ทำความรู้จัก "ฟิลเลอร์" ช่วยชะลอวัยและลดริ้วรอยได้จริงไหม? แต่ละจุดฉีดกี่CC ถึงเห็นผล
การฉีดฟิลเลอร์ หรือการฉีดสาร Hyaluronic Acid (HA) หรือสารเติมเต็มบนใบหน้า เพื่อช่วยปรับรูปหน้าให้สวยเข้ารูปมากยิ่งขึ้น เรียกได้ว่าเป็นหัตถการยอดนิยมในปัจจุบันเลยทีเดียว เพราะการฉีดฟิลเลอร์สามารถแก้ปัญหาต่างๆบนใบหน้าได้ชัดเจน และสามารถฉีดได้หลากหลายจุก เช่น การฉีดฟิลเลอร์ปากเพื่อให้ปากสวยอวบอิ่มที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก หรือการฉีดฟิลเลอร์คางเพื่อให้คางเข้ารูป นอกจากนี้ยังรวมไปถึงการฉีดฟิลเลอร์ตามรอยร่องแก้มอีกด้วย ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์นอกจากจะช่วยให้ใบหน้าของเราสวยเข้ารูปแล้ว ยังช่วยยกใบหน้าให้ดูกระชับอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้นด้วย
ฟิลเลอร์คืออะไร
ฟิลเลอร์ คือสารเติมเต็มบนใบหน้า ประเภทสาร Hyaluronic Acid (HA) ที่จะเข้าไปเติมเต็มส่วนต่างๆของใบหน้า ซึ่งสารประเภทนี้มีส่วนประกอบของคอลลาเจนและเป็นสารที่ใกล้เคียงกับโครงสร้างที่มีอยู่แล้วในเซลล์ผิวมนุษย์ โดยหลักการการทำงานของฟิลเลอร์จะเข้าไปเติมเต็มชั้นผิวที่เริ่มเสื่อมสภาพและมีการยุบตัวลงของกระดูก ซึ่งมักเกิดขึ้นบริเวณหน้าผาก ขมับ ร่องแก้ม อีกทั้งยังมีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำได้ดีจึงช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว กระชับรูขุมขนและชลอการเกิดริ้วรอยอีกด้วย อีกหนึ่งคุณสมบัตรของฟิลเลอร์ที่เห็นได้ชัดเลยคือมีค่าความคงตัวสูง จึงสามาให้ฉีดเสริมคางได้ และฟิลเลอร์ที่มีค่าความคงตัวต่ำ แต่มีการกระจายตัวได้ดี มักจะใช้ฉีดบริเวณร่องแก้มหรือใต้ตาได้ดี
ฟิลเลอร์มีกี่ประเภท
ฟิลเลอร์สามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภทด้วยกัน ซึ่งจำแนกได้จากระยะเวลาการคงตัวอยู่ของฟิลลเลอร์หลังฉีด ดังนี้
- ฟิลเลอร์แบบชั่วคราว หรือ Temporary filler ฟิลเลอร์แบบชั่วคราวมีระยะเวลาอยู่ได้นาน 4-6 เดือน มีความปลอดภัยและสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ
- ฟิลเลอร์แบบกึ่งถาวร หรือ Seme Permanent filler ฟิลเลอร์แบบกึ่งถาวรนี้สามารถอยู่ได้นานถึงประมาณ 2 ปี
- ฟิลเลอร์แบบถาวร หรือ Permanent filler ฟิลเลอร์แบบภาวรนี้เป็นการฉีดสารเติมเต็มประเภทซิลิโคน หรือพาราฟินเข้าไป อาจจะมีผลข้างเคียงได้ในระยะยาว
ควรเลือกใช้ฟิลเลอร์ประเภทสาร Hyaluronic Acid (HA) เพราะมีความปลอดภัยสูง ได้รับอนุญาติจาก FDA หรือ องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา และยังสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ
ฟิลเลอร์ช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง
