วิธีการสร้างกุมารทองตามสมุดข่อยโบราณ!!!
มาจากนิตยสาร ต่วย ตูน พิเศษส่วนหนึ่ง และคัดจากหนังสือ นานาสาระเล่มที่ ๗ ของท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระญาณวโรดมอีกส่วน
ตำรากุมารทองเป็นไสยศาสตร์ในยุคที่เรียกว่ากรรมฐานนิพานสูตร อันมีอยู่ในสมุดข่อยสมัยกรุงศรีอยุทธยา เป็นตำราที่ชายชาตรีนิยมกัน
ตำราแบ่งเป็นสองประเภทคือ 1 กุมารทองใช้งาน 2.กุมารทองทำร้าย แต่วิธีเบื้องต้นในการสร้างคล้ายกันคือการนำวิญญาณใช้ประโยชน์แบบเตภูมิ 4 อัน ประกอบด้วยธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ
กุมารทองธรรมดาเป็นกุมารทองปลุกเสกใช้งานแทนคน เรียกว่าเพชรภูมิ มี 2 คือ 1. เพชรภูมิงาน หรือเพชรปรามกุมารทอง สร้างไว้ทำนาทำสวนตามเจ้าของสั่ง ทำงานตอนกลางคืน 2.เพชรปราบกุมารทอง สร้างขึ้นเพื่อปกป้องกันบ้านเรือน ขโมย คนแปลกหน้า กุมารทองจะแปลงเป็นผีเปรตหลอกหลอนให้คนเหล่านั้นหนีไป
กุมารทองทำร้ายคน สร้างเพื่อให้มีกำลังแก่กล้ามีอำนาจทำร้ายคนผู้เป็นศัตรู เพราะกุมารทองเพชรปราบทำได้แต่เพียงหลอกหลอนให้ตกใจกลัว หากเขาไม่กลัวก็บ่รู้ว่าจะทำอะไรได้ และสลายเมื่อฟ้าสาง
กุมารทองทำร้ายคนมี 4 ประเภท
เพชรดับ ทำร้ายคนตายแบบไร้ร่องรอย โดยการบีบคอคนแต่ไม่มีลายนิ้วมือ
เพชรสูญ ทำร้ายคนแบบทรมานจนกลายเป็นบ้า
เพชรมั่น ทำร้ายผู้บุกรุกโดยการกลายเป็นนักรบ (สู้โว้ย!) รับมือใครก็ตามได้ทั้งนั้น สิ่งที่สู้กุมารทองนี้ได้เป็นควายธนู ทำได้ตอกไม้ไผ่หาบศพหรือขี้ผึ้งเท่านั้น
เพชรคง ใช้ทำร้ายผู้บุกรุกเหมือนเพชรมั่น เสียแต่ว่ากุมารทองนี้มีพลังอำนาจสูงมาก กระทั่งควายธนูก็ไม่กลัว สามารถเดินออกนอกเขตติดตามไปล้างผลาญศัตรูได้ถึงที่คนส่งควายธนูมาทำร้ายได้ หากเจอกุมารทองแบบนี้แล้วต้องเตรียมสู้ให้พร้อม มิฉะนั้น เดี้ยง! (หากกระทู้นี้มีคนสนใจ คราวหน้าจะหาวิธีปราบ + ควายธนู + รักยมมาลงครับ)
การสร้าง ขั้นเตรียมการ
1.ขี้ไต้อย่างดี 4 อัน
2.กระทงเสียกบาลขนาดใหญ่ 1 กระทง
3.กระทงขนาดเล็ก 5 กระทง
4.ลาบเนื้อ ยำกุ้ง พล่ากุ้ง ข้าวผสมงา หมูสามชั้นต้ม
5.น้ำ 1 จอก เหล้าขาว 1 ขวด แก้ว 1 ใบ
หาวันดับ คือวันแรม 12-13-114-15 ค่ำ ทำพิธีต่อกันสี่วัน สถานที่คือป่าช้า ถ้าเป็นป่าช้าผีดิบยิ่งดีใหญ่
วันทำพิธี
อันนี้จะไม่พูดถึงแบบละเอียดนะครับ เพราะว่าการทำกุมารทองนั้นใช้สำหรับผู้มาอาคมเท่านั้น คนธรรมดาบูชาไม่ได้ครับ เพราะอันตรายเกินไป เหมือนเล่นกับงูเห่า เผลอๆ ตาย การเรียกส่งกุมารทองต้องดูเปลวเทียนที่จุดไว้ระหว่างภาวนาว่าเปลวเทียนยังไหวมาไปแปลว่าไม่มีพลัง หากมีอำนาจเปลวเทียนจะตั้งตรงเหยียดยาวหรือสีเปลวเทียนจะแดง น้ำเงินหรือเหลืองสด แปลว่าคาถาถึงที่สุดแล้ว...
