หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ความเป็นมาของช็อกโกแลต

โพสท์โดย RedPanda

        เมื่อพวกเราส่วนใหญ่ ได้ยินคำว่าช็อกโกแลต อาจทำให้นึกถึงภาพ ของแท่งลูกกวาดแสนหวาน หรือว่าเคลือบอยู่บนขนม หรือไม่ ก็ใช้สำหรับผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ต่างๆ แต่ว่าช็อกโกแลตในปัจจุบัน มันไม่ได้เหมือนกับช็อกโกแลตในอดีต ตลอดประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่ของช็อกโกแลต มันเป็นเครื่องดื่มมีรสขม ที่ได้รับการยกย่อง  และน้ำตาลก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับมันเลย

     ช็อคโกแลต ทำมาจากผลของต้นคาเคา ที่ผ่านการแปรรูป ซึ่งมีถิ่นกำเนิด ในแถบอเมริกากลางและอเมริกาใต้ ผลของต้นคาเคา จะเรียกว่าฝัก แล้วแต่ละฝัก ก็จะมีเมล็ดคาเคาอยู่ประมาณ 30 ถึง40 เม็ด ยังไม่เป็นที่แน่ชัด ว่าใครเป็นผู้ปลูกต้นคาเคา นักโบราณคดี ได้ค้นพบร่องรอยของโกโก้ที่เก่าแก่ที่สุด ในเครื่องปั้นดินเผา ที่ใช้ในวัฒนธรรม Mayo Chinchipe โบราณ เมื่อประมาณ 5,300 ปีก่อน ในแถบอเมซอนตอนบนของเอกวาดอร์  Hayes Lavis ภัณฑารักษ์ศิลปะวัฒนธรรม จากพิพิธภัณฑ์อเมริกันอินเดียนแห่งชาติสมิธโซเนียน กล่าวว่า หม้อและภาชนะ ของชาว Olmec โบราณ ที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ในแถบตอนกลางของเม็กซิโก ตั้งแต่ราว 1500 ปีก่อนคริสตกาล  ถูกค้นพบโดยมีสาร  Theobromine  ซึ่งเป็นสารกระตุ้น ที่พบในช็อกโกแลตและชา โดยคิดว่าชาว Olmec ใช้เมล็ดคาเคาเพื่อทำเครื่องดื่มตามพิธีกรรม แต่อย่างไรก็ตาม  เนื่องจากพวกเขา ไม่มีประวัติเป็นลายลักษณ์อักษร ความคิดเห็นจึงแตกต่างกันว่าพวกเขา  ใช้เมล็ดคาเคาในการปรุง หรือใช้เพียงแค่เนื้อของฝักคาเคาเท่านั้น 

        ชาว Olmec ถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับช็อกโกแลต  ไปยังชาว Mayan ในอเมริกากลางอย่างไม่ต้องสงสัย ที่ไม่เพียงแต่ใช้บริโภคเท่านั้น แต่ยังเคารพในสิ่งนี้ด้วย ประวัติศาสตร์ที่เป็นลายลักษณ์อักษร ของชาว Mayan  กล่าวถึงเครื่องดื่มช็อกโกแลต ที่ใช้ในงานเฉลิมฉลอง และเพื่อทำพิธีกรรมที่สำคัญ  เป็นเครื่องบรรณาการ  และเพื่อการรักษาโรค แม้ว่าช็อกโกแลต จะมีความสำคัญในวัฒนธรรมของชาว Mayan แต่ก็ไม่ได้สงวนไว้สำหรับคนร่ำรวยหรือมีอำนาจ  แต่มีให้เกือบทุกคน  ในครัวเรือนของชาว Mayan เกือบทุกมื้อ จะรับประทานช็อกโกแลต เครื่องดื่มช็อกโกแลตมายัน มีฟองที่หนา และมักผสมกับพริกหรือน้ำผึ้ง ส่วนเมล็ดคาเคา ถูกใช้เป็นสกุลเงิน ซื้ออะไรก็ได้ ตั้งแต่อะโวคาโด ไก่งวง ไปจนถึงเซ็กส์

