ชีวิตวันวันของ Jame Evening ตอนที่ 33 (ทำไมความสดใสของชั้นถึงหายไป?)
สวัสดีวันพฤหัสบดีที่ 17 สิงหาคม 2566 เวลา 13:59 น ข้อวันนี้นะครับจะมาพูดถึงเรื่องว่าทำไมความสดใสของคนเราอ่ะครับถึงหายไปนะครับก็ตั้งแต่เกิดมาเนาะคือทุกคนเนี่ยจะมีความสดใสเป็นของตัวเองนะครับมีความร่าเริงมีความสนุกในชีวิตนะครับในตอนที่ยังเป็นเด็กหรือว่าตอนที่ยังแบบเบบี๋แเบเบาะก็แล้วแต่นะครับแต่ละคนนะครับคือทุกคนอาจจะมีความสดใส
มากแต่ทำไมอ่ะครับผมเวลาที่เวลาที่ผ่านไปเราเติบโตมากขึ้นแล้วทำไมความสดใสของเรามันถึงหายไปหรือว่ามันลดน้อยลงผมลองมาถามตัวเองดูนะครับว่าทำไมความสดใสของเรามันถึงหายไปล่ะเรื่องที่เราเคยทำแล้วมันสนุกทำไมมันถึงไม่สนุกเท่าเดิมเรื่องที่เราเคยทำแล้วเราหัวเราะทำไมเราไม่หัวเราะเรื่องที่เราทำแล้วยิ้มทำไมเราไม่ยิ้มอีกแล้วอ่ะทำไมหลายๆอย่างมันไม่เหมือนเดิมเลยความสดใสของเรามันหายไปไหน
ผมมาถามกับตัวเองนะครับในเรื่องเหล่านี้นะครับก็ในมุมมองของผมนะครับผมมองว่าเป็นเพราะการใช้ชีวิตประจำวันในแต่ละวันของเราครับซึ่งมันเกี่ยวโยงกับนิสัยของแต่ละบุคคลนะครับว่าบุคคลนั้นมีนิสัยเป็นแบบไหนถ้าสมมุติว่าเป็นนิสัยที่ชอบออกไปข้างนอกโอเคคุณก็ออกไปข้างนอกคุณถึงจะมีความสุขมีความสดใสมีความร่าเริงแต่ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบอยู่ในห้องคนเดียวเงียบๆคุณก็ต้องอยู่ในห้องคนเดียวเงียบคุณก็จะดูมีความสดใสดูมีความร่าเริงนะครับ
แต่ก็จะมีคนที่อยู่ระหว่างตรงกลางนะครับบางครั้งก็ชอบอยู่คนเดียวบางครั้งก็ชอบออกไปข้างนอกหรือบางคนเนี่ยก็อยากที่จะออกไปข้างนอกกับเพื่อนๆหรืออยู่ในห้องเงียบๆกับเพื่อนคนใดคนนึงที่แบบว่าเราสนิทมากๆไม่ว่าจะเป็นเพศเดียวกันหรือว่าจะเป็นเพศตรงข้ามก็แล้วแต่นะครับก็ความสดใสที่หายไปนะครับผมว่ามันเกิดจากการที่เราเนี่ยหมายถึงมนุษย์นะครับหรือโลกใบนี้ครับมันทำร้ายตัวเรา
หรือบางครั้งตัวเราเนี่ยก็ทำร้ายตัวเองครับใช่ไม่ผิดนะครับคำว่าทำร้ายตัวเองครับผมไม่ว่าจะเป็นการตัดเพราะว่าการพูดถึงตัวเองในส่วนที่ด้อยค่าลงส่วนที่ตัวเองดูไม่ดีส่วนที่ตัวเองดูไม่เด่นดูแย่หรือการที่มีคนอื่นมาบูลลี่เรามาพูดกลั่นแกล้งเรามาทำร้ายเราอะไรแบบนี้ครับมันคือการที่ทำให้ความสดใสของเราอ่ะครับมันค่อยๆลดน้อยลงไปโดยที่เราไม่รู้ตัว
และเรื่องต่อเนี่ยครับมันจะค่อยๆเปลี่ยนนิสัยเราไปโดยที่เราก็ไม่รู้ตัวอีกด้วยเหมือนกันยังไงนะครับก็อย่างสมมุตินะครับเราไปเจอคนที่เอ่อปากร้ายครับผมฝากไว้ที่นี้หมายความว่าเขาเป็นคนที่แบบว่าชอบพูดจาไม่ดีใส่กับเราเวลาที่เราโดนเข้ามาเยอะๆนะครับเราจะรู้สึกเศร้าเราจะรู้สึกแย่ถ้าเราเป็นคนที่ไม่ใช่ที่เก็บไว้คนเดียวอ่ะครับเราจะไปหาที่ระบายเราก็จะไปลงที่คนอื่นก็เป็นไปได้นะครับอันนี้ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ดีเลย
