เกษตรกรชาวนาแปลงใหญ่ขายคาร์บอนเครดิตได้รอบสอง
สำหรับเรื่องการซื้อขายคาร์บอนเครดิต คนไทยเราคงได้ยินมาในช่วงระยะเวลา 1-2 ปีที่ผ่านมาและอาจจะมีความคุ้นเคยกันไปบ้าง หลายคนก็พอเข้าใจในเรื่องการซื้อขายคาร์บอนเครดิตกันที่มาที่ไปในเรื่องนี้กันพออยู่บ้าง ซึ่งเรื่องนี้ได้รับการผลักดันและให้ความรู้มาตลอดจาก สส.ที่กำกับดูแลในพื้นที่ และเป็นส่วนหนึ่งในนโยบายของพรรคชาติไทยพัฒนาในเรื่องการเกษตรผสมผสานกับสิ่งแวดล้อมที่ดี อีกทั้งยังเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรชาวนาไทยให้มีรายได้เพิ่มขึ้นอีกทาง
สำหรับที่ผ่านมานั้น การขายคาร์บอนเครดิต มีการส่งเสริมกันมาตลอด โดยเฉพาะมีเกษตรกรรุ่นใหม่ขายคาร์บอนเครดิตได้แล้วจริงๆ เป็นชาวนาที่อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี ที่สามารถขายคาร์บอนเครดิตได้แล้ว 17 ไร่ จำนวนเงินมูลค่า 8,000 บาท สร้างรายได้ให้พี่น้องชาวนาได้เป็นกอบเป็นกำ ถือเป็นชาวนากลุ่มแรกๆ ที่สามารถทำได้ และขายได้จริง ซึ่งต่อมาเราก็ได้รับทราบข่าวดีเพิ่มในเรื่องนี้
โดยทางด้าน นายเสมอกัน เที่ยงธรรม สส.สุพรรณบุรี พรรคชาติไทยพัฒนาได้ออกมาเปิดเผยว่า ได้มีกลุ่มชาวนาแปลงใหญ่ กลุ่มสอง ที่สามารถขาคาร์บอนเครดิตได้อีกครั้ง สำหรับเรื่องนี้ นายเสมอกัน ได้กล่าวแสดงความยินดีไว้ว่า
“กลุ่มนาแปลงใหญ่ที่ตำบลเดิมบาง ได้รับเงินคาร์บอนเครดิตรอบที่ 2 แล้วครับ ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ อย่างที่ผมเคยเล่าให้ฟัง จริงๆแล้ว ณตอนนี้ เงินที่ได้จากคาร์บอนเครดิต อาจยังไม่มากพอที่จะเป็นแรงจูงใจ ให้พี่น้องชาวนาหันมาทำนาแบบเปียกสลับแห้ง แต่ถ้าพี่น้องชาวนาลองศึกษาให้ดี ผลพลอยได้จากการที่เราทำนาแบบเปียกสลับแห้ง มีทั้งลดค่าปุ๋ย ลดค่ายา ลดค่าวิดน้ำ และที่สำคัญ ได้ผลผลิตเพิ่มขึ้นประมาณ 200 กิโลกรัมต่อไร่ ลองคิดดูครับว่าส่วนนี้เป็นเงินเท่าไหร่ อันนี้แหละครับที่จะทำให้พี่น้องชาวนา มีเงินในกระเป๋ามากขึ้นแม้ว่าจะขายข้าวได้ราคาเท่าเดิม อันนี้ยังไม่นับรวมถึงเงินจากอากาศคือคาร์บอนเครดิตที่พี่น้องชาวนายังได้อีก ป.ล. ทั้งนี้ ยังมีพี่สาวชาวนาอยู่คนนึง( พี่คนนี้ผมได้คุยกับแกตอนช่วงหาเสียงครับ) ได้สมัคร ขายคาร์บอนเครดิตรอบ 2 และ ยังอยากลองทำนารอบที่ 3 ดู เดี๋ยวเอาไว้เดือนสิงหาคม ถึงรอบเกี่ยว มารอดูกันครับว่าจะปังหรือพัง”
เห็นได้ว่าโอกาสใน การสร้างรายได้จากคาร์บอนเครดิตในอนาคตจะไม่จำกัดที่การทำนาอย่างเดียวเท่านั้น พืชสวน พืชไร่ อีกจำนวนมากที่สามารถต่อยอดการซื้อขายคาร์บอนเครดิตได้ นั่นแปลว่าอาชีพเกษตรกรจะไม่ได้มีรายแค่ทางเดียวอีกต่อไปในอนาคต แต่สิ่งที่ล้ำค่ามากกว่าการลงแรงทำการเกษตรยังช่วยเพิ่มพูนรายได้โดยที่ไม่ต้องลงทุนอย่างใดเลย หากแต่เปิดใจรับสิ่งใหม่ในโลกปัจจุบัน
ทั้งนี้ลองดูโพสที่ได้ลงไว้ก่อนหน้านี้ได้ที่ลิงค์นี้https://www.facebook.com/samerkun.thiengtham/posts/pfbid0sAd6fdF6M3DorU8ezBMi2kzuP6QhA9uNkxij8Th7qErExsNpWgz7q91SxoGKmywQl