ตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกตัวจริงคือ Rothschild เพราะเขามีทรัพย์สินมากถึง 500 ล้านล้านดอลลาร์
คุณคิดว่าใครเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกตอนนี้ ?
ไม่แปลกถ้าคุณจะคิดว่า อีลอน มัสก์ เพราะเขาเพิ่งถูกจัดอันดับให้เป็นมหาเศรษฐีที่รวยสุดอันดับหนึ่งของโลก หลังจากราคาหุ้นของบริษัทเทสลาพุ่งจนทำให้เขามีทรัพย์สินมหาศาลถึง 3.4 แสนล้านดอลลาร์ !
แต่ก็มีข่าวลือที่เล่าต่อกันมาอย่างยาวนานว่า จริง ๆ แล้วตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกตัวจริงคือ Rothschild เพราะเขามีทรัพย์สินมากถึง 500 ล้านล้านดอลลาร์ มากกว่าอีลอนเป็นพัน ๆ เท่า แถมยังเป็นผู้ชักใยรัฐบาล และเศรษฐกิจโลกอยู่เบื้องหลัง ! (บางสำนักข่าวบอกว่ามีเพียง 60 ล้านล้านดอลลาร์ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมากอยู่ดี !)
#ไม่ได้รวยมาแต่กำเนิด ย้อนกลับไปเมื่อปี 1528 สมัยนั้นคนเยอรมันส่วนใหญ่ยังเกลียดคนยิว ชาวยิวจึงถูกแยกออกมาให้อยู่ในสลัมเล็ก ๆ ตามกำแพงเมือง แต่มีอยู่ตระกูลหนึ่งที่จนมาก ๆ ถึงขนาดที่ต้องนอนอัดกัน 30 คน ในบ้านเล็ก ๆ ที่มีเพียงห้องเดียว โดยบ้านหลังนี้จะมีโล่สีแดงแขวนไว้หน้าบ้าน เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของคนประจำตระกูล ซึ่ง “โล่สีแดง” ภาษาเยอรมันเรียกว่า “Roth Schild” นี่จึงกลายเป็นที่มาของชื่อตระกูลนี้
#อะไรที่ทำให้พวกเขารวยได้ขนาดนี้ จุดเปลี่ยนสำคัญของตระกูลนี้ ได้เริ่มต้นขึ้นในปี 1744 เมื่อ Mayer Amschel Rothschild ได้ลืมตาขึ้นมามองโลก และเมื่อมีอายุแค่เพียง 20 ปี เขาก็ได้เปิดบริษัทเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนเงินตรา กู้ยืม และซื้อขายเหรียญโบราณ ซึ่งการซื้อขายเหรียญโบราณนี้ทำให้เขาได้รู้จักกับเจ้าชายวิลเลียมที่ 1 แห่งเฮสเซ่ ประเทศเยอรมนี ผู้ชอบสะสมเหรียญเก่าหายาก
เนื่องจากเหรียญพวกนี้เปรียบเสมือนงานศิลปะชั้นสูง Mayer จึงสรรหาเหรียญที่ดีที่สุดไปให้เจ้าชายจนเกิดความสนิทสนมกัน หลังจากนั้นเขาจึงแต่งตั้งให้ Mayer กลายเป็นพ่อค้าหลวงส่วนตัว Mayer จึงใช้สถานะของตัวเองต่อยอดธุรกิจที่เขามีด้วยการเริ่มปล่อยเงินกู้ ซึ่งก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เนื่องจากคนยุโรปในสมัยก่อนนับถือศาสนาคริสต์เลยมีความเชื่อว่าการปล่อยเงินกู้นั้นเป็นบาป คู่แข่งของเขาจึงแทบจะไม่มีเลย
แต่แล้วเมื่อเจ้าชายวิลเลียมที่ 1 เริ่มชราภาพ เขาจึงมอบทรัพย์สินส่วนใหญ่ให้ Mayer ดูแล และเขาก็ไม่ผิดหวังเมื่อ Mayer ได้นำทรัพย์สินของเขาไปลงทุนจนสามารถสร้างรายได้มหาศาล ด้วยความร่ำรวยและเส้นสายที่มากขึ้นเขาจึงส่งลูก ๆ ทั้ง 5 คน ไปยัง ประเทศสำคัญ ๆ ในยุโรป เพื่อขยายความยิ่งใหญ่ของธุรกิจออกไป #เหตุผลที่ถูกโยงว่าชักใยสงคราม Nathan Mayer Rothschild คือลูกชายคนที่สามที่ถือว่าประสบความสำเร็จมากที่สุด เพราะเขาสามารถสร้างธุรกิจผ้าฝ้ายที่ใหญ่โตในลอนดอน ก่อนจะเริ่มลงทุนในพันธบัตร จนสามารถก่อตั้งธนาคาร “Rothschild & Co” ได้ในที่สุด ปี 1815 ได้เกิดสมรภูมิวอเตอร์ลู หรือ สงครามระหว่างฝรั่งเศสกับอังกฤษ ซึ่งมหาเศรษฐีต่าง ๆ ของประเทศอังกฤษมักจะซื้อตราสารหนี้ของประเทศตัวเองไว้ เพื่อช่วยประเทศตัวเองรวมถึงเวลาที่รบชนะตราสารหนี้ก็จะมีมูลค่าสูงขึ้น