      ช่วงปี 1400 จักรวรรดิ Aztec เข้ายึดครองพื้นที่ Mesoamerica เป็นส่วนใหญ่ ชาว Aztec ไม่ได้ปลูกต้นคาเคาด้วยตนเอง จึงต้องนำเข้ามา ทุกพื้นที่ที่ชาว Aztec ยึดครอง ที่ปลูกต้นคาเคา จะได้รับคำสั่ง ให้จ่ายเป็นภาษี หรือที่ชาว Aztecเรียกมันว่า เครื่องบรรณาการ ชาว Aztec ให้ค่าเครื่องดื่มช็อคโกแลตไปอีกระดับหนึ่ง พวกเขาเชื่อว่าช็อคโกแลต มีความเชื่อมโยงกับพระเจ้าของพวกเขา พวกเขาเพลิดเพลินกับเครื่องดื่มช็อกโกแลต รสเผ็ดร้อนหรือเย็น ผสมคาเฟอีนในภาชนะที่หรูหรา และพวกเขายังใช้เมล็ดคาเคาแทนเงิน ในการซื้อขายอาหารและสินค้าอื่นๆ 

      ในวัฒนธรรม Aztec เมล็ดคาเคาถือว่ามีค่ามาก เครื่องดื่มช็อคโกแลต ในสังคม Aztec ส่วนใหญ่ เป็นความฟุ่มเฟือยของชนชั้นสูง แม้ว่าชนชั้นล่างจะชอบมัน แต่ก็ใช้เป็นครั้งคราว ในงานแต่งงาน หรืองานเฉลิมฉลองอื่น ๆ  บางทีคนที่รักช็อกโกแลต สำหรับชาว Aztec ที่โด่งดังที่สุด คงเป็นผู้ปกครอง Aztec นามว่า Montezuma ที่ 2 ผู้ยิ่งใหญ่ ที่ชื่นชอบการดื่มช็อกโกแลต เพื่อเพิ่มพลังและเป็นยาโป๋ว นอกจากนี้ยังกล่าวว่า เขาสงวนเมล็ดคาเคาบางส่วน ไว้สำหรับกองทัพอีกด้วย 

       มีบันทึกที่ยังขัดแย้งกันอยู่ว่า ช็อกโกแลตเข้ามาถึงยุโรปเมื่อใด แม้จะเข้าใจกันว่า มาถึงสเปนเป็นที่แรก  เรื่องราวหนึ่งกล่าวว่า Christopher Columbus ค้นพบเมล็ดคาเคา หลังจากการเข้าสกัดกั้นเรือแคนูพื้นเมือง ขนสินค้าขนาดใหญ่ลำหนึ่ง ที่กำลังจะเดินทางไปอเมริกา และเขาได้นำเมล็ดคาเคา กลับไปสเปนพร้อมกับเขา ในปี 1502 อีกเรื่องหนึ่งระบุว่า Hernan Cortes ผู้พิชิต ชาวสเปน ได้รับการแนะนำให้รู้จักกับช็อกโกแลต โดย Montezuma  กษัตริย์แห่ง แอซเท็ก หลังจากกลับมาถึงสเปน พร้อมกับเมล็ดคาเคา เขาเก็บความรู้เรื่องช็อกโกแลตไว้เป็นความลับ 

       ไม่ว่าช็อกโกแลตจะไปที่สเปนได้อย่างไร ในช่วงปลายทศวรรษ 1500 ช็อกโกแลตก็เป็นที่ชื่นชอบของราชสำนักสเปน ในช่วงแรก มักถูกใช้เป็นยา แต่รสขม ผู้คนจึงพยายามทำให้หวาน ดังนั้นเลยเพิ่มน้ำตาล วานิลลาหรือน้ำผึ้ง สิ่งนี้ทำให้มันอร่อยมาก ซึ่งบรรดาขุนนาง นิยมบริโภคช็อกโกแลตนี้เป็นยาอายุวัฒนะ ที่มีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพ และสเปนก็เริ่มนำเข้าเมล็ดคาเคา ในช่วงปี 1585 เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ ในยุโรป เช่น อิตาลีและฝรั่งเศส ได้ไปเยือนบางส่วนของอเมริกากลาง  พวกเขายังได้เรียนรู้เกี่ยวกับช็อกโกแลต  และนำเมล็ดคาเคากลับประเทศของตน ในไม่ช้า ความคลั่งไคล้ช็อกโกแลต  ก็แพร่กระจายไปทั่วยุโรป  ความนิยมทำไร่เมล็ดคาเคา สำหรับทำช็อกโกแลตเพิ่มสูงขึ้น และมีการใช้แรงงานทาสจำนวนมาก ทำงานในอุตสาหกรรมนี้