ฟิลเลอร์สามารถช่วยปรับรูปใบหน้าให้ดูสมดุลมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งยังสามารถช่วยในเรื่องความอ่อนเยาว์ของใบหน้าได้อีกด้วย เช่น
- ฟิลเลอร์สามารถช่วยแก้ปัญหาริ้วรอย ร่องลึก บริเวณต่างๆของใบหน้าได้
- ฟิลเลอร์สามารถช่วยปรับแต่งรูปหน้าได้ เช่น เติมริมฝีปากให้อวบอิ่มได้รูป
- ฟิลเลอร์สามารถช่วยแก้ปัญหาคางไม่ได้รูป หรือคางสั้น
- ฟิลเลอร์สามารถกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ให้ผิวได้ ช่วยให้ผิวดูเปล่งกระกายสุขภาพดี และอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น
บริเวณที่นิยมในการฉีดฟิลเลอร์
โดยทั่วไปการฉีดฟิลเลเลอร์สามารถฉีดได้หลายตำแหน่ง ขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละจุด แต่ปกติแล้วฟิลเลอร์จะนิยมฉีดกันมากที่สุดใน 7 จุดสำคัญบนใบหน้า ดังนี้
- การฉีดฟิลเลอร์หน้าผากจะเป็นการเพิ่มวอลลุ่มของหน้าผากให้โหนกนูนและดูสมส่วนกับใบหน้ามากยิ่งขึ้น
- การฉีดฟิลเลอร์ขมับจะเป็นการเติมขมับสามารถทำให้ใบหน้าดูสดใส และมีมิติมากยิ่งขึ้น
- การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะช่วยลดรอยดำคล้ำของผิวใต้ตา ทำให้ร่องลึกกลับมามีวอลลุ่ม และถุงใต้ตาเต่งตึงขึ้น
- การฉีดฟิลเลอร์จมูกเพื่อปรับรูปจมูกตามที่ต้องการซึ่งค่อนข้างเป็นที่นิยม แต่แพทย์ไม่แนะนำให้ฉีดบริเวณนี้เพราะไม่สามารถปรับรูปทรงจมูกตามต้องการได้จริง
- การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มจะช่วยเข้าไปเติมเต็มผิวบริเวณร่องแก้มที่คล้อยและเป็ยรอยลึก ให้กลับมาเต่งตึงอีกครั้ง
- การฉีดฟิลเลอร์ปากซึ่งกำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก เพราะสามารถทำให้ปากดูอาบอิ่ม และเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ริมฝีปากอีกด้วย หรือฉีดฟิลเลอร์เพื่อยกมุมปากให้เป็นรูปทรงที่สวยขึ้น
- การฉีดฟิลเลอร์จะช่วยแก้ปัญหาคางสั้น คางทู่ คางไม่เข้ารูป และปรับรูปหน้าให้เรียวเป็นธรรมชาติ
ที่มา https://www.gangnamconsult.com/filler-injection/
ฟิลเลอร์มีกี่ยี่ห้อ ใช้ฉีดเพื่อแก้ปัญหาต่างกันไหม
ปัจจุบันนี้ฟิลเลอร์ในท้องตลาดมีหลากหลายยี่ห้อ และหลากหลายรุ่น แต่ฟิลเลอร์ที่ได้รับการรับรองจาก อย. และเป็นที่นิยมในคลินิกเสริมความงามต่างๆมีเพียง 4 ยี่ห้อ ดังนี้
1. ฟิลเลอร์ ยี่อห้อ Restylane
ฟิลเลอร์ Restylane เป็นสารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid (HA) มีต้นกำเนิดจากประเทศสวีเดน และเป็นที่ยอมรับจากแพทย์ทั่วโลก ซึ่งรุ่นที่ได้รับความนิยมมีดังนี้
- Restylane Vital light มีระยะเวลาคงตัวอยู่ได้ 6-12 เดือน
- Restylane Perlane lyft มีระยะเวลาคงตัวอยู่ได้ 12 เดือน
- Restylane Volyme มีระยะเวลาคงตัวอยู่ได้ 18 เดือน
- Restylane Defyne มีระยะเวลาคงตัวอยู่ได้ 18 เดือน
