สามีเถื่อน (นิยายเรื่องสั้นฉบับกระเป๋า) โดย.กัมพู
นิยายเรื่อง สามีเถื่อน (นามปากกา กัมพู) นิยายรัก
วางจำหน่าย ในรูปแบบนิยายออนไลน์ (ebook)
แพลตฟอร์มที่วางจำหน่าย : Meb ธัญวลัย นายอินทร์ Ookbee
สามารถ เข้าอ่านเนื้อหา ฉบับเต็มได้ตาม แพลตฟอร์มนิยายชั้นนำทั่วไป อาทิเช่น...
( Dek-d , readAwrite , ธัญวลัย , Hongsamut , fictionlog )
*ลิงค์สำหรับดาวน์โหลด Ebook ฉบับเต็ม สามีเถื่อน ได้ที่ (Meb) ตามลิงค์ด้านล่างนี้เลยนะคะ* - https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTA5NTcwOSI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjU6Ijk2OTg5Ijt9
อารัมภบท...
เพราะน้องสาว ผู้ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องหายตัวไปกับผู้ชายคนหนึ่งอย่างลึกลับ ทิ้งไว้เพียงจดหมายฉบับเดียว...ระบุข้อความข้างใน บอกเพียงชื่อเสียงเรียงนาม พร้อมที่อยู่ของฝ่ายชายให้รับรู้เพียงเท่านั้น คนเป็นแม่ถึงกับนั่งไม่ติด ร้องห่มร้องไห้ อ้อนวอนขอร้องให้เธอผู้เป็นหลานสาวช่วยออกตามหาลูกสาวของท่านให้หน่อย
ตอน...ผู้ชายปากร้าย
สุมนาเงยหน้าขึ้นมองแผ่นป้ายขนาดใหญ่ คล้ายแผ่นป้ายหาเสียงของพวกนักการเมืองชื่อดัง ที่ใช้ติดตามเสาไฟฟ้าหรือตามป้ายรถเมล์ รายละเอียดของตัวอักษรบนแผ่นป้ายพิมพ์แบบตัวหนานั้น ใช้น้ำหมึกสีแดงเด่นชัด ระบุชื่อสถานที่โดดเด่นสะดุดตาคนมอง พลอยทำให้คนอ่านรู้สึกโล่งอกได้เปราะหนึ่ง
อย่างน้อยวันนี้ เธอเดินมาแบบไม่เสียเที่ยวแน่นอน...
เหมืองคงคา! อีกห้าร้อยเมตร
และตรงท้ายชื่อเหมืองยังมีลูกศรระบุบอกเส้นทางเข้าไปยังตัวเหมืองพลอยดังกล่าวอีกทอดหนึ่ง สุมนาเทียบมองรายละเอียดกับแผ่นผับในมือ ตรวจสอบเพื่อความแน่ใจ ก่อนมุมปากทั้งสองข้างจะยกยิ้ม
เธอมาไม่ผิดทางชัวร์ เป็นทางเข้าถึงตัวเหมืองพลอยได้จริงๆ
“เฮอะ!...ค่อยยังชั่วหน่อย นึกว่าวันนี้จะฟราวอีกเสียแล้วเรา...”
ทำเอาคนเดินเท้ามาเกือบสองกิโลเมตรหลังจากถูกรถโดยสารปล่อยทิ้งกลางทางบ่นอุบ หญิงสาวยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่ไหลย้อยมาตามไรเส้นผมแนบกับใบหน้าเกลี้ยงเกลาที่เริ่มแดงจัด รวมถึงริมฝีปากอิ่มแห้งผากจนต้องคอยใช้ลิ้นเลียเพิ่มความชุ่มชื้น ก่อนเงยใบหน้าจิ้มลิ้ม อ่านชื่อเจ้าของเหมืองอีกครั้ง ด้วยความรู้สึกฉุนกึก
เป็นเพราะนายคนเดียว นายคงคา ทำให้ชีวิตฉันต้องลำบากขนาดนี้...