วางกระทงเสียกบาลใหญ่ ซึ่งในกระทงมีเครื่องเส้น พร้อมลงบนพื้นดิน ขุดหลุมเล็ก 4 มุม 4 ทิศของกระทง เสียกบาลนำขี้ไต้ฝังลงในหลุม ตั้งให้ตรงไม่ล้มระหว่างพิธี จุดธูปบูชาครูก่อน จุดไฟให้ไห้ลุกโพลง จากนั้นก็ภาวนาเรียกภูตมากินเครื่องเซ่น ใช้ผ้าขาวห่อขี้ไต้ที่เหลือกลับบ้าน มีเคล็ดลับว่า เมื่อกลับบ้านนั้นอย่าหันมองดูข้างหลัง แม้มีเสียงอะไรผิดปรกติก็อย่าหันมอง...
เมื่อถึงบ้านก็ภาวนาเชิญผีเรือน พระภูมิเจ้าทำความรู้จักกับผู้มาใหม่ ทำความคุ้นเคยกันไว้ แล้วเก็บห่อผ้าขึ้นในที่ที่ควร แล้วเดนไปตามห้องต่างๆ ที่คนของเรานอนอยู่ พูดเองเออเองว่าเจ้าทั้งหลายนี่เมียนี่ลกหลานข้า เป็นญาติ จำไว้ให้ดี อย่าทำร้ายเขา ทำอย่างนี้ 4 คืน จะได้ขี้ไต้สี่ห่อ
เวลาเรียกกุมารทองเพชรปราบ เพชรปรามจะเกิดลมพัดรุนแรง แต่เพชรดับ เพชรสูญ เพชรมั่น เพชรคง นั้นจะเกิดลมหมุนดุจลมบ้าหมูจนฝุ่นฟุ้ง ต้องเพ่งในใจว่า หยุดนะ นะหยุดนะ ยอหยุดนะ หยุดวะ หยุดวิติ หยุด
การสร้างจะสร้างจากดิน 7 ป่าช้าผสมขี้ไต้ที่ทำแล้วหรือขี้ผึ้งปิดตาศพ เวลานั้นต้องภาวนากำหนดว่าจะเอากุมารทองแบบไหนก็เรียกสูตร เรียกนาม อักษรขอมเป็นชื่อกุมารทองแต่ละตน ลงไปที่หน้าอกเป็นสำคัญ กำหนดหน้าที่ เพราะกุมารทองนั้นตามความเชื่อเป็นบริวารของท้าวเวสสุวัณมาอยู่ในหุ่นแล้วผูกด้วยอาคม
ปล.ในคืนเดือน 4 คืนเดือนดับที่เรียกว่ากาฬปักษ์วิญญาณจะเรืองอำนาจสุด เป็นคืนสำคัญ ต้องเตรียมขี้ผึ้งปิดตาผีตายโหง (น่ากลัวแฮะ) คืนที่ 4 ต้องจุดเทียนไว้ด้วย เพื่อจะนำขี้ผึ้งปิดตาปิดปากผีมาลนไฟให้อ่อนนุ่ม ทำไปภาวนาไป จนขี้ไต้หมดไปครึ่งอันก็ดับ แล้วเก็บของใส่ผ้าขาวนำกลับบ้านเหมือนที่แล้ว
ในคืนนี้มีพิเศษคือต้องเรียนกบริวารผีของท้าวเวสสุวัณ ตามตำราระบุโดยมากเป็นนายป่าช้าซึ่งมีฤทธิ์มาก ตอนนี้สำคัญ เพราะอาจมีการปรากฏตัวของผีร้ายนั้น การเรียกมาเพราะเพื่อแสดงว่าหมอผีเก่งกว่า เพราะผู้ที่เป็นนายเขาก็ต้องเก่งกว่าอยู่แล้ว (อาจบางทียกเว้นขงเบ้งกับเล่าปี่ เหอๆ) ตอนนี้แหละเป็นการวัดฝีมือระหว่างผีกับคนว่าใครจะแน่กว่าใคร ถ้าคนเก่งกว่าผีผีจะยอมตามรับใช้ หากสู้ผีไม่ได้ล่ะก็...หุหุ