เตือนภัย!!! แก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ใช้กลยุทธ์ไหน ทำไมหลอกอดีตตำรวจโอนเงินกว่า 1 ล้านบาทได้
นางสาวสุพัตรา สุนันทมงคล ผู้เป็นลูกสาวของ ร้อยตำรวจตรี นรงค์ฤทธิ์ พนมวัน ตำรวจเกษียณอายุราชการ วัย 70 ปี
ได้เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเย็นของวันที่เกิดเหตุนั้น พ่อได้โทรศัพท์มาบอกว่าถูกหลอกโอนเงินไปหนึ่งล้านบาท
โดยในช่วงสายนั้น มีคนโทรศัพท์มาอ้างเป็นตำรวจ สภ. มุกดาหาร แจ้งว่าบัญชีของพ่อเกี่ยวข้องกับคดียาเสพติด
ให้พ่อเดินทางไปให้ปากคำ ภายใน 2 ชั่วโมง
พ่อจึงบอกไปว่าตอนนี้อยู่จังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นอดีตตำรวจเหมือนกัน
จากนั้นแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์จึงไดออกอุบายในยืนยันตัวตนผ่านแอปธนาคาร
แต่พ่อนั้นไม่มีแอปธนาคารในโทรศัพทืมือถือ เพราะกลัวเรื่องถูกแฮ็กดูดเงิน
แก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่อ้างว่าเป็นตำรวจ จึงโน้มน้าวให้พ่อนั้น โหลดแอปธนาคารเข้ามาในโทรศัพท์
เมื่อพ่อโหลดแอปมาตามคำชักจูงแล้วนั้น ก็บอกให้พ่อแอดไลน์ ซึ่งก็เป้นไลน์ของบัญชีปลอม
ที่ใช้ชื่อบัญชีว่า สภ. มุกดาหาร ทำให้พ่อได้หลงเชื่ออย่างสนิทใจ
จากนั้นแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ จึงให้พ่อกดแอปตามขั้นตอนและให้ไปยืนยันตัวตนที่ธนาคารด้วย
กว่าพ่อจะรู้ตัวก็มีเงินออกจากบัญชีไปหนึ่งล้านบาทแล้ว
แก็งค์คอลเซ็นเตอร์พยายามจะโน้มน้าวให้พ่อโอนอีกครั้ง แต่ตอนนั้นพ่อรู้ตัวแล้ว
จึงรีบโทรศัพท์มาบอก นางสาวสุพัตราซึ่งเป็นลูกสาว เมื่อตนได้รับข่าวจากพ่อก็รู้สึกตกใจมาก ๆ
จึงรีบเดินทางไปยังธนาคารที่ถูกหลอกให้โอนเงิน เพื่อให้ช่วยเหลือ
แต่ทางธนาคารบอกว่าให้ไปติดต่อธนาคารบัญชีปลายทางของคนร้าย
เวลาได้ผ่านไปกว่า 1 ชั่วโมง หลังจากได้โทรไปสอบถามธนาคารปลายทางของตนร้ายว่าเงินยังอยู่หรือไม่
พบว่าเงินหนึ่งล้านบาทยังคงอยู่ในบัญชีของคนร้าย แต่ไม่สามารถระงับได้ เนื่องจากต้องให้ผู้เสียหาย
คือพอ่ นำบัตรประชาชนไปเสียบกับเครื่องของเจ้าหน้าที่ธนาคาร ซึ่งตนก็ได้บอกว่าพ่ออยู่ต่างจังหวัดไม่สามารถดำเนินการเองได้
ทางธนาคารจึงแนะนำขั้นตอนต่าง ๆ เพื่อมอบอำนาจให้ตน
อย่างไรก็ตามกว่าจะดำเนินการเสร็จสิ้นก็ใช้เวลาไปหลายชั่วโมง สุดท้ายแทนที่จะได้เงินหนึ่งล้านบาทคืน
แต่เจ้าหน้าที่ธนาคารกลับแจ้งว่า เงินหนึ่งล้านบาทนั้นได้ถูกถอนออกไปยังบัญชีคนร้ายเรียบร้อยแล้ว
ทำให้นางสาวสุพัตราซึ่งเป้นลูกสาวของอดีตตำรวจนั้นโมโหสุด ๆ ทั้งที่เรารู้ตัวเร็วและเร่งดำเนินการ
แต่กลับมาติดปัญหาที่ขั้นตอนของธนาคาร ที่ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้เลย
เรียกได้ว่า ปลอดภัยต่อมิจฉาชีพ อันตรายกับผู้เสียหาย เลยทีเดียว
อีกทั้งระหว่างที่ดำเนินการเรื่องธนาคารการอยู่นั้น ตนได้พยายามติดต่อตำรวจไซเบอร์ 1441
ปรากฏว่าให้รอสายนานมาก ๆ พอถึงคิวก็ได้ตัดสายทิ้ง เป็นแบบนี้อยู่หลายครั้ง
กว่าเจ้าหน้าที่จะติดต่อกลับมาในช่วงค่ำ แต่ก็ไม่เห็นจะช่วยอะไรประชาชนได้ตามเคยประชาสัมพันธ์ไว้
หลังจากเกิดเหตุดังกล่าว พ่อจึงได้ไปแจ้งความที่ สภ. ศรีเทพ
ขณะนี้เป็นหน้าที่ของตำรวจในการสืบสวน ขณะเดียวกันทางธนาคารก้ไม่ได้ให้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติม
และไม่สามารถรู้ได้ว่าเงินจำนวนหนึ่งล้านบาทนั้นได้ออกไปทางช่องทางไหน
นางสาวสุพัตราจึงอยากเตือนไว้เป็นอุทาหรณ์แก่ประชาชนเพื่อไม่ให้หลงกลลวงของแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์
และอยากฝากให้ทางตำรวจและธนาคารให้หาวิธีการช่วยเหลือ หรือมีมาตรการช่วยเหลือลูกค้าได้รวดเร็วกว่านี้
ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเงินอยู่ในบัญชีโจรแต่กลับไม่สามารถช่วยอะไรลูกค้าได้เลย
มันน่าโมโหจริงค่ะ