ใครที่อยากปลูกผักแต่ทุนน้อยต้องรู้
1. เพาะเห็ดฟางในตะกร้า
ปลูกผักขาย
คนไทยนิยมบริโภคกันเป็นประจำอยู่แล้ว โดยเฉพาะเห็ดฟาง ซึ่งตลาดมีความต้องการอยู่ตลอด ที่สำคัญเป็นเห็ดที่เพาะง่าย หากมีระบบจัดการดี ๆ ก็สามารถสร้างผลผลิตตลอดทั้งปีเลย
ต้นทุนอุปกรณ์ค่าใช้จ่าย
- ตะกร้าพลาสติก ใบละประมาณ 40 บาท
- หัวเชื้อเห็ดฟาง 15 บาท (ใช้ได้ 2-3 ตะกร้า)
- อาหารเสริม เช่น ฟางข้าว ผักตบชวา เลื่อย เปลือกมันสำปะหลัง หรือซื้อสำเร็จรูปถุงละประมาณ 30 บาท
- สุ่มไก่ ใบละ 200-250 บาท หรือจะสร้างเป็นโรงเรือนแบบมาตรฐานก็ได้
การเก็บเกี่ยวผลผลิต
เห็ดฟางจะเริ่มเก็บผลผลิตได้ในวันที่ 8-9 ของการเพาะ และเก็บต่อได้อีกประมาณ 5 วัน รวมผลผลิตต่อตะกร้าอยู่ที่ราว 2 กิโลกรัม ซึ่งขึ้นอยู่กับสภาพอากาศด้วย โดยเห็ดฟางจะออกดีในอากาศร้อนชื้น
ราคาและช่องทางจัดจำหน่าย
ราคาเห็ดฟางจะอยู่ในช่วง 50-100 บาทต่อกิโลกรัม แต่ถ้าเป็นฤดูหนาวเห็ดฟางมักมีราคาสูงขึ้นกว่าช่วงอื่น ๆ เนื่องจากผลผลิตออกมาน้อย แต่ความต้องการบริโภคมีตลอดทั้งปี
สำหรับช่องทางขาย โดยปกติจะมีคนมาติดต่อซื้อถึงหน้าฟาร์มทุกวันอยู่แล้ว แต่ราคาจะไม่ดีเท่ากับการนำไปขายส่งในตลาด หรือส่งตามห้างสรรพสินค้าด้วยตัวเอง นอกจากนี้หากนำเห็ดฟางไปแปรรูป เช่น อบแห้ง ก็จะสามารถเพิ่มมูลค่าขึ้นไปอีก
2. ต้นอ่อนทานตะวัน
ปลูกผักขาย
เป็นผักที่ได้รับความนิยมเป็นวงกว้าง ด้วยรสชาติและประโยชน์ของต้นอ่อนทานตะวันที่เข้ากับเทรนด์สุขภาพของคนยุคนี้สุด ๆ ทำให้ธุรกิจปลูกต้นอ่อนทานตะวันกำลังเฟื่องฟู ขายดีมีกำไรกันไม่น้อยเลย
ต้นทุนอุปกรณ์ค่าใช้จ่าย
- ถาดสำหรับปลูก ใบละ 30-40 บาท
- ดินปลูก ถุงละ 10 บาท
- เมล็ดทานตะวัน กิโลกรัมละ 50-100 บาท (ขึ้นอยู่กับปริมาณที่ซื้อ)
การเก็บเกี่ยวผลผลิต
ต้นอ่อนทานตะวันจะใช้เวลาโตเต็มที่พร้อมเก็บเกี่ยว 5-7 วัน นับจากวันที่ลงภาชนะปลูก โตได้ดีในที่อากาศเย็น โดยเฉพาะช่วงหน้าหนาวที่ผลผลิตจะมีคุณภาพมากที่สุด สำหรับเมล็ดทานตะวัน 1 กิโลกรัม จะได้ต้นอ่อน 4-5 กิโลกรัม
ราคาและช่องทางจัดจำหน่าย
ราคาขายส่งต้นอ่อนทานตะวันอยู่ที่ 80-100 บาทต่อกิโลกรัม อย่างไรก็ดี หากมีลูกค้ากลุ่มร้านอาหารเพื่อสุขภาพและสามารถส่งขายตามออร์เดอร์ได้ ราคาก็จะสูงถึง 120 บาทต่อกิโลกรัมขึ้นไป
3. ผักสลัดไฮโดรโปนิกส์
วิธีปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ แบบไม่ต้องใช้ดินแต่ใช้น้ำแทน กำลังเป็นเทรนด์ใหม่ เพราะประหยัดเนื้อที่ แถมยังได้ผักปลอดสารพิษ ลดโอกาสปนเปื้อนของสารเคมีต่าง ๆ ที่อยู่ในดินอีกด้วย จึงทำให้ผักไฮโดรโปนิกส์มีราคาสูง น่าลงทุนทีเดียว
ต้นทุนอุปกรณ์ค่าใช้จ่าย
