การดิ้นรนของมนุษย์โลก ก่อนใกล้ถึงวันดับสูญพันธุ์!!
มีแนวโน้มว่า การประทุขึ้นของภูเขาไฟในโคลัมเบียในรอบนี้ อาจจะทำให้เกิดการสูญเสียชีวิตของประชาชนมากถึงกว่าหนึ่งหมื่นคน นี่คือคำพูดของรัฐบาลโคลัมเบียเอง เหตุผลก็คือ รัฐบาลมีการประกาศแจ้งเตือนประชาชนให้รีบอพยพออกจากพื้นที่ใกล้เคียงภูเขาไฟโคลอนเบียอย่างเร่งด่วน เพราะทางรัฐบาลมีความเชื่อว่า ภูเขาไฟจะประทุระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง
แต่ประชาชนจำนวนมากไม่มีใครยอมอพยพออกไปสักคน พวกเขาบอกว่า ยอมตายดีกว่าอพยพออกไปแล้วไม่รู้อนาคตและอาจจะอดตายเหมือนกัน ขอเลือกตายอยู่ในพื้นที่บ้านของตนเองดีกว่า ความตายจึงเป็นเรื่องที่ไม่สำคัญของคนที่ไม่มีทางเลือก ไม่รู้อนาคตและรู้สึกเหนื่อยหน่ายต่อการดิ้นรนของชีวิตตนเอง
อินโดนีเซียและแม๊กซิโกก็เป็นอีกประเทศ ที่มีความสุ่มเสี่ยงสูงที่จะเกิดการระเบิดของภูเขาไฟขนาดใหญ่ และมีแนวโน้มว่า ประชาชนในหลายพื้นที่อาจดับสูญสิ้นชีวิตไป แต่นั่นมันก็ไม่ได้ต่างไปจากผู้คนที่โคลัมเบีย หลายคนเหนื่อยหน่ายต่อการดิ้นรนเอาตัวรอด ความตายอาจจะเป็นสิ่งที่สงบสุขกว่าการใช้ชีวิตไปแบบไร้จุดหมายในปัจจุบัน และมีประชาชนหลายประเทศที่คิดแบบนี้
ภาพการประทุขึ้นของภูเขาไฟในรัสเซีย ทำให้หมอกของเถ้าถ่านปกคลุมในหลายเมือง จนแทบจะเปลี่ยนกลางวันมาเป็นตอนกลางคืนและกินพื้นที่ของรัสเซียไปไกลถึง 5%ก็ตาม แต่รัฐบาลและประชาชนก็ไม่มีใครให้ความสนใจ แม้ว่าพวกเขาจะสุ่มเสี่ยงต่อก๊าซพิษของเถ้าถ่านของภูเขาไฟก็ตาม นี่คือสิ่งที่ชี้บ่งบอกชัดเจนว่า "มนุษย์โลกกำลังหมดหวังและไร้ซึ่งพลังงานของชีวิต ที่จะขับเคลื่อนให้พวกเขาดิ้นรนเอาตัวรอดได้"
หมอกควัน pm2.5 เริ่มขยายเพิ่มขึ้นทั่วทั้งยุโรปและเอเซีย แต่ทุกอย่างดูเหมือนว่าทั้งรัฐบาลและประชาชนจะไม่ให้ความสนใจในเรื่องนี้ ทุกคนเลือกที่จะดิ้นรนทำมาหากินกันไปวันๆ ในขณะที่หลายรัฐบาลกลับมุ่งมั่นที่จะให้ความสนใจในการรักษาอำนาจของตนเองเอาไว้ ส่วนกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของโลกก็หมดพลังที่จะคิดปกป้องธรรมชาติของโลกเอาไว้
การทำสงครามในความขัดแย้ง และการซ้อมรบของทหารแบบถี่ยิบในหลายทวีปที่มีความขัดแย้งกัน ทั้งใช้ระบบคลื่นทางทหารที่ส่งความร้อนสูงต่อสนามแม่เหล็กโลก รวมถึงขีปนาวุธทดสอบล้วนสร้างก๊าซเรือนกระจก ที่เป็นตัวเร่งเร้าให้อุณหภูมิโลกร้อนขึ้น สภาวะความแห้งแล้งที่รุนแรงและการเปลี่ยนแปลงของสภาวะอากาศโลก กำลังนำภัยพิบัติธรรมชาติมาเยือนมนุษย์โลกเพิ่มขึ้น และแน่นอนว่า สภาวะเช่นนี้ย่อมส่งผลต่อการผลิตอาหารไม่เพียงพอต่อจำนวนของเผ่าพันธุ์มนุษย์โลก ความอดอยากหิวโหยจะระบาดไปทั่วโลก และจะเข้าถึงยุคที่ไม่มีมนุษย์ในส่วนไหนของโลกที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือกันอีกต่อไป
