Share Facebook LINE Twitter
หน้าแรก เว็บบอร์ด Chat ตรวจหวย ควิซ คำนวณ Pageแชร์ลิ้ง
หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ไขปริศนา!? "ปรากฏการณ์น้ำทะเลเรืองแสง"

โพสท์โดย อับดุล รอเเย๊ะส์

"ปรากฏการณ์น้ำทะเลเรืองแสง จริงๆ
เกิดจากสาหร่ายเซลเดียวครับ"

ปรากฏการณ์ที่เห็นน้ำทะเลเรืองแสงสวยงามแบบนี้ เป็นการเรืองแสงของสิ่งมีชีวิต หรือที่เรียกว่า “bioluminescence” ซึ่งเกิดจากการที่มีแพลงก์ตอน (plankton คือสิ่งมีชีวิตที่ลอยไปมาตามน้ำ ไม่สามารถเคลื่อนที่ได้เอง ) ในกลุ่มของสาหร่ายเซลล์เดียว พวกที่ชื่อ "ไดโนแฟลกเจลเลต (dinoflagellate) " มาสะสมตัวอยู่เป็นปริมาณมาก

พวกไดโนแฟลกเจลเลต (Dinoflagellates) นี้ มีหลากหลายสปีชีส์ (ตัวอย่างเด่นได้แก่ สกุล Noctiluca น็อกติลูก้า) และสามารถทำให้ผนังเซลล์ของมันเกิดการเรืองแสงเป็นสีเขียวหรือสีน้ำเงินได้ พอมารวมตัวกันมากๆ จึงเห็นทะเลเรืองแสงเป็นสีน้ำเงิน หรือสีเขียวอมฟ้า

แต่การที่พบพวกมันอยู่เป็นปริมาณมากๆ เช่นนี้ ก็เป็นดัชนีที่บ่งบอกถึงปัญหาทางสิ่งแวดล้อม เช่น ในน้ำที่มีปริมาณธาตุอาหารสารอินทรีย์มากเกินไป จนพวกมันสามารถเจริญเติบโตได้เต็มไปหมด (เหมือนกรณี red tide หรือปรากฏการณ์ขี้ปลาวาฬ )

ขณะที่บางชนิดก็ปล่อยสารพิษออกมาได้ด้วย ทำให้เป็นอันตรายต่อสัตว์น้ำในทะเลและระบบนิเวศ ..

รวมไปถึงการที่มันแผ่ปกคลุมเต็มน้ำ ทำให้แสงส่องลงไปใต้น้ำได้ลำบาก และสิ่งมีชีวิตกลุ่มพืชใต้น้ำ ก็ขาดแสงในการสังเคราะห์อาหาร พวกสัตว์น้ำที่ต้องอาศัยออกซิเจนในการดำรงชีวิต ก็ตายตามไปด้วย

ลองอ่านข้อมูลรายละเอียดจากบทความของ SciMathได้ด้านล่างครับ
-----
(บทความ) "มหัศจรรย์น้ำทะเลเรืองแสง" โดย : ศรุดา ทิพย์แสง

หลายท่านคงเคยได้เห็นทะเลเรืองแสงในตอนกลางคืน ไม่ว่าจะทางภาพถ่าย ทางสื่อต่าง ๆ หรือบางท่านอาจคงเคยมีประสบการณ์ได้พบเห็นด้วยตนเอง ซึ่งปรากฏการณ์ทะเลเรืองแสงนี้เราจะเรียกว่า“Bioluminescence” ซึ่งคนไทยบางพื้นที่อาจจะเรียกว่าต่อ ๆ กันมาว่า พรายน้ำ นั่นเอง ปรากฏการณ์ทะเลเรืองแสงนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร เกิดขึ้นจากอะไร เกิดขึ้นช่วงเวลาไหน วันนี้เราจะมาหาคำตอบกัน

