หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ไขปริศนา!? "ปรากฏการณ์น้ำทะเลเรืองแสง"

โพสท์โดย อับดุล รอเเย๊ะส์

"ปรากฏการณ์น้ำทะเลเรืองแสง จริงๆ
เกิดจากสาหร่ายเซลเดียวครับ"

ปรากฏการณ์ที่เห็นน้ำทะเลเรืองแสงสวยงามแบบนี้ เป็นการเรืองแสงของสิ่งมีชีวิต หรือที่เรียกว่า “bioluminescence” ซึ่งเกิดจากการที่มีแพลงก์ตอน (plankton คือสิ่งมีชีวิตที่ลอยไปมาตามน้ำ ไม่สามารถเคลื่อนที่ได้เอง ) ในกลุ่มของสาหร่ายเซลล์เดียว พวกที่ชื่อ "ไดโนแฟลกเจลเลต (dinoflagellate) " มาสะสมตัวอยู่เป็นปริมาณมาก

พวกไดโนแฟลกเจลเลต (Dinoflagellates) นี้ มีหลากหลายสปีชีส์ (ตัวอย่างเด่นได้แก่ สกุล Noctiluca น็อกติลูก้า) และสามารถทำให้ผนังเซลล์ของมันเกิดการเรืองแสงเป็นสีเขียวหรือสีน้ำเงินได้ พอมารวมตัวกันมากๆ จึงเห็นทะเลเรืองแสงเป็นสีน้ำเงิน หรือสีเขียวอมฟ้า

แต่การที่พบพวกมันอยู่เป็นปริมาณมากๆ เช่นนี้ ก็เป็นดัชนีที่บ่งบอกถึงปัญหาทางสิ่งแวดล้อม เช่น ในน้ำที่มีปริมาณธาตุอาหารสารอินทรีย์มากเกินไป จนพวกมันสามารถเจริญเติบโตได้เต็มไปหมด (เหมือนกรณี red tide หรือปรากฏการณ์ขี้ปลาวาฬ )

ขณะที่บางชนิดก็ปล่อยสารพิษออกมาได้ด้วย ทำให้เป็นอันตรายต่อสัตว์น้ำในทะเลและระบบนิเวศ ..

รวมไปถึงการที่มันแผ่ปกคลุมเต็มน้ำ ทำให้แสงส่องลงไปใต้น้ำได้ลำบาก และสิ่งมีชีวิตกลุ่มพืชใต้น้ำ ก็ขาดแสงในการสังเคราะห์อาหาร พวกสัตว์น้ำที่ต้องอาศัยออกซิเจนในการดำรงชีวิต ก็ตายตามไปด้วย

ลองอ่านข้อมูลรายละเอียดจากบทความของ SciMathได้ด้านล่างครับ
-----
(บทความ) "มหัศจรรย์น้ำทะเลเรืองแสง" โดย : ศรุดา ทิพย์แสง

หลายท่านคงเคยได้เห็นทะเลเรืองแสงในตอนกลางคืน ไม่ว่าจะทางภาพถ่าย ทางสื่อต่าง ๆ หรือบางท่านอาจคงเคยมีประสบการณ์ได้พบเห็นด้วยตนเอง ซึ่งปรากฏการณ์ทะเลเรืองแสงนี้เราจะเรียกว่า“Bioluminescence” ซึ่งคนไทยบางพื้นที่อาจจะเรียกว่าต่อ ๆ กันมาว่า พรายน้ำ นั่นเอง ปรากฏการณ์ทะเลเรืองแสงนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร เกิดขึ้นจากอะไร เกิดขึ้นช่วงเวลาไหน วันนี้เราจะมาหาคำตอบกัน