- Restylane Refyne มีระยะเวลาคงตัวอยู่ได้ 12 เดือน
- Restylane Classic มีระยะเวลาคงตัวอยู่ได้ 12 เดือน
2. ฟิลเลอร์ ยี่อห้อ Juvederm
ฟิลเลอร์ Juvederm เป็นสารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid (HA) มีต้นกำเนิดจากประเทศสหรัฐอเมริกา และเป็นอีกหนึ่งฟิลเลอร์ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในคลินิกเสริมความงามและแพทย์ทั่วโลก มีรุ่นที่ได้รับความนิยมดังนี้
- Juvederm Ultra Plus มีระยะเวลาคงตัวอยู่ได้ 12 เดือน
- Juvederm Volift มีระยะเวลาคงตัวอยู่ได้ 12 เดือน
- Juvederm Volite มีระยะเวลาคงตัวอยู่ได้ 8-12 เดือน
- Juvederm Volbella มีระยะเวลาคงตัวอยู่ได้ 12 เดือน
- Juvederm Voluma มีระยะเวลาคงตัวอยู่ได้ 18 เดือน
3. ฟิลเลอร์ ยี่อห้อ Belotero
ฟิลเลอร์ Belotero เป็นสารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid (HA) มีต้นกำเนิดมาจากประเทศสวิสเซอร์แลนด์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ Colorful filler เพราะเป็นฟิลเลอร์หลากหลายสีสัน โดยแต่ละสีจะทำให้เหมาะกับเฉพาะจุดที่ฉีด เช่น กล่อง Belotero สีเหลือง เหมาะกับการเติมฟิลเลอร์ใต้ตา หรือผิวชั้นตื้น โดยรุ่นที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันมีดังนี้
- Belotero Intense มีระยะเวลาคงตัวอยู่ได้ 18 เดือน
- Belotero Volume มีระยะเวลาคงตัวอยู่ได้ 18 เดือน
4. ฟิลเลอร์ ยี่อห้อ Perfectha
ฟิลเลอร์ Perfectha เป็นสารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid (HA) มีต้นกำเนิดมาจากประเทศฝรั่งเศส และเป็นที่ยอมรับจากมากกว่า 70 ประเทศทั่วโลก มีรุ่นที่ได้รับความนิยมดังนี้
- Perfectha Subskin มีระยะเวลาคงตัวอยู่ได้ 12 เดือน
วิธีดูฟิลเลอร์แท้ หรือฟิลเลอร์ปลอม
เนื่องจากการฉีดฟิลเลอร์ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน และฟิลเลอร์แท้ก็มีหลากหลายยี่ห้อ หลากหลายรุ่น ฟิลเลอร์ปลอมก็มีระบาดเกลื่อนทั่วอินเตอร์เน็ต ซึ่งสามารถเช็คฟิลเลอร์แท้ก่อนฉีดได้ดังนี้
- ฟิลเลอร์แท้ต้องมีเลขทะเบียนอย. อยู่ที่ข้างกล่อง
- ฟิลเลอร์ของแท้ แต่ละยี่ห้อมักจะมีเลขหรือ QR Code กำกับเอาไว้ด้านข้างกล่อง หรือบริเวณที่ต้องเปิดกล่อง
- ฟิลเลอร์แท้สามารถสังเกตเลขล็อตบนกล่องและบนขวดจะต้องตรงกัน
- หากเป็นฟิลเลอร์แม้คุณสามารถนำเลขข้างกล่องมาตรวจสอบได้ด้วยการโทรเช็กกับบริษัทที่เป็นผู้นำเข้าในแต่ละยี่ห้อ
- เวลาเปิดหลอดเพื่อใช้งาน จะต้องเป็นการหักปากหลอดทิ้ง เพื่อมั่นใจว่าไม่ใช่ของปลอมที่นำมาใช้ทดแทน
ซึ่งหากเป็นฟิลเลอร์ที่มีการซื้อขายบนอินเตอร์เน็ตให้คากเดาไว้ก่อนเลยว่าเป็นฟิลเลอร์ปลอม ไม่ปลอดภัย และแพทย์จะไม่รับฉีดฟิลเลอร์ที่เราทำการซื้อหรือหิ้วมาเองด้วย
ฉีดฟิลเลอร์แต่ละจุดควรใช้กี่ cc