ปรากฏการณ์ทะเลเรืองแสงสีฟ้าหรือที่เรียกกันว่า “ปรากฏการณ์ขี้ปลาวาฬ (Red tide)” คือชื่อสามัญของปรากฏการณ์สาหร่ายสะพรั่ง เป็นการรวมตัวขนาดใหญ่ของจุลชีพในท้องทะเล ซึ่งเกิดขึ้นจากไดโนแฟลกเจลเลตไม่กี่ชนิด ที่มีการสะพรั่งสีแดงหรือน้ำตาล เป็นเหตุการณ์ที่เกิดจากสาหร่ายที่อาศัยอยู่ในน้ำกร่อย น้ำเค็ม หรือ น้ำจืด มีการสะสมอย่างรวดเร็วในห้วงน้ำ ส่งผลให้เกิดสีบนผิวน้ำ โดยปกติแล้วจะพบได้ตามชายหาด ความงามทางธรรมชาตินี้มักเกิดขึ้นในยามค่ำคืนตามธรรมชาติ ในท้องทะเลนั้นจะมีสิ่งมีชีวิตเล็กๆต่าง ๆ ที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าล่องลอยอยู่มากมาย หลากหลายชนิด โดยสิ่งมีชีวิตพวกนี้เรียกว่า แพลงก์ตอน (Plankton) โดยแพลงก์ตอนที่ทำให้เกิดการเรืองแสงนี้จะเป็นแพลงก์ตอนพืชในกลุ่ม ไดโนแฟลกเจลเลต (Dinoflagellates) กว่า 720,000 เซลล์ เช่น Noctiluca scintillans , Gonyaulax sp. และ Pyrocystis sp. เป็นต้น โดยแพลงก์ตอนเหล่านี้สามารถทำปฏิกิริยาพิเศษที่เรียกว่า Bioluminescence ทำให้ผนังเซลล์เกิดการเรืองแสงเป็นสีเขียวหรือสีน้ำเงินได้ และยิ่งเมื่อแพลงก์ตอนพวกนี้มาอยู่รวมกันมากๆ เราจึงเห็นทะเล เรืองแสงเป็นสีน้ำเงิน หรือสีเขียวอมฟ้าออกมาได้ชัดเจน และถ้าน้ำมีการสั่นสะเทือนหรือเราลงไปในน้ำมันก็จะเกิดแสงรอบ ๆ นั่นเอง แพลงก์ตอนกลุ่มนี้พบได้ทั่วโลกเป็นปกติ แต่จะแพร่พันธุ์ได้มากเป็นพิเศษหรือ เกิดการ Bloom ขึ้นในทะเลที่มีแอมโมเนีย ไนโตรเจนและฟอสฟอรัส อยู่มากและนั่นก็เป็นแหล่งอาหารชั้นดีของพวกมันนั่นเอง ในภาวะปกติเจ้าพวกแพลงก์ตอนเหล่านี้จะพบไม่หนาแน่นและไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตในน้ำ แต่หากในน้ำที่มีปริมาณธาตุอาหารมากเกินไปจะทำให้เกิดการแบ่งตัวขยายปริมาณของแพลงก์ตอนอย่างรวดเร็วทำให้ปริมาณมวลแพลงก์ตอนเหล่านี้อาจบดบังแสงหรือปิดกั้นผิวน้ำทำให้ออกซิเจนในน้ำลดลง และการบดบังแสงกันเองของแพลงก์ตอนจะทำให้พวกมันค่อย ๆ ตายลงจนในที่สุด ปรากฏการณ์นี้จะเห็นได้เฉพาะจากระยะไกล และเมื่อยามที่เรือก่อปฏิกิริยาเคลื่อนไหวต่อท้องทะเล เช่น การออกเรือ การแล่นเรือ หรือการที่คนลงไปเล่นน้ำ การเรืองแสงของแพลงตอนดังกล่าวจะอยู่ได้นานเพียงแค่ 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น หลังจากนั้นแสงจะค่อย ๆ ลดลงเรื่อย ๆ แต่ว่าแสงที่เราได้เห็นนั้นในช่วงแรกจะมีความสว่างมากเฉพาะในคืนเดือนมืด

