หนูไม่ได้บ้า หนูไม่ได้ป่วยเป็นซึมเศร้านะหมอ(2)
ต่อจาก ตอนที่ 1 นะคะ😊😊
พอฉันวางสายจากแม่แล้ว ฉันกลับมานั่งกินข้าวกับยายต่อพร้อมทั้งน้ำตาและการด่าทอตัวเองที่ทำให้แม่ต้องเป็นห่วง (คือตอนนั้นคิดโทษตัวเองมากๆ) พอกืนข้าวเสร็จ ในใจเราก็ชุกคิดขึ้นมา มองหน้ายายและบอกตัวเองในใจว่า รอให้ยายกินข้าวให้อิ่มก่อนนะ แล้วเรามาตายด้วยกัน ทั้งเราและยายจะได้ไม่มีใครมาห่วงหรือเป็นภาระให้ใครอีก จบความคิดนั้น นั่งรอยายกินข้าวมองยายและบอกว่ากินเยอะๆนะ และก็ร้องไห้สะอึกสะอื้อ
ไม่เกิน5 นาที มีสายเข้าอีกสายคือ พี่สาวของฉันที่เคยเป็นพยาบาลและแต่งงานมีครอบครัวอยู่ต่างจังหวัด
สิ่งที่พี่พูดเราแทบจำไม่ได้เลยว่าพี่พูดอะไรบ้างรู้แค่ว่าเราร้องไห้หนักมากและบอกพี่ว่าจะไม่อยู่แล้วพอแล้ว พอฟังพี่พูดสักพัก เหมือนเราเริ่มมีสตินิดนึง และฟังออกว่า ให้ไปหาหมอ!!!
ตอนนั้นโกรธมาก ตะโกนใส่โทรศัพท์ว่า กูไม่ได้บ้าาาาาาา!!!!
เพราะเชื่อว่าการหาหมอจิตเวชคือคนบ้า ไม่เคยรู้จักคำว่าซึมเศร้า ไม่เคยศึกษา ไม่อยู่ในชีวิตเลย รู้แค่ว่าซึมเศร้าแปลว่าบ้า
เพราะความโกรธพี่สาวจึงทำให้การโทษตัวเองหายไป ไม่โทษตัวเองละ ไม่ฆ่ายายละ กลับมาเสียใจกับสิ่งที่พี่สาวว่าเราเป็นบ้ามากกว่า ลืมหมดอันที่คิดที่เตรียมตัวจะตาย พอวันต่อมา แม่ก็ได้มาคุยและให้โทรหาศูนย์สุขภาพจิตเพื่อทำแบบประเมินเบื้องต้น คะแนนออกมาคือต้องพบแพทย์ด่วนเลย ครั้งแรกในชีวิตที่ไปแผนกจิตเวช ขณะที่นั่งรอหมอ คนไข้บางคนก็รำบ้าง ร้องโวยวายบ้าง บางคนก็ร้องเพลง ยิ่งทำให้เราโกรธพี่กับแม่เข้าไปใหญ่ จนได้พบคุณหมอ คำถามแรกที่หมอถาม มากับใครคะ ? ถามไปสักพัก เรานัางร้องไห้โหๆ คือแบบอะไรวะ ร้องไห้หนักมากต่อหน้าหมอ แต่สิ่งที่เห็นคือหมอเงียบและมองเราตั้งใจดูเราจนกว่าเราจะร้องเสร็จแบบไม่มีการว่าหรือห้ามอะไรเลย
จากนั้น คุณคือคนไข้รับยาและนัดอีกครั้งค่ะ😂😂😂