"โลกใบนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ตามหลักพระพุทธศาสนา"
คนไทยโบราณก็ไม่ต่างไปจากเราเท่าไหร่ พวกเขาต่างก็เคยสงสัยในความลับนี้ และได้ส่งต่อแนวคิดเกี่ยวกับการกำเนิดของสรรพสิ่งได้อย่างพิสดาร และน่าอัศจรรย์ใจ
เพราะ ‘อยาก’ จึงเกิดจักรวาล
ตามคติพุทธเล่าว่า ก่อนที่จะมาเป็นจักรวาลอย่างที่เราเห็น จักรวาลนี้เต็มไปด้วย ‘น้ำ’ มีความมืดมนอนธการจนไม่สามารถมองเห็นสิ่งใดได้
ณ เวลานั้น จักรวาลยังไม่มีดวงอาทิตย์ ไม่มีดวงจันทร์ หรือหมู่ดาวน้อยใหญ่ มีเพียง ‘สัตว์’ จำพวกหนึ่งอาศัยอยู่ในภพที่เรียกว่า ‘อาภัสสรพรหม’ สัตว์นั้นมีรัศมีเรืองรอง ไม่มีเพศ สามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ มีวิมานวิจิตรตระการเป็นที่พำนัก และมีอายุขัยยาวนาน
เมื่อสัตว์จุติลง (ตาย) ก็ได้ท่องเที่ยวไปมาในอากาศ แต่ยังมีวิมานและรัศมีเรืองรองออกจากกาย ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับโลกเก่าพินาศลง และกำลังค่อยๆ ฟื้นฟูขึ้นใหม่ พร้อมกับการปรากฏขึ้นของ “ง้วนดิน”
ง้วนดินที่ว่ามีลักษณะคล้ายเนยข้นหรือเนยใสอย่างดี มีกลิ่นหวานหอม และรสชาติยั่วยวน สัตว์ที่เพิ่งจุติจึงลิ้มลองง้วนดินนั้น พอได้ชิมก็เกิดความอยาก พยายามจะกินมากขึ้น จากนั้นรัศมีที่เรืองรองรอบกายก็หายไป
ด้วยเหตุนี้ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ กลางวัน กลางคืน และฤดูกาลจึงปรากฏ
นี่คืออธิบายจุดเริ่มต้นของจักรวาลในคติพุทธ ที่สรุปได้ว่าจักรวาลถือกำเนิดจากความอยาก
"มนุษย์ คือผู้ที่จะทำให้ทุกอย่างเสื่อมถอย"
©ulture
โลกนี้มาจากไหน? จักรวาลวิทยาตามคติพุทธ
author : ใบบุญ วจนอักษร
16 November 2018
View 41668
Share on
“โลกนี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร?” เป็นคำถามที่หลายคนสงสัย ยามแหงนหน้ามองฟ้าที่มีหมู่ดาวนับพัน
คนไทยโบราณก็ไม่ต่างไปจากเราเท่าไหร่ พวกเขาต่างก็เคยสงสัยในความลับนี้ และได้ส่งต่อแนวคิดเกี่ยวกับการกำเนิดของสรรพสิ่งได้อย่างพิสดาร และน่าอัศจรรย์ใจ
เพราะ ‘อยาก’ จึงเกิดจักรวาล
ตามคติพุทธเล่าว่า ก่อนที่จะมาเป็นจักรวาลอย่างที่เราเห็น จักรวาลนี้เต็มไปด้วย ‘น้ำ’ มีความมืดมนอนธการจนไม่สามารถมองเห็นสิ่งใดได้
ณ เวลานั้น จักรวาลยังไม่มีดวงอาทิตย์ ไม่มีดวงจันทร์ หรือหมู่ดาวน้อยใหญ่ มีเพียง ‘สัตว์’ จำพวกหนึ่งอาศัยอยู่ในภพที่เรียกว่า ‘อาภัสสรพรหม’ สัตว์นั้นมีรัศมีเรืองรอง ไม่มีเพศ สามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ มีวิมานวิจิตรตระการเป็นที่พำนัก และมีอายุขัยยาวนาน
จักรวาลวิทยา พุทธศาสนา
สัตว์ในชั้นอาภัสสรพรหม ภาพจากหนังสือ สมุดภาพไตรภูมิบุราณ ฉบับกรุงธนบุรี
เมื่อสัตว์จุติลง (ตาย) ก็ได้ท่องเที่ยวไปมาในอากาศ แต่ยังมีวิมานและรัศมีเรืองรองออกจากกาย ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับโลกเก่าพินาศลง และกำลังค่อยๆ ฟื้นฟูขึ้นใหม่ พร้อมกับการปรากฏขึ้นของ “ง้วนดิน”
