ชีวิตวันวันของ Jame Evening ตอนที่ 18 (ทำไมเวลาเราทำอะไรบางอย่างเเล้วคนพูดถึงรู้สึกสนุกตามไปด้วย?)
สวัสดีวันเสาร์ที่ 5 สิงหาคม 2566 เวลา 23:59 น ก่อนที่จะข้ามไปวันใหม่ก็นึกขึ้นมาได้ว่าเราต้องคุยแบบไหนแล้วคนพูดถึงรู้สึกสนุกตามไปด้วย หรือทำอะไรบางอย่างแล้วคนพูดรู้สึกดีรู้สึกมีความสุขรู้สึกสนุกสนานกับการที่ได้คุยกับเราได้อยู่กับเรานะครับก็ได้ลองถามตัวเองนะครับอยู่ซ้ำอยู่หลายครั้งว่าอะไรบ้างที่ทำให้คนที่คุยกับเราเนี่ยเขาคุยกับเราแล้วแล้วเขามีความรู้สึกสนุกสนานหรือ
มีความสุขไปกับเรานะครับก็อย่างแรกนะครับที่คิดออกมาได้เนี่ยก็คือเรื่องของผลประโยชน์ครับคือเรามีผลประโยชน์ต่อกันซึ่งกันและกันโดยการที่คนที่มาพูดให้เราฟังเนี่ยอาจจะพูดมาพูดเพื่อระบายอารมณ์ความรู้สึกที่ไม่ดีในตอนนั้นให้เราฟังนะครับเขาก็จะรู้สึกสนุกนะครับรู้สึกผ่อนคลายรู้สึกสบายใจที่ได้คุยกับเราว่าคนนี้แหละพูดระบายอารมณ์ได้ระบายความรู้สึกที่ไม่ดีออกมาได้ช่วยให้
เขาผ่อนคลายได้มันก็คือการที่เราฟังคนๆนี้นะครับก็อย่างต่อไปนะครับที่คิดออกมาได้อย่างที่ 2 นะครับก็คือการที่เราเนี่ยพยายามที่จะฟังมากกว่าพูดฟังให้มากกว่าพูดนะครับสมมุติว่าอีกฝ่ายเนี่ยพูดเรื่องของตัวเองมานะครับเราต้องฟังเนี่ยอย่างน้อยประมาณ 70% และพูดแค่ประมาณ 30%
ในความคิดผมนะฟังให้เยอะมากกว่าพูดนะครับแล้วเขาจะรู้สึกรู้สึกมีความสุขไปกับคุณด้วยรู้สึกที่จะอยากอยู่กับคุณอยากคุยกับคุณนะครับให้มีการโต้ตอบบ้างแต่ว่าไม่ได้มีการโต้ตอบที่มากจนเกินไปและต้องเป็นการโต้ตอบที่เหมือนกับว่าอยากให้เขาพูดออกมาอีกเรื่อยๆนะครับจะทำให้เขารู้สึกว่าเฮ้ยคุยกับคนนี้แล้วสนุกจังเพราะอะไรครับเพราะว่าคนที่คุยนะครับต้องการคนฟังนะครับต้องการคนฟังประเด็นหลักส่วนใหญ่นะครับมันจะอยู่ที่
การฟังซะมากกว่าคนพูดส่วนใหญ่อ่ะครับอยากจะพูดเรื่องตัวเองทั้งนั้นไม่มีใครที่อยากจะพูดเรื่องคนอื่นสักเท่าไหร่นะครับอยากจะพูดว่าตัวเองวันนี้ไปเจออะไรมาวันนี้ตัวเองทำอะไรมาวันนี้ตัวเองทำงานยังไงบ้างวันนี้ฉันคุยกับหัวหน้าแล้วเป็นยังไงบ้างวันนี้ฉันใช้เงินไปเท่าไหร่ใช้เงินไปกับอะไรบ้างนะครับเรื่องเหล่านี้นี่แหละครับมันเป็นเรื่องที่ดูเหมือนจะไม่สำคัญนะครับแต่สำคัญมากๆนะสำหรับกับคนที่เรา