ด้วยตอนนี้ขาทั้งสองข้างมันเริ่มอ่อนล้าจนก้าวแทบไม่ออก ท้องเธอมันพร้อมใจกันส่งเสียงร้องประท้วง ดัง จอก จอก จนรู้สึกแสบกระเพาะ ไหนจะไอ้อากาศที่ร้อนอบอ้าวจนแลเห็นเป็นกระไอแดดร้อนระอุลอยขึ้นเหนือพื้นดินซึ่งเป็นสีแดงลาดยาว สองข้างทางยังเต็มไปด้วยหญ้าแห้งรกสูงถึงระดับเอว
จำได้ว่าตั้งแต่เธอเริ่มเดินด้วยเท้ามา เธอยังไม่เห็นบ้านคนสักหลังเดียว หรือแม้แต่ต้นไม้ขนาดใหญ่ เอาไว้คุ้มแดด หรือใช้พักร้อน พักเหนื่อย ยังแทบไม่มีให้เห็นในสายตา
สุมนาต้องฝืนเดินมาเรื่อยๆ ร้อนและเหนื่อยขนาดไหน ก็ต้องทนเอา...
สถานที่ไกลปืนเที่ยงแบบนี้นี่นะ ที่สุมนันเลือกมาใช้ชีวิตอยู่กับชายคนรัก เธอไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ...
หรือนั่นเป็นเพราะอิทธิพลของคำว่ารัก มันเลยทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงนิสัยตัวเองได้มากมายขนาดนี้ จะบอกจากหน้ามือเป็นหลังมือคงไม่ผิดนัก
สุมนันไม่เคยใช้ชีวิตลำบาก ในชีวิตของลูกพี่ลูกน้องเธอคนนี้ ถูกเลี้ยงดูมาอย่างลูกคุณหนูโดยแท้ เจ้าตัวเป็นคนรักสวยรักงาม วันๆเอาแต่คอยชี้นิ้วสั่งไม่เคยต้องหยิบจับทำงานหนักอะไร แม้แต่งานบ้านเล็กๆน้อยๆ เจ้าตัวยังเอาแต่ส่ายหัวดิกเลย แล้วนับประสาอะไรเจ้าตัวต้องยอมทนลำบาก ใช้ชีวิตอยู่ในสถานที่ห่างไกลความเจริญเช่นนี้
ถ้าไม่ใช่เพราะคำว่ารักตัวเดียว...
สุมนาคิดไม่ออกหรอกถึงเรื่องของความรัก ในชีวิตของเธอไม่เคยสัมผัสถึงมันเลยสักครั้ง ด้วยตนเองนั้นไม่เคยมีคนรักกับเขาสักคนมาก่อน ตอนเรียนก็มุ่งมั่น พอเรียนจบเธอก็ทุ่มเท เวลาทั้งหมดไปกับการทำงานที่ตนเองรักลูกเดียว ไม่เหลือเวลามานั่งคิดฟุ้งซ่านถึงเรื่องหัวใจ...
ส่วนเรื่องหน้าตานะเหรอ มันก็พอไปวัดไปวา ชนิดไม่ทำให้หมาเดือดร้อนได้ล่ะนะ แต่ก็เท่านั้นแหละ ในเมื่อใจเธอยังไม่อยากคิดถึงเรื่องความรัก ยังอยากครองตัวเป็นโสดแบบทุกวันนี้ไปนานๆมากกว่า...
สำหรับ สุมนัน รายนั้นเขาเปรียบได้ดั่งดอกฟ้า ใช้ชีวิตท่ามกลางทุ่งลาเวนเดอร์สีม่วงสะพรั่งมาโดยตลอด...
จึงเป็นเรื่องปกติธรรมดาจะตาย ที่จะมีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่คอยตามขายขนมจีบ และหนึ่งในนั้นก็คงหนีไม่พ้นนายคนเถื่อนคนนี้..
