2 ข้อที่ควรรู้เบื้องต้นในเกมทางการเงิน
การเข้าใจโลกทางการเงินช่วยให้เราวางแผนการเงินได้อย่างมีเสถียรภาพ รวมถึงการปรับตัวเมื่อเกิดสถานการณ์ทางการเงินที่ไม่คาดคิด ที่สำคัญเพราะการเงินมีผลต่อคุณภาพชีวิตของเราและครอบครัว การเรียนรู้เกี่ยวกับการออมเงิน ลงทุน การบริหารหนี้ และการวางแผนเงินเพื่อรับมือกับวันที่ไม่คาดคิดเป็นสิ่งสำคัญในการอยู่รอดในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
1. การออมเงินและการบริหารเงินในปัจจุบัน
- เมื่อพูดถึงการออมเงิน สำหรับคนบางกลุ่มที่ทำงานใช้ทักษะอาจเป็นเรื่องง่าย รายได้สูงมากกว่าค่าเฉลี่ย การแบ่งเงินมาออมสามารถทำได้สบาย ๆ แต่สำหรับผู้คนที่ทำงานแบบไม่ใช้ทักษะ ที่ได้รับรายได้เป็นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท การจะออมเงินให้ได้เพียง 10% ของรายได้ถือว่าเป็นเรื่องที่ยาก เพียงแค่ค่าใช้จ่ายต่อวัน ก็แทบจะติดลบ บางคนต้องทำงานมากเกินกว่า 12 ชั่วโมงเพื่อเพิ่มรายได้ให้มากขึ้น บางคนมีภาระที่ต้องรับผิดชอบทั้งต่อพ่อแม่ ครอบครัว ฯลฯ
- สิ่งที่เราอยากจะบอกคือ การเริ่มต้นออมเงิน ไม่ว่าจะเป็นจำนวนเท่าไร เป็นเรื่องที่ดีเสมอ คุณจะเริ่มสร้างนิสัยการออมและบริหารเงินเพื่อจะใช้จ่ายมากขึ้น เป็นขั้นแรกที่จะสร้างความมั่นคั่งทางการเงิน เพราะมันเป็นหลักประกันเดียวที่ทำให้คนธรรมดาทั่วไป มีโอกาสมากขึ้นที่จะขยับลำดับชั้นทางสังคมได้(อ่านต่อที่ ข้อ 2)
- แต่มีอยู่ 1 อย่างที่เป็นปัญหาสำหรับการออมเงิน คือ เงินเฟ้อ มันเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อเงินออมที่หลาย ๆ คนไม่รู้ อยากให้ลองคิดภาพง่าย ๆ ประมาณว่า ถ้าคุณมีเงิน 100 บาท ในปี 2565 คุณซื้อสินค้า x ได้ถึง 3 ชิ้น พอมาในปี 2565 คุณใช้เงินจำนวน 100 บาทเท่าเดิม แต่ซื้อสินค้า x ได้แค่ 2 ชิ้น มันเกิดอะไรขึ้น? สินค้ามันแพงขึ้นจริงหรือเปล่า? หรือจริงๆแล้ว หน่วยของเงินที่ใช้อยู่มันมีอำนาจในการซื้อน้อยลง จากการอีดฉีดปริมาณเงินเข้ามาในระบบทั้งที่มูลค่าทางเศรษฐกิจไม่ได้เติบโตขนาดนั้น เมื่อ 20 ปีก่อน เงิน 200,000 บาท มันเป็นจำนวนเงินที่เยอะมาก มีค่ามากพอจะเลี้ยงลูกสักคนจนเรียนจบตามเกณฑ์ก็ทำได้ไม่ยาก แต่ในปัจจุบันเงินก้อนเดียวกันแทบจะทำอะไรได้ไม่มากเลย
