ทำไมชื่อเดือนต้องลงท้ายด้วย ‘ยน’และ‘คม’
ทำไมชื่อเดือนต้องลงท้ายด้วย ‘ยน’และ‘คม’
เชื่อว่าต้องมีหลายคนที่สงสัยเกี่ยวกับชื่อของแต่ละเดือน และคำลงท้ายด้วยคำว่า ยน และ คำว่า คม
ต้องย้อนกลับไปไกลถึง พ.ศ. 2432 กันเลยค่ะ เนื่องจาก พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.5)
ทรงประกาศใช้ปฏิทินแบบใหม่ตามสุริยคติตามแบบสากล (จากเดิมที่ประเทศไทยใช้แบบจันทรคติ คือปฏิทินที่นับตามคติการโคจรของดวงจันทร์ โดยหมายดูจากปรากฏการณ์ข้างขึ้นข้างแรม)
มีการกำหนดแบ่งให้หนึ่งปีมี 12 เดือน ในแต่ละเดือนก็จะมี 28-31 วัน ตามปฏิทินสากล
ซึ่งการตั้งชื่อเดือนในครั้งนั้นกำหนดเดือนแรกของปีคือ เดือนเมษายน จนถึงเดือนสุดท้ายของปีคือเดือนมีนาคม ซึ่งยังคงใช้รัตนโกสินทรศกเป็นชื่อปีอย่างเป็นทางการ โดยใช้ 1 เมษายน ร.ศ.108 แทนที่ 1 เมษายน พ.ศ.2432 จนกระทั่งเลิกใช้ปีรัตนโกสินทรศกที่ 131 จึงได้เปลี่ยนมาใช้ปีพุทธศักราชอย่างเป็นทางการ โดยปีพุทธศักราชแรกที่ใช้คือปีพ.ศ.2456
แล้วการตั้งชื่อเดือน ตั้งจากอะไร?
คำตอบคือ การตั้งชื่อเดือนนั้นทรงมีการตั้งโดยใช้ตำราจักรราศี ซึ่งแสดงการโคจรของดาวเคราะห์รอบดวงอาทิตย์ในหนึ่งปีตามวิชาโหราศาสตร์ โดยทรงนำคำสองคำมาสนธิกัน คำต้นเป็นชื่อราศีที่ปรากฏในช่วงเวลานั้น รวมกับคำว่า “อาคม” หรือ “อายน” ที่แปลว่า “การมาถึง” โดยได้ระบุวันอย่างชัดเจน คือ คำว่า คม สำหรับเดือนที่มี 31 วัน และ คำว่า ยน สำหรับเดือนที่มี 30 วัน (ยกเว้นเดือนกุมภาพันธ์ที่มี 28 หรือ 29 วัน ถ้าเป็นปีอธิกสุรทิน)
- มกราคม อักษรย่อ ม.ค. อ่านว่า มะ-กะ-รา-คม รากศัพท์มาจาก มกร+อาคม แปลว่า การมาถึงของราศีมกร (มังกร)
- กุมภาพันธ์ ย่อ ก.พ. อ่านว่า กุม-พา-พัน รากศัพท์มาจาก กุมภ+อาพันธ์ แปลว่า การมาถึงของราศีกุมภ์ (หม้อ)
- มีนาคม ย่อ มี.ค. อ่านว่า มี-นา-คม รากศัพท์มาจาก มีน+อาคม แปลว่า การมาถึงของราศีมีน (ปลา)
- เมษายน ย่อ เม.ย. อ่านว่า เม-สา-ยน รากศัพท์มาจาก เมษ+อายน การมาถึงของราศีเมษ (แกะ)
- พฤษภาคม ย่อ พ.ค. อ่านว่า พรึด-สะ-พา-คม รากศัพท์มาจาก พฤษภ+อาคม แปลว่า การมาถึงของราศีพฤษภ (วัว, โค)
- มิถุนายน ย่อ มิ.ย. อ่านว่า มิ-ถุ-นา-ยน รากศัพท์มาจาก มิถุน+อายน แปลว่า การมาถึงของราศีมิถุน (ชายหญิงคู่)
- กรกฎาคม ย่อ ก.ค. อ่านว่า กะ-ระ-กะ-ดา-คม รากศัพท์มาจาก กรกฎ+อาคม แปลว่า การมาถึงของราศีกรกฎ (ปู)