ต้องบอกก่อนเลยว่าการฉีดฟิลเลอร์ในแต่ละจุด ของแต่เคสแต่ละบุคคล มีจำนวนไม่เท่ากัน เพราะปัญหาของแต่ละคน หรือความต้องการของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ซึ่งฟิลเลอร์สามารถทยอยเติมจนกว่าจะได้ผลลัพธ์ที่พอใจ ทั้งนี้ก็ต้องจำนวน cc ในการฉีดฟิลเลอร์แต่ละจุดจะขึ้นอยู่กับแพทย์ที่เป็นผู้ประเมินของแต่ละเคส แต่วันนี้เรารวบรวมข้อมููลโดยประมาณของจำนวนการฉีดฟิลเลอร์แต่ละจุดมาได้ดังนี้
- บริเวณหน้าผาก จะใช้ฟิลเลอร์โดยประมาณ 3-5 cc
- บริเวณขมับ จะใช้ฟิลเลอร์โดยประมาณ 2-4 cc
- บริเวณแก้ม จะใช้ฟิลเลอร์โดยประมาณ 1-2 cc
- บริเวณใต้ตา จะใช้ฟิลเลอร์โดยประมาณ 2-4 cc
- บริเวณจมูก จะใช้ฟิลเลอร์โดยประมาณ 2-3 cc
- บริเวณร่องแก้ม จะใช้ฟิลเลอร์โดยประมาณ 1-3 cc
- บริเวณริมฝีปาก จะใช้ฟิลเลอร์โดยประมาณ 1-2 cc
- บริเวณคาง จะใช้ฟิลเลอร์โดยประมาณ 1-2 cc
ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์
การฉีดฟิลเลอร์เป็นหัตถการที่ใช้เวลาไม่นาน ไม่ต้องพักฟื้น สามารถแก้ปัญหาบนใบหน้าได้อย่างตรงจุด และมีข้อดีอื่นๆมากมาย ดังนี้
- ไม่ต้องมีการพักฟื้น ใช้เวลาในการฉีดไม่นาน ไม่มีแผล ไม่มีรอยแผล เมื่อฉีดเสร็จสามารถเดินทางกลับบ้านได้ทันที
- มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากฟิลเลอร์ที่ได้รับการรับรองจาก อย. ไม่ทำให้เกิดอาการแพ้ และหลังฉีดฟิล เลอร์ไม่มีปัญหาเรื่องของสารตกค้างในร่างกาย เนื่องจากฟิลเลอร์สามารถสลายเองได้ตามธรรมชาติ
- การฉีดฟิลเลอร์สามารถทยอยเติมได้เรื่อย ๆ ตามความต้องการและถ้าไม่ชอบก็สามารถฉีดสลายออกได้ 100%
- ให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน สวยเป็นธรรมชาติ
- การฉีดฟิลเลอร์เหมาะกับตำแหน่งที่ต้องการความละเอียดสูง เช่น ใต้ตา ร่องแก้ม คาง
- การฉีดฟิลเลอร์เป็นหัตถการจึงไม่ต้องใช้ยาสลบ ไม่ต้องเสี่ยงกับขั้นตอนการวางยาสลบจากการผ่าตัด
ฉีดฟิลเลอร์อันตรายไหม
สำหรับการฉีดฟิลเลอร์นั้นต้องบอกเลยว่าไม่อันตราย เนื่องจากฟิลเลอร์เป็นสารเติมแต่งประเภท Hyaluronic Acid (HA) เป็นชนิดเดียวที่ปลอดภัยที่สุดและยังได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (US FDA) เป็นที่นิยมนำมาใช้ด้านความงาม อีกทั้งยังได้รับความไว้วางใจจากวงการแพทย์ทั่วโลกอีกด้วย ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์แท้ หรือสารเติมแต่งประเภท Hyaluronic Acid (HA) จะสามารถสลายได้หมด 100% ไม่มีสารตกค้างและสามารถฉีดใหม่ได้เรื่อยๆโดยไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
แต่หากฉีดฟิลเลอร์ปลอมที่มีการซื้อขายตามอินเตอร์เน็ต หรือฟิลเลอร์ที่ไม่ได้รับการรับรองอย่างถูกต้องอาจส่งผลข้างเคียงรุนแรงได้
ฉีดฟิลเลอร์แล้วเข้าใกล้ความร้อนได้ไหม? ฟิลเลอร์จะละลายไหม?
