสำเร็จในชีวิต จำเป็นต้องมีการวางแผนการดำเนินชีวิตที่ชัดเจน รวมถึงการจัดการ
เวลาให้เหมาะสม เพื่อทำให้เราสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้มากขึ้น
3. การยอมรับผิดชอบ: เป็นสิ่งสำคัญที่จะเป็นผู้รับผิดชอบต่อชีวิตของเราเอง โดยจะต้องยอมรับผิดชอบในการตัดสินใจ การกระทำและ
การเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราเอง
4. การเรียนรู้และการพัฒนาตนเองอยู่เสมอ
ที่มา: หนังสือ As a man thinketh เขียนโดย James Allen