       ช็อคโกแลตยังคงเป็นเครื่องดื่ม ของชนชั้นสูงในยุโรป ไม่มีบ้านของชนชั้นสูงใด ที่จะสมบูรณ์แบบได้หากปราศจากช็อคโกแลต ช็อกโกแลตยังคงถูกผลิตขึ้นด้วยมือ ซึ่งเป็นกระบวนการที่ช้าและลำบาก แต่เมื่อการปฏิวัติอุตสาหกรรมใกล้เข้ามา  สิ่งต่างๆ ก็เริ่มเปลี่ยนไป ปี 1729 เครื่องบดเมล็ดคาเคาแบบกลไกเครื่องแรก ถูกประดิษฐ์ขึ้นในเมืองบริสตอล สหราชอาณาจักร โดย Walter Churchman เขายื่นคำร้องถึงกษัตริย์จอร์จที่ 2แห่งอังกฤษ เพื่อขอจดสิทธิบัตร ต่อมาสิทธิบัตรนี้ถูกซื้อโดย JS Fry & Sons ในปี 1761  ในปี 1760 The Chocolaterie Lombart อ้างว่าเป็นบริษัทช็อกโกแลตแห่งแรกในฝรั่งเศส  ในปี 1815 Coenraad van Houten จากอัมสเตอร์ดัม คือคนที่เปลี่ยนเกม เขาใส่ alkaline salts ในช็อกโกแลต ซึ่งช่วยลดความขมของช็อกโกแลตลง ต่อมาในปี 1828  เขาคิดค้นเครื่อง cocoa press ซึ่งสามารถแยกไขมันหรือเนยโกโก้ ออกจากเมล็ดคาเคา โดยเปลี่ยนเป็นผงโกโก้ละเอียดไว้ สามารถนำไปผสมกับของเหลวและ ส่วนผสมอื่นๆ 

       เครื่องบดเมล็ดคาเคา ทำให้เกิดยุคช็อกโกแลตสมัยใหม่ โดยทำให้เปลี่ยนเป็นผงโกโก้ สามารถใช้เป็นส่วนผสมของขนมได้ วิธีนี้ทำให้ช็อกโกแลตผลิตได้ในปริมาณมาก ซึ่งทำให้ราคาถูกลง และผู้คนทั่วไป สามารถซื้อและเพลิดเพลินกับช็อกโกแลตได้ ในปี 1847 บริษัทช็อกโกแลตของอังกฤษ JS Fry & Sons  ได้ผลิตช็อกโกแลตแท่งที่รับประทานได้เป็นครั้งแรก จากเนยโกโก้ ผงโกโก้ และน้ำตาล ปี 1854  บริษัทช็อกโกแลต Cadbury ซึ่งได้รับเครดิตว่าเป็น ผู้บุกเบิกไอเดียช็อคโกแลตวันวาเลนไทน์ และช็อคโกแลตไข่อีสเตอร์ ได้รับสิทธิ์ผลิตและจัดส่งช็อคโกแลต  สำหรับสมเด็จพระราชินีวิกตอเรีย จนกระทั่งในปี 1919 มีการควบรวมกิจการระหว่าง Cadburyและ JS Fry & Sons

       ในปี 1875 Daniel Peter นักช็อกโกแลตชาวสวิส ใช้นมผงที่พัฒนาขึ้นเมื่อหลายปีก่อน โดย Henri Nestle  เพื่อนบ้านของเขา เพื่อผลิตช็อกโกแล็ตนมแท่งขึ้นครั้งแรก อีก 4 ปีต่อมา ในปี 1879 ทั้ง 2 คน ได้ร่วมมือกันก่อตั้งบริษัทเนสท์เล่ จนในที่สุด ก็กลายเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรม การทำขนมจากยุโรปที่ใหญ่ที่สุด ในปี 1879 นักประดิษฐ์ช็อกโกแลตชาวสวิสอีกคนนึง นามว่า Rodolphe Lindt ได้ประดิษฐ์เครื่อง conching machine  และกระบวนการผลิตอื่นๆ เพื่อปรับปรุงคุณภาพของช็อกโกแลต ต่อมาในปี 1899  เขาได้ขายโรงงานของเขาและสูตรในการทำธุรกิจให้กับ Lindt & Sprungli AG โดยชื่อในการซื้อขายคือ Chocoladefabriken Lindt & Sprungli AG