จะไม่ให้เธอเรียกหมอนั่นเป็นคนเถื่อนได้ยังไง ในเมื่อไอ้หมอนั่น เที่ยวพาลูกสาวเขาหนีหาย ไม่รู้จักเข้าตามตรอกออกตามประตูเหมือนกับชายหนุ่มคนอื่นเขาทำกันด้วยซ้ำ ทิ้งไว้เพียงจดหมายหนึ่งฉบับ บอกรายละเอียดแค่ชื่อ
ไม่รู้หรือไงมันทำให้หัวอกคนเป็นแม่ต้องระทมทุกข์ตรอมใจหนักขนาดไหน
เธอเห็น คุณป้าสาวิกาถึงขั้นกินไม่ได้นอนไม่หลับ เอาแต่นั่งร้องห่มร้องไห้เป็นเผาเต่า คร่ำครวญหาแต่ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนใจจะขาดเสียให้ได้ เธอเองก็พลอยเศร้าตาม ถึงแม้เธอกับสุมนันมักคอยจิกกัดกันบ้างเป็นบางครั้งบางเวลา ถึงอย่างนั้นคำว่าสายเลือด ย่อมมีความผูกพัน ใจมันเลยอดห่วงตามไม่ได้
ท่านคงกลัวสุมนันจะไปใช้ชีวิตอย่างตกระกำลำบาก ไม่สุขสบายเหมือนตอนอยู่ที่บ้าน
มันก็แน่ละสิ... ก็ตอนสุมนันอยู่ที่บ้าน รายนั้นเขาไม่ต่างจากเด็กตัวน้อยหน้าตาน่าเอ็นดู เคยหยิบจับทำอะไรเองเป็นเสียที่ไหน มีแต่คนรับใช้คอยล้อมหน้าล้อมหลังทำให้เสียทุกอย่าง ถึงตอนนี้เจ้าตัวจะโตเป็นสาวสะพรั่ง จนมีแมลงตัวผู้บินตอมกันหึ่ง ทว่าในสายตาของคนเป็นแม่แล้วนั้น สุมนันยังถือเป็นเด็กตัวเล็กในสายตาท่านอยู่ดี...
ตอนอ่านข้อความจากจดหมายฉบับนั้น นายคงคาอะไรนี่ เขาทำงานในเหมืองพลอย ไม่รู้เป็นเจ้าของ หรือแค่คนงานธรรมดาที่บังเอิญมีชื่อเหมือนกับเหมืองพลอยแห่งนี้กันแน่
แต่คงไม่น่าเป็นเจ้าของเหมืองหรอก หญิงสาวคิดด้วยใจอคติ มองเห็นทุกเรื่องที่เกี่ยวกับชื่อนี้ในทางแย่เอาไว้ก่อน...
แต่ก็ถือเป็นอาชีพต้องนอนกลางดินกินกลางทราย ทำงานท้าแดดท้าลม ตัวคงดำมะเมื่อมหน้าตาคงน่าเกลียดน่ากลัวพิลึก คงไม่ต่างจากพวกคนป่าคนเขาที่เธอเคยเห็น หาใช่ชายหนุ่มใบหน้าเกลี้ยงกลาหล่อเหล่าไม่ต่างจากเทพบุตรในฝันของสาวๆหลายคน ได้ใส่สูทผูกเนคไทนั่งไขว้ห้างเท่ๆอยู่บนโต๊ะทำงานตัวใหญ่ภายในห้องแอร์เย็นเฉียบ
ชิ...ทำงานอย่างกับคนเถื่อน ใช้ชีวิตยิ่งกว่าคนป่า แหม่...แต่ดันหัวสูง คิดเอื้อมเด็ดดอกฟ้าอย่างสุมนันเสียได้...
หมอนั่นชื่อนามสกุมเต็มว่าอะไรนะ?...