ก็คือการที่เรารับสิ่งไม่ดีจากคนอื่นมาแล้วเราต้องระบายมันออกแต่ว่าเราไประบายใส่คนอื่นทั้งๆที่ คนอื่นเขาก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องเหล่านี้นะครับอันนี้มันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะเข้าใจยากนิดนึงแต่ทุกคนคงจะคงเข้าใจแหละเพราะว่าทุกคนน่าจะเคยโดนมาเหมือนกันหมดกับการที่โดนพูดจาไม่ดีกับใครสักคนนึงไม่ว่าจะเป็นคนรู้จักหรือคนไม่รู้จักนะครับ
จะเป็นหัวหน้างานเพื่อร่วมงานคุณพ่อคุณแม่พี่ชายน้องสาวเพื่อนสนิทอะไรก็ตามนะครับผมว่าทุกคนต้องเคยเจอกับการที่เราโดนพูดจาไม่ดีใส่ซึ่งบางครั้งเราจะกลับมาคิดไหมหรือว่าเราจะปล่อยมันผ่านไปอันนี้ก็ขึ้นอยู่กับตัวเราได้เหมือนกันนะครับเพื่อที่จะให้ตัวเราเนี่ยครับยังคงอยู่อ่ะครับยังคงว่าเราอ่ะยังแบบเป็นตัวของตัวเราโดยที่เราอ่ะยังไม่ได้โดนสิ่งๆนั้นทำให้เราอ่ะเปลี่ยนไป
แล้วทำให้ความสดใสของเราครับมันหายไปหรือว่าลดน้อยลงทุกๆครั้งที่เราเจอเรื่องที่ไม่ดีกับตัวเราอ่ะครับเราจะทำให้ความสดใสของเรามันลดน้อยลงถามว่าทำไมมันถึงลดน้อยลงเพราะว่าความสดใสอ่ะมันเกี่ยวข้องกับความสุขครับการที่คุณมีความสุขน้อยลงคราวนี้คุณยิ้มน้อยลงหัวเราะน้อยลงมันบ่งบอกได้ถึงคำว่าคุณมีความสุขน้อยลงครับซึ่งความสุขตัวเนี้ยมันเกี่ยวข้องกับความสดใส
เมื่อคุณมีความสุขน้อยลงความสดใสของคุณก็จะน้อยลงตามไปด้วยแล้วถามว่าเราจะรักษาความสุขของเราไว้ได้ยังไงอ่ะในเมื่อเราต้องเจอกับสิ่งที่โหดร้ายหรือแบบว่าสิ่งที่เราไม่อยากเจอในแต่ละวันนะครับถามถึงพูดในความเป็นจริงก็คือเราต้องหลีกเลี่ยงหรือหลีกหนีให้เป็นครับเราต้องพยายามที่จะปกป้องตัวเองบ้างพยายามที่จะปฏิเสธอะไรบางอย่างพยายามที่จะรักษาตัวเองไว้นะครับพยายามที่จะบอกเขาว่าเราไม่ชอบแบบนี้เราไม่ชอบแบบนั้นได้โปรดอย่ามาทำแบบนี้กับเราเราไม่ชอบอันนี้
คือสิ่งที่เราควรจะกล้าที่จะบอกออกไปนะครับว่าเราเนี่ยไม่ชอบแบบนั้นและเราก็ไม่ได้อยากเป็นเหมือนคุณด้วยไม่ได้อยากจะเป็นนิสัยที่แบบคนที่พูดจาไม่ดีอันนี้คือผมยกตัวอย่างในกรณีเดียวนะครับก็คือการพูดจาไม่ดีใส่กันเองอันนี้คือสิ่งที่เราไม่อยากเป็นแบบเขานะครับเพราะฉะนั้นเราก็ต้องพยายามหลีกหนีออกจากสภาพแวดล้อมแบบนั้นนะครับออกมาให้ได้ถ้าเราหลีกหนีออกมาไม่ได้ถ้างั้นเราต้องพยายามปรับที่ตัวเราเองครับ
หลายคนก็คงสงสัยนะครับว่าเอ้าทำไมถึงมาปรับที่ตัวเราเองไม่ไปปรับที่คนอื่นในเมื่อคนอื่นเขาพูดจาไม่ดีใส่เราก่อนเราก็ต้องให้คนอื่นเขาปรับตัวสิตรงนี้ครับผมเราไม่สามารถปรับคนอื่นได้ครับเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงคนอื่นได้คนๆนั้นเขาต้องเปลี่ยนแปลงด้วยตัวของเขาเองครับซึ่งกว่าเขาจะเปลี่ยนแปลงตัวของเขาเองครับมันต้องใช้เวลาค่อนข้างนานมากแล้วมันต้องใช้ความอดทนของคุณซึ่งมันนานมากซึ่งมันเป็นวิธีที่ผมที่ไม่แนะนำที่สุดถ้าให้เลือกนะครับให้เลือกระหว่างหลีกหนีมันออกมาหรือไม่ก็ปรับสภาพจิตใจของเรานะครับให้สามารถอยู่กับสภาพแวดล้อมแบบนั้นได้ยังไงนะครับก็โดยการที่เราปล่อยผ่านมันไปในๆเรื่องปล่อยผ่านให้ชีวิตมันได้ดำเนินไปโดยที่เราไม่ต้องคิดมากนะครับผมก็ฟังดูเหมือนง่ายแต่ก็อยากให้ลองทำดูนะครับลองทำดูนะครับก็ยังไงเดี๋ยวไว้เจอกันใหม่ตอนที่ 34 ครับขอบคุณครับ