ยุคของเชื้อโรคจริงกับเชื้อโรคปลอมที่มนุษย์ปล่อยออกมาเข่นฆ่ากันเอง ที่ต่างแพร่ระบาดจนทำให้องค์การสาธารณสุขโลก ไม่สามารถรับมือได้ โลกติดต่ออุบัติใหม่จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ รวมไปถึงเชื้อโรคติดต่อสายพันธุ์ใหม่ ที่มีเป้าหมายจากฝีมือมนุษย์ที่ต้องการลดประชากรโลกให้ลดลงอย่างรวดเร็ว สถานการณ์เช่นนี้จึงทำให้องค์การอนามัยโลก ไม่สามารถค้นพบยารักษาได้ และสุดท้ายการล้มหายตายลงของจำนวนประชากรโลก จะกลายเป็นเรื่องปกติในอนาคตข้างหน้า
การแข่งขันทางเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์ของมหาอำนาจโลก เพื่อเป็นเจ้าแห่งมหาเศรษฐกิจของโลก ด้วยหลักวิทยาศาตร์ที่ไม่ได้คำนึงถึงผลเสียต่อสภาวะของโลก เช่นการทดสอบสร้างดวงอาทิตย์เทียม ล้วนส่งผลเสียต่อสภาวะโลกอย่างรุนแรง เมื่อมีก๊าซไฮโดรเจนจำนวนมหาศาลได้หลุดรั่วออกมา จึงทำให้หลายเมืองในหลายประเทศเกิดพายุน้ำท่วมที่รุนแรงอย่างเฉียบพลัน และทำให้อีกหลายเมืองในหลายประเทศ เกิดสภาวะความแห้งแล้งอย่างเฉียบพลัน
สงครามโลกกำลังจะเกิดขึ้น ของชาติมหาอำนาจ ที่เต็มไปด้วยความโลภและความต้องการเป็นหนึ่ง ความขัดแย้งที่รุนแรง ที่เริ่มขยายตัวออกไปทั่วโลก หากสงครามเกิดขึ้นจริง จะส่งผลรุนแรงต่อมนุษย์โลกมากถึงกว่า 6,000 ล้านคน และจะเกิดสภาวะโลกเป็นสูญญากาศ ทุกอย่างจะหยุดนิ่งลง เหลือทิ้งไว้แค่ความอดอยากและภัยพิบัติที่รุนแรงที่จะเกิดขึ้นบนโลกนี้เท่านั้น
มนุษย์โลกนับวันกำลังใกล้เข้าสู่การสูญพันธุ์ไปจากโลกใบนี้ หลายคนเริ่มเหนื่อยหน่ายกับการมีชีวิตที่ต้องดิ้นรนอย่างทุกข์ทรมาน ประชากรกว่า80%บนโลกล้วนเจ็บป่วยจากโรคร้าย ภัยพิบัติโลกและเสี่ยงกับความยากจนและขาดแคลนอาหาร และมีประชากรแค่เพียง 5% ของโลกที่มีความพร้อมทุกอย่างแต่เห็นแก่ตัวและขี้เหนียว และต้องการมีอำนาจควบคุมโลก และมีประชากรอยู่15% ที่เกิดมาแสวงหาแต่ผลประโยชน์ส่วนตัวอย่างเดียว ชอบเก็บสะสมเงินทองเอาไว้ คอยคิดเอาเปรียบเพื่อนร่วมโลกอย่าง้ดียว และมองเพื่อนร่วมโลกเป็นได้แค่ชนชั้นต่ำเท่านั้น
พลังงานชีวิตของโลกเริ่มอ่อนแรงลงเรื่อยๆ จงรีบเตรียมหาที่อยู่ที่ปลอดภัย สำหรับใครที่ต้องการมีชีวิตรอดไปถึงโลกอนาคต ที่คาดว่าจะมีอยู่แค่เพียงน้อยนิดเท่านั้น ก่อนที่จะมีการรีเซตโลกกันขึ่นมาใหม่.
เดชา นฤนารท .