สุมนาทำท่าคุ้นคิดก่อนร้องอ้อในใจ... นายคงคา เหมือนวิเศษ
ไอ้ผู้ชายเฮ็งซวย ไอ้ผู้ชายไม่รู้จักเจียมกะลาหัว ไอ้คนเถื่อน ไอ้... เฮ้อ!ไม่รู้จะสรรหาคำใดมาเปรียบเปรย ก็ถ้านายคนนี้ดีจริง คงไม่พาลูกสาวบ้านนี้เขาหนีแบบนี้หรอกน่า
ส่วนหน้าตาเธอไม่เคยเห็นมาก่อน
คิดถึงแล้วพาลทำให้ใจมันหงุดหงิด ปลายรองเท้าผ้าใบจึงสะบัดขึ้นแล้วสวนเข้าหาก้อนหินก่อนหนึ่ง แทนใบหน้าของชายคนรักน้องสาวตนเอง จนมันลอยละลิ่วตกตุ๊บลงพื้นอีกฝั่งของถนน...
ดอกฟ้าอย่างสุมนันก็ช่างกระไร เทพบุตรเรียงคิวมาให้เลือกกนเป็นตับ แต่กลับไม่เลือก ดันไปเลือกอยู่กับโจรป่าห้าร้อย หรือคงเป็นเวรกรรมที่เคยร่วมทำกันมาตั้งแต่ชาติปางไหน เลยทำให้สาวงามดีกรีดาวมหาวิทยาลัย เลือกใช้ชีวิตตกต่ำอยู่กับผู้ชายบ้านป่าเมืองเถื่อนหาความเจริญหูเจริญตาไม่ได้สักนิด มองไปทางไหนก็เห็นมีแต่ต้นไม้หัวโกร๋นๆ เต็มไปหมด
ไม่รู้หนูนันทนอยู่เข้าไปได้ยังไง บ้านป่าเมืองเถื่อน แถมยังร้อนเป็นบ้า...
ปากก็บ่นพึมพำ มือก็พลอยพัดโบกกระพือแผ่นการะดาษไปมาด้วยอารมณ์หงุดหงิด สายตากลมโตคอยแต่จะมองหาทางเข้าไปในเหมืองบ้านั่น...
“แล้วทีนี้จะไปทางไหนต่อ ซ้ายหรือว่าขวาดีหว่า?”
หญิงสาวคิดอย่างอับจนหนทางตอนเธอเดินมาถึงทางแยก สองมือน้อยยกขึ้นปาดเหงื่อ เมื่อหันมองไปทิศทางไหนก็มีแต่ตอไม้กับถนนสีแดงๆเต็มไปหมด ร่างสูงโปร่างหันซ้ายหันขวา ตรองดูจะเอาอย่างไรต่อดี…
“จะไปไหน?...”
เสียงถามห้วนจัดดังมาจากทางด้านหลัง สุมนาเบิกตากว้างคลี่ยิ้มด้วยความรู้สึกโล่งใจ ตอนแรกเธอมัวแต่วิตกกังวลเรื่องเส้นทาง กลัวจะเกิดการหลงทาง แล้วยิ่งไม่เห็นมีรถขับผ่านไปมา เลยยิ่งทำให้ตัวเองจิตตก ไม่ทันได้ยินเสียงของรถยนต์ขับตามมาด้านหลัง ก่อนหญิงสาวจะหันหลังมองเจ้าของคำถามเสียงห้วนและดุดันนั้น กับพอดีกระจกติดฟิล์มหนาทึบค่อยๆเลื่อนลงมา เผยให้เห็นโฉมหน้าของคนหลังพวงมาลัยชัดเต็มสองตาโตๆ
ก่อนมันจะโตเท่าไข่ห่าน เมื่อเธอเห็นใบหน้าของชายในรถถนัดชัดแจ๋ว
“เฮ้ย!...”