- เวลาเกิดเงินเฟ้อประโยชน์จึงตกกับคนส่วนน้อยที่อยู่ใกล้คนมีอำนาจในการอนุมัติงบประมาณเท่านั้น แต่คนส่วนใหญ่ที่ทำงานรับเงินเดือนหรือคนที่ทำงานรายวันจัเสียผลประโยชน์เต็ม ๆ เพราะว่า เงินที่คุณออมหรือฝากกินดอกเบี้ยอยู่ มันไม่ได้เติบโตทันเงินเฟ้อในระบบ เราจะกลายเป็นผู้แพ้ในเกมทางการเงิน ตั้งแต่เรายังไม่ทันได้เริ่มทำอะไรเลย
2. การลงทุน
- เราจะมาทำความเข้าใจกันว่า เมื่อมีเงินออมแล้ว ทำไมต้องแบ่งเงินมาลงทุน? ถ้าตอบแบบง่าย ๆ คือ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่มากกว่าการเก็บเงินไว้เฉย ๆ การเก็บเงินไว้นิ่ง ๆ ใส่กระปุกออมสิน ไม่สามารถทำให้เงินมักเพิ่มขึ้นได้ แต่ถ้าเราลองมาพิจารณาดี ๆ แท้ที่จริงแล้วการลงทุนไม่ใช่แค่สร้างผลตอบแทนที่มากขึ้นให้เรา ทำให้เรามีเงินมากขึ้น อย่างที่หลาย ๆ คนเคยได้ยินคำว่า "ให้เงินทำงานแทนเรา เอาเงินไปสร้างเงินต่อ" แต่มันเป็นการลดผลกระทบของเงินเฟ้อ เพื่อให้อำนาจในการซื้อมันเท่าเดิมหรือมากกว่านั้นเอง แน่นอนว่าเรื่องการลงทุน คุณอาจจะต้องเป็นคนหาข้อมูลศึกษาด้วยตัวเอง และเลือกให้เหมาะสมดับความเสี่ยงของตัวคุณเอง
- ไม่ใช่ว่าทุกคนที่ลงทุนจะมีแต่กำไรเสมอไป ยิ่งคุณมีเงินมาก คุณจะยิ่งได้รับผลตอบแทนได้มากกว่าคนที่มีเงินน้อยกว่าเสมอและแทบไม่มีความเสี่ยงมาก แต่สำหรับคนที่มีเงินน้อยกว่ายิ่งจะต้องเสี่ยงมากขึ้นเพื่อผลตอบแทนที่มากขึ้น
- หากคุณเคยเห็นหรือเคยอ่าน รายงานทรัพย์สินของคนรวยอันดับ top 10 ในประเทศไทย จะพบว่า ส่วนใหญ่เขาแทบไม่ออมเงินเก็บเป็นเงินสดเลย เงินสดเขามีไว้ใช้จ่ายเท่านั้น เขาเลือกที่จะเปลี่ยนเงินสดเป็นสินทรัพย์ เช่น ที่ดิน หุ้น อสังหาฯ ทองคำ เป็นต้น นั่นเป็นเพราะสินทรัพย์พวกนี้รักษามูลค่าได้ดีกว่าเงินสดนั่นเอง บางประเภทมีการเติมโตที่สูง บางประเภทนำไปใช้ประโยชน์ได้นั่นเอง
หากคุณอ่านมาถึงตรงคุณจะเริ่มพอเห็นภาพกว้างๆ แล้วว่าแท้ที่จริงแล้ว ไม่ว่าคุณจะทำงานอาชีพอะไร เงินเดือนเท่าไหร่ สุดท้ายแล้วเราอยู่ในเกมทางการเงินเดียวกันทุกคน และมันส่งผลต่อคนทุกคนเท่ากัน อยู่ที่ว่าเราจะเข้าใจ สามารถเอาตัวรอดได้ทันและไม่ทันเท่านั้น หากคุณจะเลือกเก็บเงินไว้นิ่ง ๆ หรือฝากไว้ในธนาคารกินดอกเบี้ยต่ำ เวลายิ่งผ่านไปมากเท่าไร อำนาจในการซื้อของเงินที่คุณมีจะน้อยลงไปมากขึ้น คุณจึงต้องทำทุกทางเพื่อมีรายได้ที่มากขึ้น หรือลงทุนเพื่อให้มีอัตราการเติบโตมากกว่าอัตราเงินเฟ้ออยู่เสมอ เพื่อเอาชนะเกมแรกนี้ ต่อให้เราทำได้ เราก็เพียงแค่พ้นผิวน้ำเท่านั้นเอง