ส่งลูกเรียนในไทย(เทรนด์ใหม่ชาวจีน)
ปัจจุบันจำนวนนักเรียน นักศึกษาชาวจีน ที่เข้ามาเรียนระดับอุดมศึกษาในไทย กำลังมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ปีการศึกษา 2560
มีนักเรียนชาวจีน ทั้งสิ้น 8,669 คน
จากจำนวนนักศึกษาต่างชาติ 21,360 คน
แต่ในปีการศึกษา 2565
มีนักเรียนชาวจีน ทั้งสิ้น 18,771 คน
จากจำนวนนักศึกษาต่างชาติ 30,837 คน
ผ่านไป 5 ปี นักเรียนชาวจีนเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว แถมยังเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด จนสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็นครึ่งหนึ่งของ
จำนวนนักศึกษาต่างชาติทั้งหมดแล้ว
โดยสาเหตุที่ทำให้ชาวจีน เข้ามาศึกษาต่อในไทยมากขึ้น เริ่มมาจากการแข่งขันทางการศึกษาของจีนเองที่กดดันและหนักเกินไป
เนื่องจากประเทศจีน จะมีการสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่เรียกว่าการสอบ “เกาเข่า” ซึ่งจะจัดสอบเพียงปีละ 1 ครั้ง
แต่มหาวิทยาลัยในจีนนั้นรองรับได้อย่างจำกัด อีกทั้งตำแหน่งงานในประเทศจีน ก็มักจะเปิดรับนักศึกษาที่จบจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง
ทำให้ในแต่ละปี จะมีผู้เข้าสอบที่ผิดหวังจากการสอบจำนวน 2 ถึง 3 ล้านคน
โดยปัจจัยที่ทำให้ชาวจีนจำนวนมากเลือกศึกษาต่อในไทย มีหลายข้อด้วยกัน เช่น
- ค่าเรียน ค่าครองชีพที่ถูกกว่า
โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับสหรัฐอเมริกาและยุโรปที่แต่ละปีอาจมีค่าใช้จ่ายไม่ต่ำกว่า 1,500,000 บาท ในขณะที่การศึกษาต่อในไทยมีค่าใช้จ่ายต่อปีเพียง 200,000 บาท เท่านั้น ซึ่งตอบโจทย์กับกลุ่มนักเรียนจีนที่มีฐานะปานกลาง
หลักสูตรได้มาตรฐาน มีหลายสาขาให้เลือกเรียน อีกทั้งยังได้รับการรับรองจากหลายหน่วยงาน และเป็นที่ยอมรับในประเทศจีน รวมถึงการเรียนมีความผ่อนคลายมากกว่า
เพราะในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ทิศทางการลงทุนของประเทศจีน หันมามุ่งเน้นที่ตลาดอาเซียน โดยเฉพาะประเทศไทยมากขึ้น
โดยมูลค่าการค้าระหว่างไทย-จีน เพิ่มขึ้นจาก 2.5 ล้านล้านบาทในปี 2560 เพิ่มเป็น 3.7 ล้านล้านบาทในปี 2565
ในขณะเดียวกัน โครงการที่ขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน พบว่า มูลค่าการลงทุนจากจีน 27,500 ล้านบาทในปี 2560 เพิ่มเป็น 77,400 ล้านบาทในปี 2565
เนื่องจากจำนวนนักศึกษาในไทยกำลังลดลงอย่างต่อเนื่อง
อย่างเช่นในปี 2563 มีนักศึกษาไทยที่เข้าสอบ TCAS ซึ่งเป็นระบบการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยระบบใหม่ เป็นจำนวน 206,000 คน
แต่มหาวิทยาลัยของไทยมีอัตราการรับนักศึกษาใหม่กว่า 560,000 คน ทำให้มีที่นั่งว่างเกินกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนที่รับ ซึ่งส่งผลต่อรายได้ของมหาวิทยาลัยโดยตรง