สุมนาถึงกับร้องลั่นพร้อมกระโดดโหย่งถอยร้นออกไปตั้งหลักเสียเป็นเมตร ใบหน้าขาวซีดเผือดลง หัวจิตหัวใจแย่งกันเต้นโคมคาม หญิงสาวรีบหันรีหันขวาง เพื่อมองหาทางหนีทีไร่ให้กับตัวเอง
“โจร!...หน้าตาแบบนี้ มันต้องโจรชัดๆ” คนมองเพียงเปลือกนอกบ่นงึมงำ เตรียมตัวเองให้พร้อมสำหรับการวิ่ง
ทำเอาเจ้าของใบหน้าเข้มดุขมวดคิ้วมุ่น ริมฝีปากหยักหนาเม้มเข้าหากันสนิท ชายในรถกระบะปรายตามองเจ้าของร่างสูงไม่เกินร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตรด้วยความไม่พอใจ เขาได้ยินชัดเต็มสองรูหู
แม่ผู้หญิงหน้าขาวข้างนอกรถนั้น เรียกเขาว่า...โจร
“เธอว่าใคร? เป็นโจร...”
คงคาที่กำลังควันออกหู ถามเสียงสะบัด อยู่ดีๆดันมาถูกใส่ความ กล่าวหากันว่าเป็นโจรไปเสียได้ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นเขาตั้งใจให้ความช่วยเหลือ พอได้ยินเช่นนั้น เลยคิดเปลี่ยนใจมันเสียดีไหม ปล่อยให้เดินหลงเข้าป่าเข้าดงเสียให้เข็ด
เจ้าหล่อนคงดีใจมากกว่า ถ้าได้เจอเสือ แทนที่จะมาเจอโจรอย่างที่เจ้าหล่อนกล่าวหาเขา...
“ก็นายไง...” สุมนาชี้นิ้วไปทางชายหนุ่ม ส่วนเท้าทั้งสองข้างค่อยๆเดินถอยห่าง
“ปากเสีย...” คนถูกกล่าวหาตอกกลับ แลตามองผู้ตัวหญิงเล็กกระจิดริดในสายตา ราวจะฉีกให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย มีใครบ้างในละแวกนี้ จะกล้าหาญชาญชัยถึงขนาดยืนชี้นิ้วใส่หน้าเขาราวกับไม่กลัวเกรงกันแบบนี้
ผู้หญิงบ้าอะไรสวยก็ไม่สวยแถมยังปากเสียใช้ได้...
“เธอเป็นใคร? แล้วเข้ามาในเหมืองนี้ทำไม”
หัวคิ้วคงคาขมวดมุ่น จำไม่ได้ว่าเขาเคยพบหน้าผู้หญิงคนนี้ที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า แต่ใบหน้าของเจ้าหล่อนดูคลับคล้ายคลับคลา เหมือนเขาเคยเห็นผ่านตา แต่เมื่อไหร่ ที่ไหน เขาเองก็ดันนึกไม่ออกเสียเลย
ชายหนุ่มดันบานประตูรถลงมายืนเท้าสะเอวมองแม่คนตัวเล็กด้วยสายตาพิจารณา เขาว่าเขาต้องเคยเห็นไอ้ใบหน้ากระจุ๋มกระจิ๋มแบบนี้มาก่อนแน่ๆ แต่คงคานึกไม่ออก มันติดอยู่ตรงหัว
เขาขยับหมวกแก๊ปบนศีรษะได้รูปตอนใช้ความคิด หัวคิ้วหนาดำคล้ายปีกอีกาถูกกดให้ต่ำ คงคาขยับเรียวยาวเดินเข้าหาคนตัวเล็กเรื่อยๆ ไม่รีบร้อน ดูแล้วไม่ต่างจากพญาเสือกำลังไล่ต้อนลูกแมวตัวน้อยๆ
นอกเหนือจากทำให้ตัวเองคลายสงสัย คงคายังมีเรื่องต้องคุยกับหญิงสาวแปลกหน้าคนนี้ให้รู้เรื่อง เธอมาหาใครในเหมืองพลอยของเขา แล้วญาติที่เจ้าตัวมาหา มันไม่ได้เอ่ยเตือนถึงเรื่องอันตรายที่อาจเกิดขึ้นบนถนนเส้นนี้บ้างเลยหรือไงหึ...