        ปี 1893 Milton S. Hershey ได้ซื้ออุปกรณ์การแปรรูปช็อกโกแลต ในงาน World's Columbian Exposition ที่ชิคาโก้ และในไม่ช้าก็เริ่มอาชีพช็อกโกแลตของเฮอร์ชีย์ด้วยคาราเมลเคลือบช็อกโกแลต ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19  และต้นศตวรรษที่ 20 บริษัทช็อกโกแลต เช่น Cadbury, Mars, Nestle และ Hershey ได้ผลิตช็อกโกแลตจำนวนมาก เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้น สำหรับผู้ที่ชื่นชอบขนมหวาน คาเคาประมาณสองในสามของโลก เพาะปลูกอยู่ในแอฟริกาตะวันตก โดยที่มี ไอวอรี่โคสต์  เป็นแหล่งเพาะปลูกที่ใหญ่ที่สุด ส่วนประเทศอื่นๆ อย่าง กานา ไนจีเรียและแคเมอรูน ก็ติดอยู่ในระดับ ท็อป ของกลุ่มประเทศที่เพาะปลูกคาเคามากที่สุดในโลก

 

 

 
   










โพสท์โดย: RedPanda
อ้างอิงจาก: wikipedia, History.com, smithsonianmag.com
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
RedPanda's profile


โพสท์โดย: RedPanda
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
อันตราย 4 โรคต้องห้ามกินทุเรียน..!หนุ่มต่างชาติสุดน่ารัก และอารมณ์ดี..พากันใส่ชุดไทยสตรีเดินชิลเที่ยววัดอรุณฯปลัดทรงสืบ แฝงนั่งชิลล์อยู่ริมหาดจอมเทียน เจอเหตุรัวปืน"พชร์ อานนท์" ฟาดกลับทันที..หลังมีคนแซะให้เลิกทำหนัง เพราะหมดยุคแล้วหล่อฮังก้วย " หวานกว่าน้ำตาล 150 - 200 เท่า "เที่ยวตามรอย "พี่จอง-คัลแลน" เห็นหมีบุกเต็นท์..เกือบเผ่นไม่ทันแล้วสุดเวทนา ยายเก็บปลาเน่า เอาไปเลี้ยงหลาน 3 คนเขื่อนศรีนครินทร์นักท่องเที่ยวจมน้ำจุดเดียวกับน้องมาวิน ปี65เมื่อทาสซื้อเตียงนอนใหม่ให้เจ้าเหมียว แต่ไม่สอนวิธีการใช้งาน เตียงรุ่นนี้ใช้แล้วปวดคอไปหน่อยนะ
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
หนุ่มไรเดอร์วางเท้าพาดบนร้านค้า! แม่ค้าบอกดีๆให้เอาเท้าลง ก็ยังมีพฤติกรรมเหมือนเดิม?ชาวเน็ตฮือฮา! ขายที่ดินพร้อมบ้าน 200 ล้าน ติดวิวสภาสัปปายะสภาสถานสุดเท่ครูไพบูลย์เจ้าของค่ายเพลงจ้วดจ้าดโชว์อวดหุ่นสุดเท่รับรองงานนี้สาวๆมีกรี๊ดดดดแต่ก็มีคนบางกลุ่มแซวหุ่นเอาซะเขินกันเลยทีเดียวตำรวจมะกันจับนศ.จำนวนมาก หลังประท้วงหนุนปาเลสไตน์
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
ไขข้อสงสัยทำไมชาวแอฟริกาถึงไม่เชื่อเรื่องผีและไม่คิดว่ามีจริง!5 เทคนิคลับเฉพาะของเครื่องสำอางแรงงานหญิงบนรถไฟของสหรัฐฯ ในปี 1943การฝึกทหารสหรัฐฯ ที่ฐานทัพทหารในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง
ตั้งกระทู้ใหม่