ประสบการณ์ออนเซ็นครั้งแรกที่ชินจูกุ

ผมกับแฟนเคยไปพักโรงแรมนี้ครั้งแรกเมื่อหลายปีก่อน นานมากแล้ว ตอนนั้นไปโตเกียว พักย่านชินจูกุครับ พักที่โรงแรมนี้ ไม่ไกลจากสวนสาธารณะ ชินจูกุ เกียวเมะ เท่าไหร่นัก ผมพักที่นี่ตั้ง 6 คืน เพราะ ใช้เป็นที่พักหลักในการเดินทางออกไปนอกเมือง โดยใช้รถไฟ JR, shinkansen ไปถึง นิกโก้ ฟูจิซัง คาวากุจิโกะ และอีกหลายเมือง

โรงแรมส่วนใหญ่ในญี่ปุ่น ห้องจะมีขนาดเล็กมากครับ โดยเฉพาะในเมืองใหญ่อย่างโตเกียว ขนาดห้องน่าจะแค่ 18-20 ตรม. เท่านั้น ครั้งแรกที่ไป ยอมรับว่า อึดอัดมาก เตียงก็เล็ก ห้องน้ำก็เล็ก ทุกอย่างดูเล็กไปหมด แม้แต่ที่วางกระเป๋าเดินทางยังแทบจะไม่มีที่วางเลยครับ แต่นอนกับแฟนสองคนก็อบอุ่นดี ในช่วงที่ฤดูหนาวย่างเข้ามา และอุณหภูมิลดลงเหลือแค่เลขตัวเดียว ตอนนั้นราว 8-9 องศา 

ทุกวันที่กลับมาจากเดินทางเที่ยวนอกเมืองไกลๆ แล้ว เดินเมื่อยมาก เพราะเดินเยอะทั้งวัน ก็จะได้ใข้บริการที่ออนเซ็นนี้ที่โรงแรมนี่แหละที่ช่วยทำให้เลือดลมไหลเวียน ลดความเมื่อยขาไปได้มาก อุณหภูมิน้ำในออนเซ็นน่าจะ 45-50 องศาเซลเซียส มีฟองอากาศเดือดๆ ปุดๆ อยู่ในบ่อ จนแฟนผมไม่กล้าลงไปในบ่อ ดูภาพคือบ่อด้านขวามือล่างครับ 

และยังมีบ่อเล็กๆ ที่ดูเหมือนเป็นส่วนตัวหน่อย ในห้องกระจกที่เปิดเข้าไปอีก 2 บ่อครับ ดูจากรูปคือ ด้านซ้ายบนนั่นแหล่ะครับ บรรยากาศในออนเซ็นก็จะประมาณในรูปเลย ออนเซ็นอยู่ชั้นใต้ดิน แยกเพศชายหญิงออกจากกันครับ ส่วนตัวผมไม่ค่อยอายเท่าไหร่ เพราะหน้าด้านจากการเที่ยวซาวน่าในไทยมาจนชิน ส่วนแฟนผมจะอายๆกว่าผมหน่อย ตื่นสนามมากกว่าผม 

ความแตกต่างระหว่างซาวน่ากับออนเซ็น คือว่า ซาวน่า มันคือ ที่ออกกำลังกาย ที่เน้นไปที่ฟิตเนส ห้องอบไอน้ำ ห้องซาวน่าร้อน เป็นหลัก เหมาะสำหรับการอบตัวลดน้ำหนัก หรือเพื่อสุขภาพ หรือเพื่อกิจกรรมอื่น แต่ความจริง พอน้ำหนักลดเพราะเหงื่อออก เราก็ดื่มน้ำชดเชยเข้าไปอยู่ดี การลดน้ำหนักด้วยซาวน่า ส่วนตัวผมคิดว่า ไม่ใช่วิธีลดน้ำหนักครับ 

สำหรับออนเซ็นในญี่ปุ่น มันจะไม่มีห้องซาวน่าร้อน ไม่มีห้องอบไอน้ำหรือสตีมแบบในซาวน่า แต่มันจะมีแต่บ่อที่ลงไปแช่ตามในรูปเลยครับ โดยจะต้องอาบน้ำล้างตัวก่อน มันจะมีโซนนั่งแก้ผ้าอาบน้ำที่อีกมุมหนึ่งของบ่อครับ ค่อนข้างสว่างเห็นได้ชัดดทียบกับซาวน่าที่มืดสลัวกว่ามาก มีแชมพู สบู่เหลวให้หมดครบ ที่ใช้คำว่านั่งแก้ผ้า คือเรื่องจริงครับ เพราะมันเป็นธรรมเนียมการอาบน้ำในออนเซ็นในญี่ปุ่นก่อนลงบ่อ