ถึงเขาไม่ได้ออกปากสั่งห้ามบรรดาลูกน้องทั้งหลายอย่างเป็นทางการ ถึงเรื่องไม่อนุญาตให้ญาติคนไหนมาเยี่ยมเยือนถึงเหมืองแห่งนี้ แต่ให้นัดพบกันยังตัวเมืองแทน
ทว่าคนงานทุกคนในเหมืองแห่งนี้ต่างรู้ดีโดยไม่ต้องประกาศ ถนนเส้นนี้มีแต่สิ่งอันตรายมากมายแค่ไหน ทั้งขึ้นชื่อถึงเรื่องโจรป่าห้าร้อย รวมทั้งสัตว์ดุร้ายหิวโซ ที่อาจดโผล่พรวดขึ้นมาดักปล้นฆ่าขื่นใจจากริมทางได้ตลอดเวลา จึงไม่มีผู้หญิงคนไหนหรือกระทั่งผู้ชายอกสามศอก กล้าเดินเทิ่งๆตัวคนเดียวเหมือนอย่างแม่ผู้หญิงคนนี้กำลังทำหรอกนะ มันเสี่ยงเกินไป...
สุมนาตาเบิกโพรง ขาสั่นพับๆ หญิงสาวกลั้นใจส่งเสียงตะโกนขับไล่
“อย่าเข้ามานะ...”
การกระทำของสุมนาเลยยิ่งทำให้เจ้าของเหมืองพลอยหงุดหงิด คงคาเม้มกลีบปาก แลตามองยายผู้หญิงขี้เหร่ด้วยอารมณ์ฉุนกึก
เขามันดูเหมือนโจรมากนักหรือไง เขาก็แค่ เป็นผู้ชายตัวสูงใหญ่กว่าชายไทยปกติทั่วไป ใบหน้าคมคายเกรียมแดดจากการทำงานกลางแจ้งเล็กน้อย และตอนนี้มันดันรกรุงรังด้วยหนวกเคราขึ้นเฟิ้มเพราะเขาขี้เกียจดูแล ตอนนี้ใกล้หน้าฝน เขาต้องเร่งลงมือทำงานทั้งวันทั้งคืน ถ้าฝนตกหนักลงมามากกว่านี้ ดินโคลนอาจเกิดถล่มเอาได้ ...
“ฉันบอกว่าอย่าเข้ามาไง...”
คนตัวเล็กกว่าหันรีหันขวาง ประสาททุกส่วนบนร่างกายรู้สึกตื่นตระหนกด้วยความหวาดหวั่น ยิ่งชายหนุ่มลงมายืนเต็มความสูงบนพื้น เลยพลอยทำให้สุนารู้สึกหวาดหวั่นกลัวเข้าไปกันใหญ่
ชายหนุ่มคนนี้ช่างดูน่าเกรงขาม ตัวเขาโตออกปานยักษ์ เธอจะเอาแรงที่ไหนต่อสู้ขัดขืนเขาได้ล่ะ.. ใบหน้าของเขาดูไม่น่าเป็นมิตรกับใคร มันรกด้วยหนวดเครารุงรัง ดวงตาใหญ่มีแววหื่นกระหาย จับจ้องมาทางเธอที ทำเอาขนแขนลุกซู่...
ไม่...ไม่มีทาง เธอจะไม่ยอมมาเสียสาว ให้กับไอ้โจรป่าห้าร้อยคนนี้เด็ดขาด อุตส่าห์เก็บรักษาไว้อย่างดี รอคอยเทพบุตรมาจุติ ถ้าเขาคิดรังแก งานนี้เป็นไงเป็นกัน เธอขอยอมสู้ตาย...
“อะไรของเธอ...” คนตัวโตหยุดยืนอยู่กับที่ เลิกคิ้วเข้มๆนั้น แล้วเอ่ยถามเสียงห้วน
“ก็...นายอย่าทำอะไรฉันเลยนะ ฉัน...ฉันกลัวแล้ว...ถ้านายอยากได้เงิน เอานี่...ในกระเป๋าฉันมีเงินอยู่ไม่กี่บาท อยากได้ก็เอาไปเลย ฉันไม่หวง...”