ปรากฏการณ์ทะเลเรืองแสงสีฟ้าหรือที่เรียกกันว่า “ปรากฏการณ์ขี้ปลาวาฬ (Red tide)” คือชื่อสามัญของปรากฏการณ์สาหร่ายสะพรั่ง เป็นการรวมตัวขนาดใหญ่ของจุลชีพในท้องทะเล ซึ่งเกิดขึ้นจากไดโนแฟลกเจลเลตไม่กี่ชนิด ที่มีการสะพรั่งสีแดงหรือน้ำตาล เป็นเหตุการณ์ที่เกิดจากสาหร่ายที่อาศัยอยู่ในน้ำกร่อย น้ำเค็ม หรือ น้ำจืด มีการสะสมอย่างรวดเร็วในห้วงน้ำ ส่งผลให้เกิดสีบนผิวน้ำ โดยปกติแล้วจะพบได้ตามชายหาด ความงามทางธรรมชาตินี้มักเกิดขึ้นในยามค่ำคืนตามธรรมชาติ ในท้องทะเลนั้นจะมีสิ่งมีชีวิตเล็กๆต่าง ๆ ที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าล่องลอยอยู่มากมาย หลากหลายชนิด โดยสิ่งมีชีวิตพวกนี้เรียกว่า แพลงก์ตอน (Plankton) โดยแพลงก์ตอนที่ทำให้เกิดการเรืองแสงนี้จะเป็นแพลงก์ตอนพืชในกลุ่ม ไดโนแฟลกเจลเลต (Dinoflagellates) กว่า 720,000 เซลล์ เช่น Noctiluca scintillans , Gonyaulax sp. และ Pyrocystis sp. เป็นต้น โดยแพลงก์ตอนเหล่านี้สามารถทำปฏิกิริยาพิเศษที่เรียกว่า Bioluminescence ทำให้ผนังเซลล์เกิดการเรืองแสงเป็นสีเขียวหรือสีน้ำเงินได้ และยิ่งเมื่อแพลงก์ตอนพวกนี้มาอยู่รวมกันมากๆ เราจึงเห็นทะเล เรืองแสงเป็นสีน้ำเงิน หรือสีเขียวอมฟ้าออกมาได้ชัดเจน และถ้าน้ำมีการสั่นสะเทือนหรือเราลงไปในน้ำมันก็จะเกิดแสงรอบ ๆ นั่นเอง แพลงก์ตอนกลุ่มนี้พบได้ทั่วโลกเป็นปกติ แต่จะแพร่พันธุ์ได้มากเป็นพิเศษหรือ เกิดการ Bloom ขึ้นในทะเลที่มีแอมโมเนีย ไนโตรเจนและฟอสฟอรัส อยู่มากและนั่นก็เป็นแหล่งอาหารชั้นดีของพวกมันนั่นเอง ในภาวะปกติเจ้าพวกแพลงก์ตอนเหล่านี้จะพบไม่หนาแน่นและไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตในน้ำ แต่หากในน้ำที่มีปริมาณธาตุอาหารมากเกินไปจะทำให้เกิดการแบ่งตัวขยายปริมาณของแพลงก์ตอนอย่างรวดเร็วทำให้ปริมาณมวลแพลงก์ตอนเหล่านี้อาจบดบังแสงหรือปิดกั้นผิวน้ำทำให้ออกซิเจนในน้ำลดลง และการบดบังแสงกันเองของแพลงก์ตอนจะทำให้พวกมันค่อย ๆ ตายลงจนในที่สุด ปรากฏการณ์นี้จะเห็นได้เฉพาะจากระยะไกล และเมื่อยามที่เรือก่อปฏิกิริยาเคลื่อนไหวต่อท้องทะเล เช่น การออกเรือ การแล่นเรือ หรือการที่คนลงไปเล่นน้ำ การเรืองแสงของแพลงตอนดังกล่าวจะอยู่ได้นานเพียงแค่ 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น หลังจากนั้นแสงจะค่อย ๆ ลดลงเรื่อย ๆ แต่ว่าแสงที่เราได้เห็นนั้นในช่วงแรกจะมีความสว่างมากเฉพาะในคืนเดือนมืด

อย่างไรก็ตามท้องทะเลเรืองแสงสวยงามที่เรามองเห็นนี้ย่อมส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศวิทยา อาจเป็นอันตรายต่อปลาและสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ในท้องทะเล ที่เกิดจากการสาหร่ายเซลล์เดียวบางชนิดปล่อยสารพิษออกมา แต่นอกจากนั้นสาหร่ายที่เจริญเติบโตอย่างรวดเร็วและมีจำนวนหนาแน่น จะกั้นไม่ให้แสงอาทิตย์ส่องลงไปยังแหล่งน้ำได้ ทำให้พืชที่อยู่ใต้น้ำตาย เนื่องจากไม่สามารถรับแสงอาทิตย์เพื่อสังเคราะห์แสงและสร้างอาหาร ทำให้สัตว์อื่นที่กินพืชตายตามไปด้วยเนื่องจากไม่มีแหล่งอาหาร ในขณะเดียวกันเมื่อสาหร่ายตายลงก็ต้องใช้ออกซิเจนในการย่อยสลาย ทำให้เกิดภาวะออกซิเจนในน้ำลดลง และค่าแอมโนเนียในน้ำสูง ส่งผลกระทบต่อสัตว์น้ำซึ่งต้องอาศัยออกซิเจนในการดำรงชีวิตอีกด้วย จึงทำให้ปลาและสิ่งมีชีวิตบริเวณตามชายฝั่งทะเลตายเป็นจำนวนมากได้

ข้อมูลจาก https://www.scimath.org/article-science/item/10979-2019-10-25-07-25-14
-----
ภาพจาก https://www.facebook.com/100064510039558/posts/622491169911212/?app=fbl

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
'ไทเลอร์ ติณณภพ' ลูกชาย 'ธานินทร์' ดาวเด่นยุค 80 สู่พระเอกยุคใหม่"วิธีใช้รีโมทแอร์ในโหมดต่าง ๆ เพื่อประหยัดค่าไฟฟ้า
ประโยชน์ของชาเขียวโครงการช่วยเหลือให้เกิดสภาพคล่องของเศรษฐกิจรู้หรือไม่? แก๊งคอลเซ็นเตอร์มักใช้ข้อมูลอะไรหลอกลวงคุณแผนที่ที่เก่าแก่ที่สุดของยุโรปอายุ 4,000 ปี
ตั้งกระทู้ใหม่