"บัวทองสามนิ้ว"
การรัดเท้า (จีน: 纏足; พินอิน: chánzú; อังกฤษ: foot binding) เป็นจารีตที่ให้รัดเท้าของหญิงสาวให้คับแน่น เพื่อมิให้นิ้วเท้างอกขึ้นได้อีก เท้าที่ถูกบีบรัดนั้นจะได้มีสัณฐานเรียวเล็กคล้ายดอกบัว เรียกว่า "บัวทองสามนิ้ว" (จีน: 三寸金蓮; พินอิน: sān cùn jīnlián; "three-inch golden lotus") การประพฤติเช่นนี้เชื่อว่าเริ่มในหมู่ชนชั้นสูงที่เป็นนางระบำรำฟ้อนในราชสำนักจีนช่วงห้าราชวงศ์สิบอาณาจักร (คริสต์ศตวรรษที่ 10 หรือ 11) แล้วจึงเป็นที่นิยมขึ้นในสมัยราชวงศ์ซ่ง ก่อนจะแพร่หลายทั่วไปในชาวจีนทุกชนชั้น ในฐานะที่เป็นเครื่องแสดงชั้นวรรณะ (เพราะสตรีที่ครอบครัวมีอันจะกินและไม่จำต้องใช้เท้าทำงานเท่านั้นจึงจะรัดเท้าได้) และเป็นเครื่องหมายแห่งความงามในวัฒนธรรมจีนโบราณ ทว่า ความนิยมและวิธีปฏิบัตินั้นผิดแผกกันไปในภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศจีน
เท้าที่ถูกรัด (ขวา) เทียบกับเท้าของคนที่ไม่ถูกรัดเท้า (ซ้าย)
ในปี 1664 พระเจ้าคังซีทรงพยายามจะห้ามมีการรัดเท้าอีกต่อไป แต่ไม่เป็นผล[1] ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ชาวจีนนักปฏิรูปหลายคนท้าทายจารีตนี้แต่ก็ไร้ผล แม้ซูสีไทเฮามีพระเสาวนีย์ห้ามการรัดเท้าเป็นเด็ดขาด ก็ล้มเหลวเช่นกัน อย่างไรก็ดี กิจกรรมต่อต้านการรัดเท้าที่ดำเนินอย่างต่อเนื่องสืบ ๆ มาช่วยให้การรัดเท้าสิ้นสูญไปเมื่อต้นศตวรรษที่ 20
การรัดเท้าทำให้ผู้ถูกรัดต้องพิการชั่วชีวิต หญิงชราชาวจีนบางคนซึ่งเคยถูกรัดเท้าและมีชีวิตอยู่ในเวลานี้ต้องเผชิญความลำบากหลายประการเพราะความพิกลพิการอันเนื่องมาจากถูกรัดเท้า
การยุติ
การคัดค้านการรัดเท้านั้นมีขึ้นในหมู่นักเขียนชาวจีนบางคนในช่วงศตวรรษที่ 18 ต่อมา ชาวฮากกาซึ่งสตรีไม่รัดเท้านั้นก่อกบฏเมืองแมนแดนสันติ และประกาศให้การรัดเท้าผิดกฎหมายเมื่อกบฏดังกล่าวถูกปราบราบคาบ เหล่านักเทศน์ศาสนาคริสต์จึงเริ่มให้การศึกษาแก่เด็กหญิง พยายามโน้มนาวให้เห็นว่า การรัดเท้าเป็นประเพณีป่าเถื่อน นักเทศน์เหล่านี้ยังใช้วิธีการหลายหลากเพื่อเปลี่ยนแปลงความคิดเห็นของชนชั้นสูงให้ได้ ทั้งการให้ศึกษา การแจกใบปลิวและแผ่นพับต่าง ๆ รวมถึงการกดดันรัฐบาลราชวงศ์ชิงในปี 1875 สตรีคริสต์ศาสนิกชนราว 60 ถึง 70 คนในเซี่ยเหมินประชุมกันโดยมีจอห์น แม็กกาววัน (John MacGowan) นักเทศน์ เป็นประธาน คนเหล่านั้นร่วมกันตั้ง "สมาคมเท้าปรกติ" (天足會) ขึ้นเพื่อรณรงค์ต่อต้านการรัดเท้า กิจกรรมทั้งนี้ต่อมาได้รับความสนับสนุนจากขบวนการสตรีเพื่อความชั่งใจในพระคริสต์ (Woman's Christian Temperance Movement) ซึ่งตั้งขึ้นเมื่อปี 1883 และได้รับความอุปถัมภ์จากคณะนักเทศน์ซึ่งเห็นว่า อาจอาศัยคริสต์ศาสนาส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศต่าง ๆ ได้ หนึ่งในสมาชิกคณะนักเทศน์นี้ได้แก่ ทิโมที ริชาร์ด (Timothy Richard) ผู้มีอิทธิพลต่อการก่อตั้งจีนเป็นสาธารณรัฐในเวลาต่อมา
ฝ่ายปราชญ์ชาวจีนที่มีใจรักการปฏิรูปก็ชวนกันเห็นว่า การรัดเท้าเป็นด้านมืดในวัฒนธรรมของตน ควรกำจัดทิ้งโดยเร็วในปี 1883 คัง โหย่วเหวย์ (康有為) บัณฑิต จึงตั้งสมาคมต่อต้านการรัดเท้า (Anti-Footbinding Society) ขึ้นใกล้เมืองกว่างโจว จากนั้น กลุ่มคัดค้านการรัดเท้าก็ผุดขึ้นราวกับดอกเห็ดทั่วไปในประเทศ มีคำอ้างว่า ผู้ร่วมเคลื่อนไหวต่อต้านการรัดเท้าในครั้งนั้นรวมกันได้ถึง 300,000 คน ทว่า ขบวนการเหล่านั้นกลับชูเหตุผลด้านชาตินิยม แทนที่จะเป็นด้านสุขภาพอนามัย หรือด้านความมีประสิทธิภาพของชนชั้นแรงงานนักปฏิรูปหลายรายที่ได้อิทธิพลของทฤษฎีดาร์วินทางสังคม เช่น เหลียง ฉี่เชา (梁啟超) โฆษณาว่า การรัดเท้าทำให้บ้านเมืองอ่อนด้อย เพราะสตรีขี้โรคย่อมมีบุตรอ่อนแอ[28] จนเมื่อลุศตวรรษที่ 20 นักสตรีนิยม เช่น ชิว จิ่น (秋瑾) จึงเริ่มมีบทบาทในการต่อต้านการรัดเท้าบ้างครั้นปี 1902 ซูสีไทเฮาออกกฎหมายป้องกันและปราบปรามการรัดเท้า แต่กฎหมายนั้นยกเลิกไปภายหลัง