สุมนาโยนกระเป๋าเป๋สะพายด้านหลังของตัวเองลงกับพื้น ตรงหน้าชายหนุ่มที่ตัวเองฟันธงเขาต้องเป็นโจรมาดักปล้น ก่อนหมุนกายแล้ววิ่งหนีเปิดตูดแน่บ ชนิดที่เรียกได้ว่าแบบไม่คิดชีวิต
ไม่สนใจกับเสียงตะโกนร้องเรียกจากด้านหลัง...
“อ้าว...เฮ้ย...เดี๋ยวสิแม่คุณ นั่นจะวิ่งหนีไปไหนกันน่ะ กลับมาคุยกันก่อน ทางนั้นมันอันตราย...โว้ย!...ดื้อฉิบ...”
สุมนาโยนกระเป๋าเป๋สะพายหลังของตัวเองทิ้งลงกับพื้น ตรงหน้าชายหนุ่มที่ตัวเองฟันธง
เขาต้องเป็นโจรมาดักปล้น ก่อนหมุนกายแล้ววิ่งหนีเปิดตูดแน่บ ชนิดที่เรียกได้ว่าแบบไม่คิดชีวิต
ไม่สนใจกับเสียงตะโกนร้องเรียกจากด้านหลัง
หยุดให้โง่หรือไง...
“อ้าว...เฮ้ย...เดี๋ยวสิแม่คุณ นั่นจะวิ่งหนีไปไหนกันน่ะ กลับมาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน ทางนั้นมันอันตราย...โว้ย!...ดื้อฉิบ...”
คงคาเกาหัวแกรก ก่อนจะรีบวิ่งตามร่างบางนั้นไปติดๆ
“ยังไม่ทันได้พูดกันรู้เรื่องเลย...เดี๋ยวสิเธอ หยุด...ฉันบอกให้เธอหยุดวิ่ง...”
คนวิ่งตามใบหน้าแดงก่ำ ทั้งวิ่งทั้งตะโกนตามไล่หลัง แต่ยายหัวดื้อนั่นก็ไม่ยอมหยุดเท้า เจ้าหล่อนเอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาซอยเท้าถี่ยิบ ไอ้เขาที่ว่าทั้งขายาว ทั้งแข็งแรง ยังไล่ตามไม่ทัน
“หยุด! ผมบอกให้หยุด...”
“หยุดให้โง่นะสิไอ้บ้า...” สุมนาเหลียวใบหน้ากลับไปตอบโต้ เห็นชายตัวโตวิ่งตามมาดดยไม่ลดละเช่นหัน หัวจิตหัวใจมันกระเด็นกระดอนหนีหาย เงินก็ไม่มันไปแล้วนี่ ยังจะวิ่งตามเธอมาอีกทำไม
หรือว่า! มันอยากได้อย่างอื่น ที่มากกว่าเงินในกระเป๋า...
ข่มขืน! มันต้องการจะขืนใจเธออย่างนั้นใช่ไหม ตายแล้ว...ทีนี่จะทำอย่างไรดี คิดสิยันนา เธอจะเอาตัวรอดได้ยังไง?
หากยังไม่ทันได้รับคำตอบ เท้าที่ซอยวิ่งเร็วดันเกี่ยวเข้ากับรากไม้เข้าเสียนี่ ทำให้ร่างเล็กไม่ทันระวังสะดุดล้มคว่ำ
“ว้าย!...”