Nathan จึงใช้โอกาสนี้ออกทุนให้อังกฤษไปทำสงคราม แต่มีข้อแลกเปลี่ยนว่าเขาต้องได้ข่าวการแพ้-ชนะจากสนามรบก่อนใคร เมื่อทราบว่าอังกฤษรบชนะ เขาจึงเทขายตราสารหนี้ออกจนหมด เหตุการณ์นี้ทำให้เศรษฐีหลายคนที่ซื้อตราสารหนี้ต่างคิดว่า Nathan ต้องรู้ข่าวว่าอังกฤษรบแพ้แน่ ๆ พวกเขาจึงเทขายตาม โดยที่ไม่รู้เลยว่า Nathan กำลังแอบซื้อตราสารหนี้ที่พวกเขาเทขายอยู่เงียบ ๆ เหตุการณ์ครั้งนี้จึงทำให้ตระกูล Rothschild มีทรัพย์สินมากขึ้นถึง 2,500 เท่า !
พร้อมขึ้นแท่นเป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในหมู่เกาะอังกฤษเลย ณ เวลานั้น แต่ก็มีเศรษฐีหลายคนที่ขาดทุนอย่างย่อยยับเพราะเหตุการณ์นี้ นี่จึงเป็นสิ่งที่ทำให้หลายคนตั้งข้อสงสัยว่าตระกูลนี้อาจเป็นผู้ชักใยการทำสงครามส่วนใหญ่ในโลกก็ได้ #เจ้าของธนาคารใหญ่ทั่วโลก หลังจากนั้นเขาก็เข้าไปเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดในธนาคารกลางอังกฤษ ซึ่งในตอนนั้นอังกฤษยังเป็นประเทศมหาอำนาจของโลก และเมื่ออังกฤษได้ทำสงครามประกาศอิสรภาพ ในที่สุดชาวอาณานิคมก็ได้รับชัยชนะ และตั้งเป็นประเทศใหม่ คือ สหรัฐอเมริกา Rothschild ก็ได้จัดตั้งธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ขึ้นมา ทำให้เขาได้มีสิทธิควบคุมและจัดการสกุลเงินต่าง ๆ ได้
มีหลายสำนักข่าวที่สันนิษฐานว่า Rothschild เป็นเจ้าของธนาคารกลางเกือบทุกประเทศทั่วโลกเลยนะ ! #เขาเป็นเจ้าของธุรกิจอะไรบ้าง นอกจากนี้ตระกูล Rothschild ยังเป็นเจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่าง Philip Morris International บริษัทยาสูบที่ใหญ่ที่สุดในโลก De Beers บริษัทเพชรที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่ถือครองเพชรกว่า 40% ทั่วโลก Château Lafite Rothschild ที่ผลิตไวน์อันดับ 1 ในประเทศฝรั่งเศส ไปจนถึง Royal Dutch Shell บริษัทน้ำมันที่ใหญ่อันดับ 2 ของโลก และนี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งในธุรกิจของตระกูลนี้เท่านั้น
เพราะตระกูล Rothschild ถือคติที่ว่าห้ามเปิดเผยสถานะทางการเงินให้ใครได้รู้เป็นอันขาด ดังนั้นกิจการในเครือของตระกูลนี้ส่วนใหญ่จึงไม่ถูกเปิดเผยให้ใครรู้ แต่ถ้าหากสิ่งที่หลายคนสันนิษฐานอย่างเรื่องการทำสงคราม หรือเข้าไปควบคุมธนาคารกลางของประเทศมหาอำนาจอย่าง FED , BOE และ ECB นั้นเป็นความจริงเท่ากับว่า เศรษฐกิจทั้งหมดของโลกใบนี้ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูล Rothschild ไปอย่างสมบูรณ์แบบเสียแล้ว !
อ้างอิงจาก: mensxp/rothschild-family-richest, YouTube