อยากจะใส่ใจคนที่ผู้พูดอ่ะครับไม่ว่าจะเป็นคนรักเราคนที่เรารู้จักเพื่อนสนิทพ่อแม่ครอบครัวพี่น้องเพื่อนก็ตามนะครับคือเขาต้องการคนฟังนะครับเราแค่พยายามฟังเขาบ้างนะครับผมแล้วก็มีโต้ตอบกลับไปนะครับส่วนอีกอย่างอย่างที่ 3 นะครับที่นึกออกมาได้นะครับก็คือการที่เราเนี่ยโต้ตอบกลับไปด้วยวิธีที่ไม่ได้เป็นเชิงลบนะครับเช่นแกวันนี้เราจะกินอะไรดีเราจะไม่พูดว่าไม่รู้ดิอยากกินอะไรก็ได้ก็แล้วแต่แกมันดูแบบเหมือนกับว่า
พูดเหมือนแบบประชดประชันอ่ะครับว่าคนๆนี้คือเขาอยากกินอะไรก็ได้ที่เขาก็อยากกินเราลองเปลี่ยนเป็นคำพูดเป็นแบบใหม่นะครับเป็นคำพูดว่าเออลองกินอันนี้ไหมมันเป็นของใหม่นะมันดูท่าทางจะอร่อยนะแล้วก็ดูน่าจะเป็นสิ่ง ที่เธอชอบนะเราไปกินดูไหมเราไปกินเป็นเพื่อนก็จะทำให้ความรู้สึกของผู้พูดดีขึ้นไงครับซึ่งเราเป็นคนฟังนะผู้พูดเนี่ยเขาจะรู้สึกดีขึ้นว่าเออคนนี้เขาดูใส่ใจเรามากขึ้นนะเขาไม่ได้พูดคำที่แบบว่าทำร้ายจิตใจเราหรือแบบว่าทำแบบทำให้เรารู้สึกแย่รู้สึกในเชิงลบอะไรแบบนี้นะครับก็คือ
เขาจะไม่ได้แสดงออกมาหรอกว่าเขาอ่ะไม่ได้รู้สึกด้านลบแต่เขาจะแสดงออกมาแต่ทางด้านอื่นแทนนะครับ จิตใจเขาอาจจะไม่รู้หรอกว่าเขารู้สึกลบแต่เขาจะแสดงออกมาในทางด้านของทางด้านร่างกายนะครับหรือทางด้านคำพูดก็แล้วแต่เช่นพูดกลับมาในคำพูดที่แบบว่าประชดประชันนี่แบบว่าเอออะไรอ่ะทำไมถึงพูดแบบนี้หรือการมีการชักสีหน้าออกมานะครับหรือมีการที่ทำหน้าหงิกหน้างอหน้าบูดหน้าบึ้งอะไรแบบนี้นะครับก็เป็นการแสดงออกมาทางด้านร่างกายแทรกออกมาทางใบหน้าที่เห็นได้นะครับหรือ
ไม่กล้าแสดงออกทางสายตาที่ทำให้รู้สึกว่ารู้สึกเศร้าหรือรู้สึกแข็งกระด้างแบบดุร้ายก้าวร้าวอะไรแบบนี้ครับคือเราจะสัมผัสได้นะครับถ้าหากว่าเราเป็นผู้ฟังที่มากพอและเราเป็นคนที่สังเกตที่มากพอนะครับก็อันนี้นะครับจะเป็นส่วนใหญ่นะครับในตัวความคิดเห็นของผมเนาะหรือในคำถามของผมในการสังเกตของผมที่ผมเห็นมานะครับว่าส่วนใหญ่แล้วมันจะเป็นประมาณนี้ว่าเราจะทำยังไงทำอะไรยังไงบ้างให้คนฟังอ่ะครับเอ่อให้คนพูดเขารู้สึกดีไปกับเรานะครับรู้สึกมีความสุข รู้สึกมีความสุขที่มีเราอยู่ด้วยนะครับก็อยากให้ทุกคนลองไปลองทำดูนะครับว่าให้เราเนี่ยเป็นผู้ฟังมากกว่าผู้พูดนะครับลองดูนะครับแล้วผลเป็นยังไงก็ลองสังเกตตัวเองดูว่ามันดีขึ้นไหมถ้ามันดีขึ้นก็โอเคทำต่อไปถ้ามันไม่ดีขึ้นลองหาวิธีใหม่ๆดูนะครับก็ยังไงไปติดตามตอนต่อไปตอนที่ 19 ครับขอบคุณครับ