ข้อปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์ที่แพทย์มักแนะนำอยู่เสมอคือการหลีกเลี่ยงการปะทะความร้อนโดยตรงหลังจากฉีดฟิลเลอร์ เนื่องจากฟิลเลอร์สามารถละลายได้ หากได้รับความร้อนที่มีอุณภูมิสูงมากๆ ซึ่งความร้อนที่เราใช้ชีวิตประจำวันทั่วไปไม่ได้มีอุณภูมิสูงจนสามารถทำให้ฟิลเลอร์ละลายได้ แต่อาจจะส่งผลให้มีการเสื่อมสลายจากอายุการใช้งานจริงเล็กน้อย
แต่การโดนความร้อนโดยตรง เช่น การซาวน่า จะเป็นการบีบรัดตัวเหมือนกับการนวดคลึงทำให้ฟิลเลอร์ที่เราฉีดเคลื่อนตัวไม่อยู่ในตำแหน่งที่แพทย์ได้ทำการฉีดไว้ ส่งผลให้ผลลัพธ์หลังฉีดไม่เป็นที่น่าพึงพอใจนั่นเอง
ฉีดฟิลเลอร์ไม่เห็นผลเกิดจากอะไร
การฉีดฟิลเลอร์แล้วไม่เห็นผลอาจเกิดขึ้นได้จากหลากหลายสาเหตุ หนึ่งสาเหตุที่สำคัญเลยคือ ความไม่เชี่ยวชาญของแพทย์ที่ทำการฉีดฟิลเลอร์ เพราะหากแพทย์ไม่มีความเชี่ยวชาญอาจส่งผลให้การคำนวณปริมาณฟิลเลอร์ที่ต้องใช้ผิดพลาด จึงทำให้หลังฉีดจะไม่สามารถเห็นผลลัพธ์ได้นั่นเอง
ฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน เกิดจากอะไร
การฉีดฟิลเลอร์แล้วเกิดการเป็นก้อนเกิดขึ้นได้จากหลากหลายสาเหตุ เช่น ความไม่เชี่ยวชาญของแพทย์ที่ทำการฉีดฟิลเลอร์ ทำให้การประเมินผลจำนวนการใช้ฟิลเลอร์ผิดพลาด หรือเลือกใช้ฟิลเลอร์ไม่ตรงกับบริบทของบริเวณที่ต้องการฉีด จึงส่งผลให้ฟิลเลอร์เกิดการเป็นก้อน
อีกหนึ่งสาเหตุที่มักทำให้ฟิลเลอร์เป็นก้อน คือการฉีดฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือที่เราเรียกกันว่าฟิลเลอร์ปลอม ซึ่งมักมีราคาที่ถูกมากๆ ไม่มีประสิทธิภาพ ไม่สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ ดังนั้นเมื่อเวลาผ่านไปจึงทำให้ฟิลเลอร์เกิดจากเป็นก้อน และอาจจะมีอาการอักเสบ หรือการติดเชื้อร่วมด้วย
การฉีดฟิลเลอร์เป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นสารเติมแต่งประเภท Hyaluronic Acid (HA) จะสามารถสลายได้หมด 100% ไม่มีสารตกค้างที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย อีกทั้งยังสามารถแก้ปัญหาใบหน้าได้อย่างถูกจุด อย่างเช่น การฉีดฟิลเลอร์ปากเพื่อปากชุ่มชื้น ดูอวบอิ่ม หรือการฉีดฟิลเลอร์หน้าฝากเพื่อเพิ่มวอลลุ่มให้หน้าผากดูสมส่วนกับใบหน้ามากยิ่งขึ้น ซึ่งฟิลเลอร์สามารถฉีดได้หลากหลายจุดบนใบหน้า แต่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดจะมี 7 จุดบนใบหน้า ดังนี้ หน้าผาก ใต้ตา ขมับ จมูก ร่องแก้ม ปาก และคาง โดยการฉีดฟิลเลอร์ไม่ต้องมีการพักฟื้น และสามารถทยายเติมฟิลเลอร์ได้เรื่อยๆจนได้ทรงที่ต้องการ จึงทำให้ฟิลเลอร์กลายมาเป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก