ทั้งที่รู้ว่าบุหรี่ไม่ดี...แต่ทำไมยังผลิตขึ้นมา
ทั้งที่รู้ว่าบุหรี่ไม่ดี…แต่ทำไมยังผลิตขึ้นมา?
บุหรี่ (cigarette) ชื่อนี้หลายคนคงรู้จักและคุ้นชินกันเป็นอย่างดีเพราะเราสามารถพบเห็นสิ่งนี้ได้ทุกที่ อาจจะเริ่มตั้งแต่คนรอบข้าง เพื่อน คนรู้จักหรือแม้กระทั่งครอบครัวของเราเอง
ในปัจจุบันมีงานวิจัยหลากหลายจากทั่วทุกมุมโลกที่แสดงให้เห็นถึงภัยอันตรายจากควันบุหรี่ต่อทั้งคนที่สูบเองและคนรอบข้างที่ได้สูดดมควันบุหรี่มือสองเข้าไป แต่ทั้งหมดที่กล่าวมาก็ไม่ส่งผลมากพอที่จะยับยั้งการผลิตบุหรี่ได้ คนที่สูบบุหรี่ก็ยังคงสูบบุหรี่ต่อไป แล้วคุณเคยนึกสงสัยกันไหมว่าทั้งที่รู้ว่าบุหรี่ไม่ดี แต่ทำไมยังผลิตขึ้นมา? ทางเรา “วอทแฮปเพ่น” จะมาช่วยคลี่คลายความสงสัยนี้กันครับ
ชนเผ่าอินเดียแดงเป็นชนพื้นเมืองในทวีปอเมริกาเป็นกลุ่มแรกที่ใช้ใบยาสูบ แต่ไม่ได้ใช้เพื่อเป็นสารเสพติดเพื่อสูบเข้าร่างกาย แต่มีไว้ใช้เพื่อประกอบพิธีที่กับทางศาสนา ต่อมาชนพื้นเมืองบางกลุ่มได้นำใบไม้ชนิดหนึ่งมามวลและได้จุดไฟตอนปลายเพื่อจะได้สูบควันบุหรี่เข้าร่างกายจึงเป็นที่มาของการสูบบุหรี่
ปัจจุบันทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่าบุหรี่เป็นสิ่งที่ไม่ดี แต่แล้วทำไมบุหรี่ยังคงถูกผลิตอยู่? เรามีทฤษฎีที่น่าสนใจมานำเสนอ
1. เรื่องค่านิยมทางสังคม(บางกลุ่ม) ปฎิเสธไม่ได้ว่าในปัจจุบันยังมีคนบางกลุ่มที่สูบบุหรี่เพื่อเข้าสังคมโดยไม่คำนึงถึงผลเสียต่างๆทั้งร่างกายและอีกทั้งคนรอบข้างที่ได้รับผลกระทบจากควันบุหรี่
2. เพื่อเป็นการผ่อนคลายความเครียด ในบุหรี่มีสารชนิดหนึ่งมีชื่อว่า“นิโคติน” (nicotine) ซึ่งเป็นสารที่เมื่อร่างกายได้รับแล้วจะรู้สึกผ่อนคลายหรือใช้เป็นสารกระตุ้นเพื่อใช้ในการทำงาน คนบางกลุ่มกล่าวอ้างว่าเมื่อสูบบุหรี่แล้วจะมีแรงทำงานหรือบ้างก็อ้างว่าเมื่อสูบบุหรี่แล้วจะมีสมาธิในการทำงาน
3. ในอดีตบุหรี่ถูกโฆษณาสรรพคุณต่างๆผ่านทางโทรทัศน์ มีการแทรกซึมไปถึงภาพยนตร์ระดับ Hollywood หรือในมิวสิกวีดีโอต่างๆนอกจากนั้นในอดีตก็ยังไม่มีงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่าการสูบบุหรี่สามารถนำพามาซึ่งสารพัดโรคได้ การสูบบุหรี่จึงถูกมองว่าเป็นเรื่องปกติ
ในการที่จะร่างกฎหมายห้ามให้คนสูบบุหรี่ หรือ ทำให้การผลิตบุหรี่ผิดกฏหมายในประเทศที่บุหรี่ถูกกฎหมายตั้งแต่แรกแล้วเป็นเรื่องที่ยาก เพราะถ้าคิดในอีกด้าน จำนวนคนที่สูบบุหรี่ในแต่ละประเทศก็มีจำนวนมาก หากมีการกระทำดังกล่าวคนที่สูบบุหรี่ตั้งแต่แรกอยู่แล้วก็อาจจะออกมาเรียกร้องจนอาจส่งผลให้เกิดความซับซ้อนยุ่งยากในภายหลังได้ หรือในอีกกรณีหนึ่งอาจเกิดการผลิตหรือลักลอบส่งออกบุหรี่เถื่อนเหมือนเหตุการณ์การห้ามสุราในสหรัฐอเมริกา (Prohibition in the United States) ในช่วง ค.ศ.1920-1933 ดังนั้นรัฐก็ต้องออกมาแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนกว่าเดิม และแน่นอนว่ายังมีคนบางกลุ่มที่ได้รับผลประโยชน์จากการประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับใบยาสูบก็จะต้องได้รับผลกระทบต่อเนื่องตามไปกันด้วย
เพียงเท่านี้ทุกท่านอาจสังเกตเห็นผลเสียที่จะตามมาในภายหลังว่าถ้าหากมีการเลิกผลิตบุหรี่ อาจส่งผลเสียในหลายๆด้านทั้งภาครัฐและภาคเอกชน
ทั้งนี้เราไม่สนับสนุนให้เยาวชนหันมาสูบบุหรี่ในทุกกรณี
เรื่อง : จิรเวช จิ๋วเจริญ และ ชิษณุพงศ์ ปาลวัฒน์
ภาพ : จิรเวช จิ๋วเจริญ และ ชิษณุพงศ์ ปาลวัฒน์
อ้างอิงจาก: https://www.thaitobacco.or.th/th/2015/01/006812.html
- https://sites.google.com/site/tobaccotolife/history
- ความคิดเห็นจากกระทู้ใน https://www.pantip.com