คอมพิวเตอร์เครื่องแรกของโลก
คอมพิวเตอร์เรื่องแรกของโลกคือ "ENIAC" ซึ่งเป็นย่อมาจาก "Electronic Numerical Integrator and Computer" (คอมพิวเตอร์ซึ่งใช้การบวกลบอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์) และถูกสร้างขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยทีมของวิศวกรและนักวิทยาศาสตร์ที่ทำงานในศูนย์การวิจัยคำนวณฮาร์วาร์ด ณ มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย. ENIAC ถูกเปิดใช้งานครั้งแรกในวันที่ 10 ธันวาคม 1945 และมีความสามารถในการดำเนินการทางคณิตศาสตร์และคำนวณที่เป็นมากกว่าเครื่องคิดเลขที่ใช้เครื่องรับสัญญาณเข้าและออกเท่านั้นที่มีอยู่ในยุคนั้น การพัฒนา ENIAC ได้เปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานของคอมพิวเตอร์และเป็นที่เริ่มต้นของยุคคอมพิวเตอร์ดิจิทัลที่เป็นที่รู้จักในปัจจุบัน.
ENIAC (Electronic Numerical Integrator and Computer) เป็นคอมพิวเตอร์ที่ใช้เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และเป็นคอมพิวเตอร์ดิจิทัลแบบแรกที่สร้างขึ้นในปี 1940s โดยมีการพัฒนาและสร้างโดยคณะทำงานที่ประกอบด้วยวิศวกรและนักวิทยาศาสตร์ที่ทำงานในศูนย์การวิจัยคำนวณฮาร์วาร์ด ณ มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย (University of Pennsylvania's Moore School of Electrical Engineering) ภายใต้ความนำของ John W. Mauchly และ J. Presper Eckert.
ENIAC มีลักษณะเป็นเครื่องขนาดใหญ่และน้ำหนักหลายตัน มีพื้นที่ประมาณ 167 ตารางเมตร (1800 ตารางฟุต) และมีลวดลึกสามเมตร (10 ฟุต) โดยมีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มากมาย เช่น หลอดนุ่ม (vacuum tubes) ในการดำเนินการ แต่ละหน่วยความจำขนาดเล็กที่เรียกว่า "accumulators" สามารถทำงานได้พร้อมกันเพื่อทำการคำนวณเลขคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อน
ENIAC ใช้เวลาในการคำนวณที่ช้ามากเมื่อเทียบกับมาตรฐานปัจจุบัน การโปรแกรม ENIAC ก็ไม่ใช้การเขียนโปรแกรมเช่นที่เราเคยทราบในปัจจุบัน แต่ต้องทำการเปลี่ยนสายลวดและเปลี่ยนการตั้งค่าหน่วยความจำให้ตรงกับการคำนวณที่ต้องการ ซึ่งทำให้การเปลี่ยนโปรแกรมใช้เวลานานและท้าทายมาก
ENIAC ใช้ในงานวิจัยและปฏิบัติการที่ต้องการการคำนวณทางวิทยาศาสตร์และวิศวกรรม มันถูกใช้ในการคำนวณในหลายๆ งาน เช่นการคำนวณทดสอบการระเบิดนิวเคลียร์ การคำนวณการโมเดลทางวิทยาศาสตร์ และงานอื่นๆ ที่ต้องการคำนวณทางตัวเลข
ENIAC เป็นสัญญาณหนึ่งในการเริ่มต้นสร้างคอมพิวเตอร์ดิจิทัลและเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการสร้างพื้นฐานสำหรับความเจริญของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ในอนาคต.
ENIAC มีความสำคัญอย่างมากในการเปลี่ยนแปลงทัศนคติเกี่ยวกับการคำนวณและการใช้เทคโนโลยีในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ที่ก่อให้เกิดการพัฒนาของคอมพิวเตอร์ดิจิทัลที่มีขนาดเล็กลง ความสามารถในการดำเนินการทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ของคอมพิวเตอร์เพิ่มขึ้นอย่างมาก และเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานในหลายสาขาอุตสาหกรรมและวิชาการ.
การสร้าง ENIAC เป็นการกระตุ้นให้เกิดความคิดสร้างสรรค์และการวิจัยในด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์อิเล็กทรอนิกส์ แนวคิดและเทคโนโลยีที่ใช้ใน ENIAC ได้เป็นแรงบันดาลใจให้กับการพัฒนาคอมพิวเตอร์ดิจิทัลที่มีขนาดเล็กลง โดยเฉพาะในทฤษฎีและการออกแบบวงจรที่มีประสิทธิภาพสูง นอกจากนี้ ENIAC ยังเป็นตัวอย่างในการเรียนรู้และความสามารถในการค้นคว้าแก้ไขปัญหาทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ที่มนุษย์ไม่สามารถทำได้ภายในระยะเวลาที่สั้น โดยที่คอมพิวเตอร์สามารถทำให้การคำนวณเหล่านั้นเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วมากขึ้น.
ด้วยความสำคัญและกระทบที่ ENIAC ได้นำมาสู่การพัฒนาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ในอนาคต มันถูกจัดเก็บและบูรณาการในหลายสถานที่เพื่อให้คนรุ่นต่อๆ ไปได้รู้จักและเรียนรู้เกี่ยวกับพื้นฐานของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และการคำนวณที่เกิดขึ้นในอดีต.
ENIAC เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีความทันสมัยมากในยุคนั้น มันประกอบด้วยหลอดนุ่ม (vacuum tubes) ในจำนวนมากถึง 17,468 หลอด ซึ่งทำให้มีความหนักและใช้พื้นที่ในห้องมากมาย การทดลองและการดำเนินการคอมพิวเตอร์นี้ต้องการความรักษาและการบำรุงรักษาที่สม่ำเสมอ เนื่องจากหลอดนุ่มมีแนวโน้มในการเสื่อมสภาพและหลุดร่องง่าย ด้วยเหตุนี้ ENIAC ต้องการการบำรุงรักษาและการแก้ไขที่ร่วมมือกับทีมช่างอย่างต่อเนื่อง.
การเขียนโปรแกรมสำหรับ ENIAC เป็นกระบวนการที่ท้าทายและซับซ้อน ไม่เหมือนวิธีการเขียนโปรแกรมที่เราใช้ในปัจจุบัน นักวิจัยและผู้ใช้งานต้องทำการตั้งค่าหน่วยความจำและสายลวดเพื่อให้คอมพิวเตอร์ทำงานตามที่ต้องการ กระบวนการนี้อาจใช้เวลานานและยุ่งยาก เพื่อให้คอมพิวเตอร์ทำงานในลักษณะที่แตกต่างกัน.
ENIAC ได้รับการใช้งานในงานการวิจัยและปฏิบัติการที่มีความสำคัญในหลายสาขา ไม่ว่าจะเป็นการคำนวณทางวิทยาศาสตร์ที่ซับซ้อน เช่นการทดสอบและการจำลองการระเบิดนิวเคลียร์ หรือการพัฒนาโมเดลทางวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมที่ต้องการการคำนวณเชิงตัวเลข.
การที่ ENIAC เป็นคอมพิวเตอร์แรกที่มีความสามารถในการดำเนินการทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ในมิติที่มหาศาล ได้สร้างความเข้มแข็งและก้าวหน้าในการพัฒนาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ในอนาคต และเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการเคลื่อนที่สู่ยุคคอมพิวเตอร์ดิจิทัลที่เราเห็นในปัจจุบัน.