หมากัดหูเกือบขาด จะให้เงินหมื่นเดียว
เรื่องนี้เป็นเรื่องราวร้องทุกข์ของคุณแม่ท่านหนึ่ง ที่สงสารลูกชายตัวเองจับใจ ลั่นถามว่าทำไมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ ลูกชาย อายุ 5 ขวบ ชื่อน้องทิว ถูกหมาจากร้านค้าที่อยู่ตรงข้ามบ้านกัดหูเกือบขาด และนี่ไม่ใช่ครั้งแรก ที่ถูกหมาตัวนี้กัดแต่เป็นครั้งที่ 3 แล้ว
ที่ผ่านมาคนในบ้านหลังที่เป็นร้านขายของ (แต่ไม่ได้เป็นเจ้าของหมา) มาตัดผมที่ร้านแล้วหมาตัวนี้ก็วิ่งตามมา ตอนนั้นลูกชายของเธอเล่นอยู่หน้าบ้านและเอาไม้ตีพื้น เธอจึงพาลูกชายเข้าบ้าน แต่มันจังหวะหนึ่งที่เธออยู่ในบ้าน ไม่ทันได้เห็นว่าลูกชายนั้นออกมาหน้าบ้านตอนไหน แต่ได้ยินเสียงร้องกรี๊ดดังลั่น เมื่อเธอออกมาดูหน้าบ้านก็แทบช็อก เพราะเห็นลูกชายโดนหมากัด ทั้งใบหน้าและศีรษะ โดยมีคนที่อยู่ใกล้ ๆ รีบอุ้มเด็กขึ้นมา ส่วนพี่ชายของเธอก็พยายามที่จะเข้าไปช่วยหลาย จนถูกกัดที่หน้าแข้งได้รับบาดเจ็บ
หลังจากเกิดเหตุเธอรีบพาลูกไปโรงพยาบาล ซึ่งพบว่า ใบหูฉีกขาด ต้องเย็บรวมทั้งแผลที่ใบหน้าและศีรษะ ต่อมาเธอได้แจ้งกับเจ้าของหมาตัวนั้น ซึ่งก็มีศักดิ์เป็นญาติ ๆ กัน โดยเจ้าของหมานั้นบอกว่าจะโอนเงินให้ 1 หมื่น เพื่อเป็นค่าเดินทาง ตอนนี้ลูกชายออกจากโรงพยาบาลแล้ว แต่เมื่อทวงถามถึงค่ารักษาพยาบาล ความรับผิดชอบ เยียวยา เจ้าของหมาบอกว่า ก็โอนให้แล้วไง หนึ่งหมื่นนั่นแหละ แต่เธอรู้สึกว่า มันไม่ใช่แบบนี้ไหม ลูกชายของเธอบาดเจ็บสาหัส ค่าเดินทาง ค่ารักษาพยาบาล ค่าเยียวยา หนึ่งหมื่นมันไม่พอจริง ๆ เมื่อสอบถามไปกับเจ้าของหมา ก็ถูกปฏิเสธและบอกว่าถ้าไม่พอใจก็ไปแจ้งตำรวจได้เลย เธอกับพี่สาวจึงได้เข้าแจ้งความกับตำรวจพร้อมกับลงบันทึกประจำวันเอาไว้ แต่ก็มีการโต้เถียงกันไปมา เกี่ยวกับค่ารักษาด้วยความโมโหพี่ชาย ตนจึงบอกว่าจะเรียกค่าเสียหาย 2 แสนบาท
วันเกิดเหตุทางเจ้าของสุนัขซึ่งเป็นบ้านร้านค้า และเป็นญาติกันที่อยู่ฝั่งตรงข้ามได้เข้ามาใช้บริการที่ร้านเสริมสวยของตนเอง โดยนำสุนัขมาด้วย ชื่อ ลีโอ ด้วยความที่ลูกชายเป็นเด็กและเล่นแกว่งถุงพลาสติกไปมาเลยโดนกัด จากนั้นพี่ชายที่อยู่ในบ้านได้ยินเสียงหลานร้อง จึงได้รีบวิ่งออกมาจากในบ้านเพื่อที่จะช่วย ก่อนที่จะโดนกัดที่ขา ก่อนที่สุนัข ชื่อ บิ๊ก ที่ตนเลี้ยงไว้จะออกมาช่วยด้วยการสู้ยื้อแย่งกับสุนัขของลูกค้ที่กัดลูกชายตนเอง เมื่อช่วยลูกมาได้ เธอกับพี่ชายก็รีบพาลูกไปโรงพยาบาลทันที
เมื่อไปถึงหมอได้ตรวจอาการ พบว่าที่หูฝั่งซ้ายถูกหมากักจนหูห้อย ข้อมือซ้ายก็ถูกกัด โดยพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล ปทุมธานี 1 คืน ก่อนแพทย์จะให้กลับบ้าน ส่วนพี่ชายถูกกัดที่ขาขวา โดยช่วงแรกที่ลูกตนเองยังเจ็บอยู่ คู่กรณียินดีรับผิดชอบในค่าเดินทางไปรักษาและค่าล้างแผล ซึ่งตนเองก็รับไว้ และตกลงกันว่า ตอนนี้จะช่วยเท่าไหร่ก็ช่วย แต่ถ้าหลังจากนี้ลูกตัวเองหายหรือดีขึ้นเราจะเรียกกันทีหลัง และป้าเจ้าของสุนัข ก็บอกว่า ถ้าน้องหูหนวกป้าก็จะช่วยรักษาแต่รักษาตามบิลเท่านั้น สำหรับสุนัขตัวที่กัดลูกตนเองไม่ใช่ครั้งแรก แต่นี่ก็ 3 ครั้งแล้ว แต่ตนเองคิดว่า 2 ครั้งแรกเกิดขึ้นที่ร้านค้าซี่งเป็นบ้านป้า เพราะลูกชายไปซนเอง จึงไม่ได้เรียกร้องค่าเสียหาย แต่ครั้งนี้มากัดถึงในบ้านของตนเอง
ตอนนี้ตนเองคิดว่าต้องการแจ้งความ เพราะตนเองจะขอเรียกค่าเสียหายเพราะต่อให้สภาพร่างกายหายแล้ว แต่สภาพจิตใจนั้นยังไม่ปกติ ตนเองต้องพาไปพบหมอจิตแพทย์ แต่ว่าทางคู่กรณียืนยันว่า เงิน 10,000 บาท ที่ให้มามากพอแล้ว และเจ้าของสุนัขยังได้ท้าให้เอาตำรวจมาที่บ้านได้เลย ซึ่งตอนแรกก็ได้ตกลงกันแล้วว่าจะไม่แจ้งความเพราะเป็นญาติกัน แต่จำเป็นต้องแจ้งเพราะอยากขอความเป็นธรรมให้กับลูกชาย เด็กเกือบต้องเสียอวัยวะ และต้องมาเป็นแผลเป็นไปตลอดชีวิต รวมทั้งเป็นแผลในใจอีก
ทุกวันนี้น้องยังนอนผวาร้องไห้แทบทุกคืน เราแค่อยากให้มาพูดคุยกันดูแลสภาพจิตใจลูกตนเองที่เป็นหลานของป้า เจ้าของสุนัขบ้าง ซึ่งตนเองก็ไม่รู้ว่าเขาจะยินดีคุยด้วยหรือไม่ จึงอยากให้สื่อมวลชนเป็นสื่อกลางในการเจรจา หากป้าเจ้าของสุนัขยินดีพูดคุยตนก็ยินดีเช่นกัน