ความคิดดีๆของชีวิตวัยรุ่นที่หายกับวัยทำงานที่ขี้เกียจ
ความคิดดีๆของชีวิตวัยรุ่นที่หายกับวัยทำงานที่ขี้เกียจ
ความคิดที่1
มีงานทำแล้วค่อยเที่ยวให้สุดๆไปเลยครับ
ผมก็เสียดาย ชีวิตวัยรุ่น..เป็นเด็กบ้านนอก เที่ยวเธคก้ไม่เป็น มาเที่ยวก็อายุ ยี่สิบกว่า แต่พอได้เที่ยวแล้วก็ติด เอิ๊กๆ แต่มีงานทำก่อนนะ
อย่าไปเสียดายเลยครับ....ตั้งใจเรียนไปก่อน ความสุขไม่ได้อยู่ที่ต้องเที่ยว ถ้าเราอยู่บ้านอยู่กับยาย ก็มีความสุขได้แล้ว
ผมก็อยู่กับตาสองคน......เหมือน พ่อ เหมือนแม่......แต่ ตา ตายละ เสียดาย ตายตอนยังไม่ค่อยจะสบายเท่าไหร่
แต่ตอนไม่ตาย ผมทำทุกอย่างที่ทำให้ตามีความสุข ทุกอย่างที่ทำได้....ก้เลยถือว่าไม่ติดค้างในใจ แค่เสียใจว่าตาตายแค่นั้น
เป็นกำลังให้เน้อ.......คนเจียงฮายนำกันเด้อครับเด้อ...เอิ๊กๆ
ความคิดที่2
พยายามปลีกเวลาไปค้นหารสชาติของชีวิตบ้างครับถ้าทำได้
แต่ในกรณีที่ทำไม่ได้จริงก็ไม่เป็นไร เห็นใจครับ...เพราะสิ่งที่สำคัญมากสำหรับคุณก็คือการต้องดูแลผู้สูงอายุทั้ง 2 ท่าน
อาจจะใช้เวลาตรงนี้ค้นหาความชอบ ความต้องการของตัวเองไปแบบเงียบๆก่อนก็ได้ครับ
เช่น อ่านหนังสือ อ่านนิตยสารในเรื่องที่ตัวเองสนใจ หนังสือท่องเที่ยว ไลฟ์สไตล์ เป็นการสะสมความรู้ในตัวเองไปก่อน
...พอถึงเวลาที่คุณพร้อมทั้งด้านเวลา รายได้ และโอกาสชีวิต ก็ค่อยทำมันยังไม่สายครับ
ผมเองก็คล้ายๆคุณอยู่บ้างครับ มีเที่ยวมีอะไรไปตามวัย...แต่ช่วงที่รู้สึกได้รสชาติชีวิตของตัวเองจริงๆ ก็ปาเข้าไป 20 up แล้วเหมือนกัน
...จนตอนนี้ 27 แล้ว ก็ยังรู้สึกว่าขาดรสชาติบางส่วนในชีวิตอยู่เลย
ความคิดที่3
คุณอายุเพิ่งจะ 20 เอง ยังมีเวลาอีกเยอะค่ะ บอกตรงๆ ช่วงเวลาตอนนี้ที่ต้องดูแลท่านทั้งสอง คือ การตอบแทนบุญคุณท่าน ทำต่อไปเถอะค่ะ
....ใช้เวลาว่างที่อยู่ที่บ้านในตอนนี้ให้เป็นประโยชน์จากการดูสิ่งต่างๆ ผ่านสื่อรอบตัว ไม่ว่าจะเป็น tv internet magazine เก็บข้อมูลสิ่งที่คุณชอบอยากทำไว้
อีกไม่นานหรอกค่ะ...เมื่อคุณพร้อม ทั้งเงิน เวลา คุณก็พร้อมที่จะบินตามใจตัวเองได้แล้ว ยายทวดไม่ได้อยู่กับคุณไปทั้งชีวิตแน่นอน
....ดีกว่า มานั่งเสียใจย้อนหลังตอนที่ท่านเสียไปว่า ไม่ได้ดูแลท่านตอนมีชีวิตนะคะ
คนบางคนอายุ 30 กว่าแล้ว มีเงินที่จะเที่ยว แต่ยังไม่สามารถทำตามใจตัวเองได้เลย....อันนี้สิน่าเศร้า ชีวิตที่ไม่สามารถทำตามใจ ขาดสีสันวัยเด็กจนถึงวัยทำงาน มันขาดอิสระของการใช้ชีวิตกว่ากันเยอะ