หลังอาบน้ำล้างตัวแล้ว ก็เดินมาลงบ่อออนเซ็น ทุกคนที่อยู่ในบ่อ จะเห็นงวงช้างของทุกคนแบบทุกอณู ทุกไรขนเลยครับ อายไม่อาย กล้าไม่กล้ามันก็อยู่ตรงนี้แหละครับ ส่วนผมพันธุ์ใจกล้าหน้าด้านอยู่แล้ว ไม่มีความอายเหลืออยู่เลย แค่ทำตัวกลมกลืนไปกับเขาแค่นั้นเอง

ออนเซ็นในโรงแรม ส่วนใหญ่คือ ลูกค้าที่พักโรงแรมนั้นแหละครับ ที่เข้ามาใช้บริการ ตอนที่ผมไป ผมกับแฟนคือคนไทยแค่ 2 คนในนั้น และยังมีคนญี่ปุ่นอีก 3-4 คน และฝรั่งอีก 1 คนครับ สลับกันขึ้นลงบ่อ จนเห็นน้องชายหมดทุกคนในนั้น บอกตรงๆ ไม่มีใครขนาดเท่าแฟนผมได้เลยสักคน นี่เรื่องจริงครับ ไม่ได้คุยโม้ เนื่องจากแฟนผมจัดว่าเป็นคนไทยไซส์นิโกรก็ว่าได้ครับ ขนาดยาว 2 ใน 3 ของไม้บรรทัด ไปวัดเอาเองครับกี่นิ้ว

เทียบกับฝรั่ง 1 คนในออนเซ็นแล้ว ผมเทียบชั้นได้สบาย ฝรั่งไม่ได้ใหญ่สมชื่อเลยครับ ยิ่งเทียบกับแฟนผม มันคนละไซส์เลย ยิ่งถ้าไปเทียบกับคนญี่ปุ่นที่เหลืออีก 3-4 คน คนญี่ปุ่นแต่ละคนนี่เล็กมาก มีทั้งหนุ่มน้อยอายุราว 20 ปี อยู่ 2 คน และที่เหลือ คือ หนุ่มญี่ปุ่นวัยทำงาน ไม่เกิน 35 แน่นอนว่า คนญี่ปุ่นทุกคนเล็กกว่าผมอีกครับ ของผมถือว่ามาตรฐานสุดๆแล้วสำหรับเอเชีย

ที่สำคัญ ในวันนั้น มีเหตุการณ์ครั้งหนึ่ง คือ มีคนญี่ปุ่นคนหนึ่งในนั้นมาแอบเหล่มอง สนใจแฟนผมด้วย ถึงกับตามแฟนผมเข้าไปในห้องกระจกสองคน ห้องที่มีสองบ่อนั่นแหละครับ ทั้งที่บ่อก็เล็กมาก สังเกตได้ว่า เขาเป็นเกย์แน่ๆ ไม่งั้นไม่ตามแฟนผมใกล้ชิดขนาดนี้ สายตามองไปที่ตรงนั้นของแฟนผมตลอดเวลา คนญี่ปุ่นอาจจะชอบคนเข้มๆ มากกว่าขาวตี๋ คิดว่านะ หรือไม่ก็เป็นรสนิยมเฉพาะแค่เกย์คนนี้ 

แฟนรู้สึกไม่ดี อยู่แค่สองคนในห้องกระจก แต่เล่นจ้องตลอดเวลา โดยเฉพาะจังหวะก้าวขึ้นลงจากบ่อ เลยรีบเดินออกมาลงบ่อใหญ่กับผม บ่อข้างนอกมีคนเยอะกว่า ผมนั่งแช่ในบ่อใหญ่ตลอดเวลาครับ มองเห็นทุกขนาดทุกอณู วิวและมุมดีมาก เทียบแล้ว ไม่มีใครเกินแฟนผมเลยสักคน ห่างกันลิบลับ คนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก แม้แต่นิโกร คอนเฟิร์ม