ร่างทั้งร่างร่วงพล่อยล้มกลิ้ง หน้าคำลงไปกองสลบไสลอยู่บนพื้นดินแดงแข็งโป๊ก สติสัมปชัญญะสุดท้าย ทำให้เธออยากจะกลั้นใจตายเสียให้รู้แล้วรู้รอดนัก เมื่อใบหน้ารกรุงรังของไอ้โจรป่าห้าร้อย ที่วิ่งมาทันเธอล้มพอดี มันกำลังก้มมองมา ก่อนร่างของเธอถูกจะถูกช้อนขึ้นสู้อ้อมอกของมัน และภาพสุดท้ายที่เธอเห็น ริมฝีปากหยักหนาใต้ล่างหนวดยาวเฟื้อยนั้นกระซิบบอกอะไรไม่รู้งึมงำ
“เธอ...นี่เธอ...”
คนกลัวที่ใกล้ไร้สติเต็มทีพึมพำเสียงติดในลำคอ
“อย่าทำอะไรฉันเลยนะ...ขอร้อง...” ก่อนแสงดำมืดสุดท้ายจะปกคลุมและสุมนาจำอะไรต่อจากนั้นไม่ได้อีกเลย
“เธอ...นี่เธอ...ลืมตาสิ...อ้าวเป็นลมไปเสียแล้ว”
คงคาพ่นลมหายใจ ใช้นัยน์ตาดำสนิทแอบสำรวจใบหน้านวลตางหน้าด้วยความรู้สึกแปลกใหม่ ก่อนตัดสินใจช้อนร่างกลมกลึงขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน เพ่งมองวงหน้าซีดเซียวด้วยแววตาพึงพอใจ
“มองยายนี่ใกล้ๆ ก็สวยเหมือนกันแฮะ ตัวก็ห้อม...หอม นิ้ม...นิ่ม...มันน่าจับปล้ำเสียให้เข็ด ปากดีมากล่าวหาเขาเป็นโจรดีนัก...”
คนหัวใจเย็นชาไม่เคยรู้จักความรักกะพริบตาปริบ ตกใจกับความคิดของตัวเองที่มีต่อแม่สาวแปลกหน้าในวงแขน จนต้องเลื่อนสายตาจ้องมองใบหน้าขาวซีดนั้นอีกครั้ง ไล้สายตาคมกริบมองตั้งแต่หน้าผากมล ผ่านแพขนตายาวเฟื้อยจนหน้าดึงเล่น ปลายจมูกเล็กรั้นถึงไม่ดูโด่งมากนักแต่ก็รับกับใบหน้ากระจิดริดอย่างพอเหมาะพอเจาะ ก่อนนัยน์ตาดำที่หรุบมองจะหยุดแช่นิ่งตรงริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูระเรื่อตามธรรมชาติ และอะดรีนาลีนในร่างกายชายหนุ่มเริ่มทำงาน
คงคาได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นโคมคาม เลือดลมในกายสูบซีดพลุกพล่าน แม้ก่อนหน้านั้นตัวเขาเองไม่เคยเกิดความรู้สึกซู่ซ่ากับสาวใดมาก่อน ด้วยเพราะภาระหน้าที่รับผิดชอบที่มีอยู่นั่น มากมายเสียจนเขาไม่มีเวลามาคิดถึงเรื่องไร้สาระประเภทนี้ งานหนักทำให้เขาได้ระบายออกถึงความต้องการ หัวถึงหมอนทีไรหลับเป็นตายเสียทุกที
แต่ตอนนี่สิ...มันเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่ ทำไมเขาถึงได้รู้สึกใจคอร้อนลุ่มแปลกๆ เพียงแค่ได้ใกล้ชิดยายผู้หญิงปากไม่ดี
เอ...แบบนี้หรือเปล่านะ ที่เขาเรียกกันว่า รักแรกพบ...
คงคายกระตุกยิ้มขึ้นบนมุมปาก เมื่อความคิดเจ้าเล่ห์หนึ่งผุดขึ้นมาในหัวสมอง...
*สามารถเข้าอ่านนิยาย สามีเถื่อน ฉบับเต็มได้ที่ (Dek-d) ตามลิงค์ด้านล่างนี้เลยนะคะ *
- https://writer.dek-d.com/suwannaparphtude/writer/view.php?id=1960309
แฟนเพจ: กนกรส https://www.facebook.com/กนกรส-1742298989361370/