อย่างไรก็ตามท้องทะเลเรืองแสงสวยงามที่เรามองเห็นนี้ย่อมส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศวิทยา อาจเป็นอันตรายต่อปลาและสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ในท้องทะเล ที่เกิดจากการสาหร่ายเซลล์เดียวบางชนิดปล่อยสารพิษออกมา แต่นอกจากนั้นสาหร่ายที่เจริญเติบโตอย่างรวดเร็วและมีจำนวนหนาแน่น จะกั้นไม่ให้แสงอาทิตย์ส่องลงไปยังแหล่งน้ำได้ ทำให้พืชที่อยู่ใต้น้ำตาย เนื่องจากไม่สามารถรับแสงอาทิตย์เพื่อสังเคราะห์แสงและสร้างอาหาร ทำให้สัตว์อื่นที่กินพืชตายตามไปด้วยเนื่องจากไม่มีแหล่งอาหาร ในขณะเดียวกันเมื่อสาหร่ายตายลงก็ต้องใช้ออกซิเจนในการย่อยสลาย ทำให้เกิดภาวะออกซิเจนในน้ำลดลง และค่าแอมโนเนียในน้ำสูง ส่งผลกระทบต่อสัตว์น้ำซึ่งต้องอาศัยออกซิเจนในการดำรงชีวิตอีกด้วย จึงทำให้ปลาและสิ่งมีชีวิตบริเวณตามชายฝั่งทะเลตายเป็นจำนวนมากได้

ข้อมูลจาก https://www.scimath.org/article-science/item/10979-2019-10-25-07-25-14
-----
ภาพจาก https://www.facebook.com/100064510039558/posts/622491169911212/?app=fbl

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
มาเป็นคนแรกที่ VOTE ให้กระทู้นี้
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ทำไมเยอรมนีจึงเป็นประเทศแห่งวิศวกรรม ?หมอปลาทักแรง ภาคอีสานระวัง "ภูเขาไฟ" ดับไปแล้ว กำลังจะตื่นอีก
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
โรงแรมที่ใหญ่ที่สุด มีจำนวนห้องพักมากที่สุดในโลกส่องเส้นทาง “สป.สายไหม” คนใกล้ชิดนักการเมือง กับบทบาทใหม่ในวงการธุรกิจหมอปลาทักแรง ภาคอีสานระวัง "ภูเขาไฟ" ดับไปแล้ว กำลังจะตื่นอีก
ภาพตลกๆ ฮาลั่น ขำก๊าก EP1😁😂นักบวช (พระ) ในเกาหลีเหนือ สามารถไว้ผม มีลูกเมียเหมือนคนทั่วไปได้!ไขปริศนา? ทำไมข้างหลังของรถถังอิสราเอลถึงต้องมีลูกตุ้มห้อยอยู่!🤔ทางการเขมรประกาศ ร้องขอให้ปชช.เลิกกินหมา หวั่นถูกมองแย่ หลังสื่อใหญ่ทั่วโลกเริ่มตีข่าวดัง!
ตั้งกระทู้ใหม่
หน้าแรกเว็บบอร์ดหาเพื่อนChatหาเพื่อน Lineหาเพื่อน SkypePic PostตรวจหวยควิซคำนวณPageแชร์ลิ้ง
Postjung
เงื่อนไขการให้บริการ ติดต่อเว็บไซต์ แจ้งปัญหาการใช้งาน แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม ข่าวประชาสัมพันธ์ ลงโฆษณา
เว็บไซต์นี้ใช้ Cookie
เพื่อประสบการณ์ที่ดีและการใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ดูข้อมูลเพิ่มเติม อ่านนโยบายการใช้งาน
ตกลง