พอกันทีเพื่อนบ้านแบบนี้ สุดจะทน ตัดสินใจประกาศขายบ้านหนีซะเลย
ถือเป็นพฤติกรรมที่สุดทนจริง ๆ เมื่อต้องมาเจอเพื่อนบ้านที่เอาแต่ตั้งวงกินเหล้า เปิดเพลงเสียงดังสนั่นทุกวัน
แบบไม่เกรงใจใครเลย เมื่อเข้าไปบอก เข้าไปเตือนก็ถูกเพื่อนบ้านรายนี้ข่มขู่และยกพวกเข้าทำร้ายร่างกาย
จนต้องเป็นฝ่ายย้ายบ้านหนีซะเอง ล่าสุดตอนนี้ได้ประกาศขายบ้านเรียบร้อยแล้ว
นายชุติพนธ์ ได้นำหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอจากกล้องวงจรปิดที่ได้บันทึกเอาไว้ มาแจ้งความกับตำรวจ สภ. ปากเกร็ด
จังหวัดนนทบุรี โดยในคลิปวิดีโอนั้นได้บันทึกเหตุการณ์ขณะที่นายชุติพนธ์ กำลังยืนล้างรถอยู่บริเวณหน้าบ้านของตนเอง
และได้มีรถยนต์คันสีดำมาจอด จากนั้นมีกลุ่มชาย 3 คน ที่ทราบชื่อมีเพียง 1 คือนายเต้ และอีก 2 คนไม่ทราบชื่อ
เดินลงจากรถและปรี่เข้ามาหานายชุติพนธ์ และได้รุมทำร้ายจนนายชุติพนธ์ได้รับบาดเจ็บ เมื่อชาวบ้านเห็นเหตุการณ์
ก็ได้ออกมาช่วยกันห้ามปรามกลุ่มชายทั้ง 3 คนเอาไว้ทันที
นายชุติพนธ์และนางสาวสุธามาศ ซึ่งเป็นภรรยา จึงได้ตัดสินใจมาร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ก่อนหน้านี้ได้โทรร้องเรียนเจ้าของที่ดินให้ช่วยเตือนข้างบ้านเรื่องตั้งวงดื่มสุราแล้วส่งเสียงดังเกือบทุกวัน
ก่อความเดือดร้อนและความรำคาญใจให้กับชาวบ้าน จนไม่ได้หลับได้นอน ตนและภรรยานั้นได้อดทนมานานกว่า 1 ปี
ทนกับคำข่มขู่และความหวาดกลัวมาตลอด จนอยู่ไม่ได้ต้องย้ายบ้านหนี เนื่องจากกลัวอิทธิพล พร้อมประกาศขายบ้าน
นายชุติพนธ์นั้นเล่าต่อว่า ก่อนที่ชายทั้ง 3 คน จะรุมทำร้ายตน ได้เดินมาถามว่า ฟ้องอะไรเจ้าของที่ จากนั้นก็พุ่งเข้ามา
บีบคอ ชกหน้าตนไป 3-4 หมัด ยังโชคดีที่ลุงเพื่อนบ้าน เข้ามาห้ามไว้ได้ทัน ส่วนสาเหตุนั้นคาดว่า น่าจะเกิดจากที่ตน
เอาเรื่องตั้งวงกินเหล้าไปฟ้องเจ้าของที่นั่นเอง
ด้านนางสาวสุธามาศ บอกว่า เพื่อนบ้านรายนี้เสียงดังมานานแล้ว ตนและสามีอดทนมาตลอด เมื่อเพื่อนบ้านทราบ
เรื่องการฟ้องเจ้าของที่ดิน ก็เกิดความไม่พอใจ และมารุมทำร้ายสามีของตน โดยพฤติกรรมแย่ ๆ ของเพื่อนบ้านนั่นคือ
นั่งจับกลุ่มร้องเพลงและเปิดเพลงเสียงดัง หนักสุดเกินตี 3 เร็วสุด คือ เที่ยงคืน สัปดาห์หนึ่งตั้งวงกินเหล้าไปแล้ว 5 วัน
ตอนนี้ตนกับสามีได้หลยออกมาอยู่ที่อื่นแล้ว เพราะกลัวจะไม่ปลอดภัย
ด้านนายจตุรพร ซึ่งเป็นเจ้าของรถคันสีดำที่คู่กรณีได้ขับมาก่อเหตุ ได้เล่าว่า วันเกิดเหตุนั้นตนได้ขับรถไปหน้าบ้านของนายจตุรพร
ตนได้เดินไปคนเดียว ไม่ได้ยกพวกไปแต่อย่างไร แล้วก็ถามนายจตุรพรว่า ทำไมไม่มาคุยกัน ทำไมต้องไปฟ้องเจ้าของที่ดิน
เจ้าของที่โทรมาคุยกับตนว่าตนนั้นร้องคาราโอเกะถึงตี 2-3 ทั้ง ๆ ที่เรื่องจริงนั้นไม่ได้เป็นเช่นนั้น
เพราะตนนั้นกลับบ้านตั้งแต่เที่ยงคืนแล้ว ตนยอมรับว่าเดินเข้าไปใกล้ แต่ไม่ได้ทำอะไรนายจตุรพร ส่วนรุ่นพี่อีกสองคน
เขาเห็นว่าตนมีปัญหาจึงเดินมาดูแล้วกก็เกิดมีปากเสียงกัน ดึงกันไปมา แล้วพลาดมือไปโดนหน้าคู่กรณี






