ย้อนรอยรถไฟฟ้าสายสีทอง ขนส่งมวลชนขนาดรอง เสริมการเดินทางสายหลัก รัฐไม่ต้องลงทุน ประชาชนรับประโยชน์
หลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 คลี่คลาย กรุงเทพมหานครค่อย ๆ กลับเข้าสู่ภาวะปกติ ถนนที่โล่งมา 3 ปี กลับมาคึกคัก การจราจรหนาแน่นเหมือนเดิม แต่ระบบขนส่งมวลชนของกรุงเทพฯ ค่อนข้างมีประสิทธิภาพ เพราะมีทางเลือกในการเดินทางให้ประชาชนหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรือโดยสารสาธารณะ หรือรถไฟฟ้าทั้งใต้ดินและบนดิน ทำให้การเดินทางของคนเมืองค่อนข้างง่ายและสะดวก โดยในอนาคตอันใกล้นี้จะมีรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้นมาอีกหลายสีหลายเส้นทาง ซึ่งปัจจุบันกำลังดำเนินการก่อสร้างใกล้แล้วเสร็จ เช่น รถไฟฟ้าสายสีส้ม รถไฟฟ้าสายสีเหลือง และรถไฟฟ้าสายสีชมพู เป็นต้น
เมื่อพูดถึงระบบรถไฟฟ้า นอกจากกรุงเทพฯ จะมีรถไฟฟ้าสายหลักแล้ว ก็ยังมีรถไฟฟ้าสายรองด้วย ที่น่าสนใจอย่างรถไฟฟ้าน้องเล็ก ที่อาจจะไม่โดดเด่นมากนัก แต่เป็นที่รู้จักไม่น้อย ก็คือ รถไฟฟ้าสายสีทอง ซึ่งเป็นระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนขนาดรอง ทำหน้าที่เป็นระบบเสมือน (Feeder System) ให้แก่ระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนระบบหลัก ที่ส่งเสริมการเข้าถึงและเป็นทางเลือกการเดินทางโดยไม่ใช้รถยนต์ แม้จะมีปริมาณผู้โดยสารน้อยเมื่อเทียบกับรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนหลัก เพราะเป็นสายรองระยะทางสั้น เฟสแรกมี 3 สถานี แต่ก็ถือว่า “จิ๋วแต่แจ๋ว” เพราะมีบทบาทช่วยการเดินของผู้คนในย่านฝั่งธนบุรี บรรเทาความเดือดร้อนจากปัญหาการจราจรที่ค่อนข้างแออัดคับคั่งได้ไม่น้อยทีเดียว ที่สำคัญเป็นโครงการที่รัฐไม่ต้องออกเงินลงทุนเองเลยแม้แต่บาทเดียว แต่รายได้และกรรมสิทธิ์ทุกอย่างของโครงการตกเป็นของรัฐทั้งหมด เพื่อมอบประโยชน์ให้แก่ประชาชน
ที่มาโครงการ
- เป็นโครงการที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้กรุงเทพมหานคร (กทม.) เป็นผู้ดูแล
- โดยกรุงเทพมหานครได้มอบหมายให้ บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (เคที) ซึ่งเป็นวิสาหกิจของกทม. เป็นผู้บริหารและพัฒนาโครงการ รวมทั้งมีสิทธิในการจัดเก็บค่าโดยสาร การหารายได้เชิงพาณิชย์จากโครงการต่างๆ ของบริษัท และการหาแหล่งเงินทุนในการก่อสร้าง (ซึ่งกทม. ไม่ได้สนับสนุนงบประมาณแก่เคทีแต่อย่างใด)
- กรุงเทพธนาคมไม่ได้ใช้งบประมาณของภาครัฐ แต่เป็นรูปแบบความร่วมมือกับภาคเอกชน เพื่อพัฒนากรุงเทพฯ ไปด้วยกัน ทำให้โครงการเกิดขึ้นเร็ว ไม่ต้องรอกระบวนการวิธีของบประมาณจากภาครัฐ
- เอกชน คือ กลุ่มสยามพิวรรธน์ เป็นผู้สนับสนุนงบประมาณการลงทุนเอง 100% หรือราว 3,000 ล้านบาท
- ทรัพย์สินในโครงการทั้งหมดเป็นกรรมสิทธิ์ของกทม. รวมถึงรายได้จากค่าตั๋วโดยสาร