- โรงเรือนและรางปลูก ต้นทุนขึ้นอยู่กับวัสดุและขนาด หรือเลือกซื้อชุดปลูกสำเร็จรูป ราคาเริ่มต้น 500 บาท จนถึงหลักหมื่น
- เมล็ดพันธุ์ผักสลัดถุงละ 15-20 บาท (300-500 เมล็ด)
- ปุ๋ยลิตรละประมาณ 100 บาท
การเก็บเกี่ยวผลผลิต
เริ่มเก็บขายได้หลังผักอายุ 45 วัน โดยผักสลัดทุกชนิดชอบอากาศเย็น ทำให้โตและมีน้ำหนักดีในช่วงหน้าหนาว ตรงกันข้ามหากอากาศร้อนจัด อาจจะไม่มีผลิตออกมาสู่ท้องตลอดเลยก็มี
ราคาและช่องทางจัดจำหน่าย
ราคาขึ้นอยู่กับผลผลิตที่ออกมาสู่ตลาด โดยหน้าร้อนราคาจะสูงมาก ส่วนหน้าหนาวราคาจะถูกลง อย่างผักกรีนโอ๊ค ราคาขายส่งหน้าฟาร์มเฉลี่ยอยู่ที่ 80-120 บาทต่อกิโลกรัม แต่หากส่งตามร้านอาหาร หรือโมเดิร์นเทรด ที่เน้นคุณภาพผักสดใหม่และปลอดสารพิษ ราคาขายก็จะสูงขึ้นอีก 20-30%
4. ผักชี
ผักสวนครัวที่ทุกบ้านต้องมี ใส่ในอาหารได้หลากหลายชนิด นอกจากนี้ ผักชีกำลังได้รับความนิยมอย่างมากในตลาดต่างประเทศอีกด้วย
ต้นทุนอุปกรณ์ค่าใช้จ่าย
- แปลงเพาะปลูก หรือทำโรงเรือนแบบครบวงจร
- เมล็ดพันธุ์ผักชี ประมาณ 500 บาทต่อกิโลกรัม
- ปุ๋ย 20 บาทต่อกิโลกรัม
การเก็บเกี่ยวผลผลิต
พออายุได้ 40-45 วัน ผักชีจะเริ่มเก็บเกี่ยวขายได้ โดยผักชีจะให้ผลผลิตดีที่สุดช่วงหน้าหนาว และออกน้อยช่วงหน้าฝน เพราะผักชีเป็นพืชบวมน้ำ จึงบอบช้ำง่ายเวลามีฝนตก
ราคาและช่องทางจัดจำหน่าย
ผักชีเป็นที่ต้องการของตลาดตลอดทั้งปี แต่ก็เป็นผักที่ราคามีความผันผวนพอสมควร อย่างช่วงหน้าฝนราคาขึ้นไปถึง 300 บาทต่อกิโลกรัมเลยทีเดียว แต่ก็มีช่วงที่ราคาตกลงไปเหลือ 30 บาท ก็มี อย่างไรก็ตาม ผักชีมีข้อดีตรงที่ให้ผลผลิตมากและขายง่ายนั่นเอง
5. ปลูกมะนาวในน้ำ
ยังเป็นที่ต้องการของตลาดอยู่เสมอสำหรับมะนาว ไม่ว่าจะเป็นตามตลาดสด ร้านอาหาร ร้านเครื่องดื่ม ทำให้ไม่แปลกเลยที่จะมีคนผันตัวมาปลูกมะนาวสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ ซึ่งการปลูกมะนาวในน้ำดีตรงที่ใช้พื้นที่น้อย และสามารถให้ผลผลิตได้ตลอดทั้งปี
ต้นทุนอุปกรณ์ค่าใช้จ่าย
- ถังน้ำ ขนาด 100 ลิตร ราคาเริ่มต้น 400 บาท
- กระถางต้นไม้ 14 นิ้ว ราคา 100-300 บาท
- ปุ๋ยคอก 20 บาทต่อกิโลกรัม
- ขุยมะพร้าว 60-65 บาทต่อกิโลกรัม
การเก็บเกี่ยวผลผลิต
หลังเพาะปลูกเสร็จมะนาวจะเริ่มให้ผลผลิตหลังผ่าน 3 เดือนแรก และให้ผลผลิตต่อเนื่องตลอดทั้งปี เพียงเติมน้ำ เติมปุ๋ยทุก ๆ 3 เดือนเป็นประจำ ซึ่งจะให้ผลผลิตดีที่สุดในช่วงหน้าฝน
ราคาและช่องทางจัดจำหน่าย
มะนาวแป้นราคาเฉลี่ยลูกละ 3-7 บาท แต่หากในช่วงที่แล้งมาก ๆ ราคาอาจพุ่งเกินลูกละ 10 บาท ก็มีให้เห็นมาแล้ว อีกทั้งถ้ามีลูกค้าประจำที่เป็นร้านอาหาร หรือส่งให้แม่ค้าในตลาดโดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง ก็จะได้ราคาที่ดีกว่าราคาขายส่งหน้าฟาร์ม