- สิงหาคม ย่อ ส.ค. อ่านว่า สิง-หา-คม รากศัพท์มาจาก สิงห+อาคม แปลว่า การมาถึงของราศีสิงห์ (สิงห์)
- กันยายน ย่อ ก.ย. อ่านว่า กัน-ยา-ยน รากศัพท์มาจาก กันย+อายน แปลว่า การมาถึงของราศีกันย์ (สาวพรหมจารี)
- ตุลาคม ย่อ ต.ค. อ่านว่า ตุ-ลา-คม รากศัพท์มาจาก ตุล+อาคม แปลว่า การมาถึงของราศีตุล (ตาชั่ง)
- พฤศจิกายน ย่อ พ.ย. อ่านว่า พฺรึด-สะ-จิ-กา-ยน รากศัพท์มาจาก พฤศจิก+อายน แปลว่า การมาถึงของราศีพิจิก (แมงป่อง)
- และ ธันวาคม ย่อ ธ.ค. อ่านว่า ทัน-วา-คม รากศัพท์มาจาก ธนู+อาคม แปลว่า การมาถึงของราศีธนู (ธนู)
- มกราคม อักษรย่อ ม.ค. อ่านว่า มะ-กะ-รา-คม รากศัพท์มาจาก มกร+อาคม แปลว่า การมาถึงของราศีมกร (มังกร)
- กุมภาพันธ์ ย่อ ก.พ. อ่านว่า กุม-พา-พัน รากศัพท์มาจาก กุมภ+อาพันธ์ แปลว่า การมาถึงของราศีกุมภ์ (หม้อ)
- มีนาคม ย่อ มี.ค. อ่านว่า มี-นา-คม รากศัพท์มาจาก มีน+อาคม แปลว่า การมาถึงของราศีมีน (ปลา)
- เมษายน ย่อ เม.ย. อ่านว่า เม-สา-ยน รากศัพท์มาจาก เมษ+อายน การมาถึงของราศีเมษ (แกะ)
- พฤษภาคม ย่อ พ.ค. อ่านว่า พรึด-สะ-พา-คม รากศัพท์มาจาก พฤษภ+อาคม แปลว่า การมาถึงของราศีพฤษภ (วัว, โค)
- มิถุนายน ย่อ มิ.ย. อ่านว่า มิ-ถุ-นา-ยน รากศัพท์มาจาก มิถุน+อายน แปลว่า การมาถึงของราศีมิถุน (ชายหญิงคู่)
- กรกฎาคม ย่อ ก.ค. อ่านว่า กะ-ระ-กะ-ดา-คม รากศัพท์มาจาก กรกฎ+อาคม แปลว่า การมาถึงของราศีกรกฎ (ปู)
- สิงหาคม ย่อ ส.ค. อ่านว่า สิง-หา-คม รากศัพท์มาจาก สิงห+อาคม แปลว่า การมาถึงของราศีสิงห์ (สิงห์)
- กันยายน ย่อ ก.ย. อ่านว่า กัน-ยา-ยน รากศัพท์มาจาก กันย+อายน แปลว่า การมาถึงของราศีกันย์ (สาวพรหมจารี)
- ตุลาคม ย่อ ต.ค. อ่านว่า ตุ-ลา-คม รากศัพท์มาจาก ตุล+อาคม แปลว่า การมาถึงของราศีตุล (ตาชั่ง)
- พฤศจิกายน ย่อ พ.ย. อ่านว่า พฺรึด-สะ-จิ-กา-ยน รากศัพท์มาจาก พฤศจิก+อายน แปลว่า การมาถึงของราศีพิจิก (แมงป่อง)
- และ ธันวาคม ย่อ ธ.ค. อ่านว่า ทัน-วา-คม รากศัพท์มาจาก ธนู+อาคม แปลว่า การมาถึงของราศีธนู (ธนู)
แล้วปีอธิกสุรทิน คืออะไร ก็คือปีที่มีการเพิ่ม 1 วันเข้าไปเพื่อให้ปีปฏิทินสอดคล้องกับปีดาราศาสตร์ หรือปีฤดูกาล เพราะฤดูกาลและเหตุการณ์ทางดาราศาสตร์มิได้เกิดซ้ำในจำนวนเต็มวัน ปฏิทินซึ่งมีจำนวนวันในแต่ละปีเท่าเดิมจึงต้องเลื่อนให้ตรงกับเหตุการณ์ที่ปฏิทินควรจะติดตามเมื่อเวลาผ่านไป โดยการแทรกวันหรือเดือนเพิ่มเข้าไปในปีนั้น