- เมื่อการดำเนินงานได้ผลกำไร บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด จะต้องจ่ายผลตอบแทนให้กับกรุงเทพมหานครในอัตราร้อยละ 50 (ตามสัญญาระหว่างกรุงเทพมหานคร และบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด)
ข้อมูลโครงการ
- เริ่มก่อสร้างในปี 2561 (เปิดบริการ 16 ธ.ค. 2563)
- ก่อสร้างโดยบริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์
- ระยะทาง 1.8 กิโลเมตร วิ่งตามแนวถนนกรุงธนบุรี ถนนเจริญนคร และถนนสมเด็จพระเจ้าตากสิน
- ให้บริการ 4 สถานี ประกอบด้วย (G1) สถานีกรุงธนบุรี - เชื่อต่อกับรถไฟฟ้า BTS, (G2) สถานีเจริญนคร – เชื่อมต่อกับไอคอนสยาม, และ (G3) สถานีคลองสาน - โรงพยาบาลตากสิน
- รถไฟฟ้าเป็นระบบ Automated Guideway Transit (AGT) หรือระบบขนส่งมวลชนแบบนำทางอัตโนมัติ หรือระบบ Automated People Mover (APM) ซึ่งเป็นระบบไร้คนขับสายแรกของประเทศ
- รถที่นำมาใช้เป็นรถไฟฟ้ารุ่น Bombardier Innovia APM 300
- ใช้รางเบานำทาง วิ่งบนล้อยาง ทำให้เกิดเสียงขณะวิ่งรถน้อยกว่าเมื่อเทียบกับรถไฟฟ้าระบบอื่น ช่วยลดมลพิษทางเสียง และได้มาตรฐานด้านความปลอดภัย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
- ความเร็วสูงสุด 80 ก.ม./ช.ม. จำนวน 3 ขบวนๆ ละ 2 ตู้ (ใช้รับส่งผู้โดยสาร 2 ขบวน และสำรองในระบบ 1 ขบวน)
- ความจุผู้โดยสาร 138 คน/ตู้ หนึ่งขบวนจุผู้โดยสารได้ 276 คน และรองรับผู้โดยสารได้มากถึง 4,200 คน/ชั่วโมง/ทิศทาง
- ตู้รถไฟฟ้ามีความกว้าง 2.8 มตร ความยาว 12.75 เมตร ความสูง 3.5 เมตร ประตูมีความกว้าง 19 เมตร ความสูงของพื้นรถ 1.1 เมตร
- อัตราค่าโดยสาร 3 สถานี 15 บาท (ปัจจุบันปรับเป็น 16 บาท)
- เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีเขียว หรือรถไฟฟ้า BTS สายสีลม บริเวณสถานี BTS กรุงธนบุรี (G1)
-ถูกออกแบบมาเพื่อให้เป็นสายเชื่อมต่อการคมนาคมทางรถ เรือ และระบบราง ซึ่งมีการวางแผนก่อสร้างเฟสขยายในอนาคต เพื่อเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีแดงและสายสีม่วงด้วย
- อยู่ในเส้นทางที่เป็นทำเลทางเศรษฐกิจของฝั่งธนบุรี ที่มีทั้งที่อยู่อาศัย สถานที่ราชการ สถานศึกษา โรงพยาบาล โรงแรม ร้านค้า ร้านอาหาร และแหล่งช้อปปิ้ง
แผนการในอนาคต
- โครงการรถไฟฟ้าสายสีทองระยะที่ 2 ในอนาคต จะเป็นการต่อยอดโครงข่ายการให้บริการให้เกิดความครอบคลุมมากยิ่งขึ้น โดยจะขยายต่อจากสถานีคลองสาน (G3) บริเวณหน้าโรงพยาบาลตากสินไปตามแนวถนนสมเด็จเจ้าพระยา ระยะทาง 900 เมตร ซึ่งจะก่อสร้างสถานีประชาธิปก (G4)
- สถานีประชาธิปก จะห่างจากสถานีรถไฟฟ้าสายสีม่วงประมาณ 400 เมตร
- ในอนาคตจะมีการพัฒนาโครงข่ายต่อขยายเส้นทางจากทางด้านเหนือไปอีก 3 สถานี (ระยะทางประมาณ 1.82 ก.ม.) เพื่อเชื่อมโครงข่ายการเดินทางไปยังรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (ช่วงหัวลำโพง-บางแค)
- เมื่อโครงการแล้วเสร็จทั้ง 2 ระยะตามแผนที่ศึกษาไว้ จะมีระยะทางรวม 2.7 กิโลเมตร