ง้วนดินที่ว่ามีลักษณะคล้ายเนยข้นหรือเนยใสอย่างดี มีกลิ่นหวานหอม และรสชาติยั่วยวน สัตว์ที่เพิ่งจุติจึงลิ้มลองง้วนดินนั้น พอได้ชิมก็เกิดความอยาก พยายามจะกินมากขึ้น จากนั้นรัศมีที่เรืองรองรอบกายก็หายไป
ด้วยเหตุนี้ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ กลางวัน กลางคืน และฤดูกาลจึงปรากฏ
นี่คืออธิบายจุดเริ่มต้นของจักรวาลในคติพุทธ ที่สรุปได้ว่าจักรวาลถือกำเนิดจากความอยาก
‘มนุษย์’ ผลผลิตของความเสื่อมถอย
หลังจากสูญเสียรัศมีจากกาย สัตว์เหล่านั้นยังคงเพลิดเพลินกับการกินง้วนดินอย่างต่อเนื่อง จน “กายหยาบ” เริ่มปรากฏ มีผิวพรรณงามบ้าง ไม่งามบ้าง และเกิดการดูหมิ่นเหยียดหยามกัน
ความทะนงในผิวพรรณ ทำให้ง้วนดินหายไป เกิดเป็นอาหารทิพย์ชนิดใหม่ที่มีความหยาบมากขึ้นตามลำดับ พร้อมกับความต่างของผิวพรรณและความเกลียดชังที่เพิ่มขึ้น
จนถึงลำดับสุดท้ายคือ “ข้าวสาลี” ซึ่งเป็นต้นข้าวทิพย์ ไม่มีเปลือก ไม่มีแกลบ ไม่มีรำ และเมื่อถูกเก็บเกี่ยว ก็จะงอกกลับคืนใหม่อีกครั้ง
…พร้อมกันนั้น เพศหญิงชายก็ปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรก แรงดึงดูดระหว่างเพศทำให้สัตว์เหล่านั้นเกิดกำหนัด และลักลอบเสพเมถุนตามมา
แรกเริ่ม การเสพเมถุนถือเป็นการกระทำที่ชั่วร้าย แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป เหล่าสัตว์เสพเมถุนกันมากขึ้น จนกลายเป็นเรื่องปกติสามัญ และสัตว์เหล่านั้นก็เริ่มสร้างบ้านเรือนเพื่อปิดบังกิจกรรมดังกล่าวเพื่อไม่ให้เป็นที่อุจาดตา
เมื่อมีบ้านเรือนอยู่อาศัย ความขี้เกียจก็ตามมา เริ่มมีการกักตุนอาหาร จากที่กักตุนวันต่อวัน ก็กลายเป็นสะสมนานวันขึ้น จนในที่สุดข้าวสาลีทิพย์ที่งอกได้เอง ก็ไม่งอกขึ้นมาใหม่ ทำให้เหล่าสัตว์ต้องเพาะปลูกเอง
เวลาต่อมาสัตว์จำพวกมนุษย์ก็เกิดขึ้น
-จักรวาลของเรากว้างแค่ไหน
ซึ่งตามคติพุทธ ‘จักรวาล’ จะหมายถึง ขอบเขตที่พระอาทิตย์และพระจันทร์สามารถโคจรหรือเปล่งแสงไปถึง ถ้าจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพ ก็น่าจะมีขนาดใกล้เคียงกับอาณาเขตของระบบสุริยะ 1 ระบบ
แต่อย่างไรก็ตาม ‘จักรวาล’ ตามคติพุทธและความเข้าใจของคนในยุคปัจจุบันไม่เหมือนกัน
คำตอบที่ว่า จักรวาลกว้างแค่ไหน? จึงตอบได้ไม่ชัดเจน แต่เข้าใจได้ว่าน่าจะกว้างใหญ่เกินจินตนาการ
และในหนึ่งจักรวาลประกอบได้ด้วยอะไรบ้าง
1.พระอาทิต1ดวง
2.พระจันทร์1ดวง
3.เขาสิเนรุ1แห่ง
-และทวิปทั้งหมด4ทวิปได้แก่
1.ชมพูทวีป
2.อปรโคยานทวีป
3.อุตตรกุรุทวีป
4.ปุพพวิเทหทวีป
"เป็นยังไงกันบ้างสำหรับการเขียนบทความนี้ หวังว่าพี่ๆคงจะพอใจ นี่เป็นเพียงแค่ความรู้ส่วนหนึ่งที่ได้ย่อมา จริงๆถ้าพูดถึงจักรวาลคงไม่มีใครคาดการได้ว่ากว้างให้แค่ไหน"
ขอบพระคุณทุกท่านที่เข้ามาเป็นกำลังใจครับ